ท่านอ๋องเริ่มฝึกวรยุทธ์ในเขตหวงห้ามหลังจากที่นางเจียงหนีไป หว่างคิ้วของเขาปรากฏความเคียดแค้น จากนั้นก็ค่อยๆ มี ‘รอยสัก’ ปรากฏขึ้นมา ประมาณสองปีหลังจากนั้นเขาจึงใส่หน้ากาก และไม่ออกมาพบหน้าผู้คนอีก
เพราะฉะนั้นเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างไร ไม่มีผู้ใดบอกได้
มีครั้งหนึ่งนางกำนัลเห็นใบหน้าของเขาเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นก็ถูกเขาสังหารอย่างอนาถ อาม่าเป็นเพียงคนเดียวที่เคยเห็นหน้าเขาและยังมีชีวิตรอด กระนั้นอาม่าก็ไร้ซึ่งหนทางรักษาเขา
กว่าฉิวอู๋หยาจะมารักษาให้เขา ใบหน้าของเขาก็ถูกทำลายไปแล้ว ‘รอยสัก’ ประหลาดปรากฏทั่วร่างกายของเขา ฉิวอู๋หยาเคยเห็นเพียงแขนของเขา จึงวินิจฉัยผลของยาที่ตนปรุงจากรอยบนแขน
นี่ก็เป็นเรื่องที่คนในเผ่าต่างรู้ดี
เพราะฉะนั้น เมื่อคนเดียวที่เคยเห็นการเปลี่ยนแปลงของท่านอ๋องยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่านี่คือท่านอ๋อง การตอบโต้ของฉิวอู๋หยาย่อมไร้ผล
“ผู้อาวุโส พวกท่านเชื่อข้าเถอะ! บุรุษผู้นี้ไม่ใช่ท่านอ๋อง! เจ้านี่เป็นคนของพวกเขา! ขขข…ข้าเคยเห็นเขากับตา! เป็นเขาแบกขึ้นหลังมา!” ฉิวอู๋หยามองไปยังอิ่งสือซัน
อิ่งสือซัน “เจ้าจะบ้าหรือ? ข้าไม่รู้จักเขาสักหน่อย”
อิ่งลิ่ว “ข้าก็ไม่รู้จัก”
ฉิวอู๋หยาแทบจะกระอักเลือดออกมา “?!”
ฉิวอู๋หยาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “พวกเจ้าไม่รู้จัก…ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าก็บอกมาสิว่ามาที่นี่เพราะเหตุใด และทำไมจึงสู้กับท่านอ๋อง”
อิ่งสือซันตอบโดยไม่มีพิรุษ “พวกข้าเป็นองครักษ์ของฮูหยิน พวกข้าติดตามฮูหยินมาที่นี่ ส่วนทำไมถึงสู้กันน่ะหรือ เจ้าไปถามท่านอ๋องของพวกเจ้าเองเถิด ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ เขาจะคลุ้มคลั่งขึ้นมา”
“เจ้า…” ฉิวอู๋หยาโทสะพลุ่งพล่าน องครักษ์ซึ่งร่วมต่อสู้เมื่อครู่ก็ตายหรือไม่ก็นอนหมดสติอยู่กับพื้น ไม่มีผู้ใดสามารถเป็นพยานได้
ทันใดนั้นเอง เขาก็เห็นชางอิงฟื้นขึ้นมาแล้ว “ใต้เท้าชาง!”
ซิวหลัวกระทืบเท้าข้างหนึ่ง ชางอิงก็หมดสติไปเหมือนเดิม
ฉิวอู๋หยา “…”
เขาเดือดดาลจนรู้สึกประหนึ่งร่างจะระเบิด สายตาของเขามองไปยังซิวหลัว ทันใดนั้นก็เกิดความคิดขึ้นมา “ผู้อาวุโส! นี่คือซิวหลัวในเขตหวงห้าม! พวกเขาเป็นคนขโมยซิวหลัวไป!”
อาม่าจึงกล่าวว่า “ผิดแล้วไป ซิวหลัวถูกคนจากหนานจ้าวที่ลอบเข้ามาในเผ่าลักพาตัวไป ระหว่างทางพบกับพวกข้า พวกข้าจึงแย่งซิวหลัวคืนมา”
ฉิวอู๋หยาโมโหจนแทบลมจับ เขาใช้เวลาสักพักกว่าจะระงับโทสะของตน แล้วค่อยๆ พูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสหลี ท่านอย่าลืมว่าพวกเขาทรยศท่านอ๋อง ท่านอ๋องจึงส่งทูตแห่งความมืดออกตามล่าพวกเขา!”
อาม่ายังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง กล่าวว่า “นั่นเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ไหนแต่ไรมาพวกข้าไม่เคยทรยศท่านอ๋อง เป็นเพราะมีคนปลุกปั่น จึงทำให้ท่านอ๋องคิดว่าพวกข้าขัดคำสั่ง ถ้าหากพวกข้าคิดหนีจริงๆ พวกข้าไม่มีทางกลับมาที่นี่หรอก”
ฉิวอู๋หยากล่าวว่า “พวกเจ้ากลับเผ่ามาก็เพราะพวกเจ้ากำลังตามหาตัวยาต่างหาก!”
อาม่าแค่นเสียงขึ้นจมูก “เหลวไหล!”
“หนวกหู” เยี่ยนจิ่วเฉาค่อยๆ พยุงศีรษะขึ้นมา เขารู้สึกราวกับศีรษะกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะร้องขึ้นมา
ทุกคนเงียบกริบลงทันใด
พวกเขาล้วนหันไปมองต้นเสียง
อวี๋หวั่นพยายามสงบสติอารมณ์ เธอกอดเสี่ยวเป่าเอาไว้ ซิวหลัวเข้ามายืนขวางด้านหน้าของเธอ
ทันทีที่ได้ยินเสียง เสี่ยวเป่าก็เงยหน้าขึ้นมา ขณะที่เขาอ้าปากจะร้องเรียกท่านพ่อ อวี๋หวั่นก็ยกนิ้วขี้ขึ้นแตะริมฝีปากเพื่อบอกให้เขาเงียบ
เสี่ยวเป่าหันซุกใบหน้ากลับไปอย่างว่าง่าย
อาม่าคุกเข่าลงคำนับเยี่ยนจิ่วเฉา “ท่านอ๋อง”
เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นคนฉลาด เขาต้องตามแผนการของตนทันอย่างแน่นอน
อาม่ากล่าวว่า “เมื่อครู่ท่านอ๋องฝึกวรยุทธ์หรือ? เกือบจะธาตุไฟเข้าแทรกเสียแล้ว โชคดีที่อาโต้วกับซิวหลัวลงมือทันเวลา”
ถ้าหากอ้างว่าความวุ่นวายในครั้งนี้เป็นเพราะท่านอ๋องฝึกวรยุทธ์ ก็จะมีน้ำหนักมากพอ พวกเขาจำต้องประมือกับท่านอ๋องอย่างไม่มีทางเลือก ไม่มีผู้ใดกล่าวโทษพวกเขาได้
ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อเยี่ยนจิ่วเฉาได้ยินสิ่งที่พวกอาม่าพูด คิ้วโก่งของเขาก็ขมวดเข้าหากัน “เจ้าเป็นใคร”
อาม่าชะงัก เขากำลังแสดงฉาก ‘หายไปนานสามปี เจ้าเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้’ อยู่หรือเปล่านะ
อาม่ากระแอม แล้วกล่าวว่า “ท่านอ๋อง ข้าคือนักบวชของเผ่า”
“เจ้าคือนักบวช?” เยี่ยนจิ่วเฉามองอาม่าด้วยสีหน้าสับสน พยายามกล่าวคำพูดลอดไรฟัน
อาม่าสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ นี่คือสายตาของเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ผิดแน่ แต่เหตุใดเขาถึงไม่รู้จักตน!
เป็นไปได้อย่างไรกัน
อาม่ามองไปยังชุยเฒ่าซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง
ชุยเฒ่ายกมือขึ้นปิดตา เอาแล้วสิ ผลข้างเคียงมาแล้ว สมองเขาได้รับความกระทบกระเทือน
ชิงเหยียนยืนอึ้ง เขาชี้ที่ตนเอง “แล้วข้าละ?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองหน้าชิงเหยียนด้วยสายตาประหลาดใจ “เจ้าเป็นใครอีก?”
ชิงเหยียนตื่นตะลึง จิ่วเฉาตัวน้อยจำเขาไม่ได้เหมือนกันหรือ!
“คะ…คุณ…” อิ่งลิ่วเกือบหลุดพูดออกมาว่าคุณชาย ทว่าอิ่งสือซันจับแขนเขาไว้ เขาจึงรีบปิดปาก แล้วส่งสายตาให้เยี่ยนจิ่วเฉา
เขาส่งสายตาเสียจนตะคริวจะกินหนังตา แต่กลับไม่เป็นผล
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองเขา “มองข้าทำไม”
อิ่งลิ่วใจเต้นระส่ำ แย่แล้ว คุณชายก็จำเขาไม่ได้เหมือนกัน!
ให้ตายเถอะ คุณชายสมองกระทบกระเทือนจนจำอะไรไม่ได้เลยหรือ?
ลืมพวกเขาได้อย่างไรกัน?
ฉิวอู๋หยาสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล เจ้านี่ความจำเสื่อมหรือ? ลืมพรรคพวกของตนเองไปแล้ว ได้การละ! ครานี้จะได้รู้กันว่าเขาจะแสร้งเป็นท่านอ๋องได้อย่างไร และจะจัดการกับเจ้าพวกหน้าไม่อายนี้อย่างไร
อวี๋หวั่นส่งเสี่ยวเป่าให้ซิวหลัว จากนั้นก็เดินฝ่าฝูงชนเข้าไปนั่งข้างเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน จากนั้นก็กระซิบว่า “ข้าละ? ท่านคงไม่ได้ลืมข้าหรอกใช่ไหม?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองอวี๋หวั่นด้วยสายตาฉงนใจ
อวี๋หวั่นตระหนักได้ทันทีว่าเขาก็ลืมเธอเช่นกัน
อวี๋หวั่นจึงบอกไปว่า “ข้าคืออาหวั่นไง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]