ชิงเหยียนและอวี๋หวั่นมองตามทิศทางที่สตรีเฒ่าชี้ไป และเห็นเรือนหลังหนึ่งในพื้นที่ว่างเปล่าห่างออกไป เรือนหลังนั้นไม่ใหญ่นัก ผู้คนบางตา ด้านตะวันตกของเรือนคือตลาดแห่งหนึ่ง ในตลาดมีผู้คนขวักไขว่ไปมาอย่างไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าตลาดและเรือนหลังนั้นอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ทว่าแห่งหนึ่งผู้คนพลุกพล่าน อีกแห่งหนึ่งกลับถูกทิ้งร้าง คล้ายกับว่าผู้คนที่สัญจรไปมาจงใจหลีกเลี่ยงเรือนหลังนี้ ขณะที่เดินผ่านก็จะยกมือขึ้นปิดจมูก ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“นั่นคือสกุลหลานหรือ?” อวี๋หวั่นขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
ชิงเหยียนกำลังจะเอ่ยปากถามสตรีเฒ่า สตรีเฒ่ากลับถูกเพื่อนของนางเรียกและเดินเข้าเมืองไปแล้ว
“ข้าจะไปดูสักหน่อย” ชิงเหยียนบอก
“ข้ากับอิ่งลิ่วไปเอง” อิ่งสือซันกระโดดลงจากหลังม้า และเดินตรงไปยังเรือนหลังนั้นพร้อมกับอิ่งลิ่วซึ่งพลิกตัวลงจากหลังม้าเช่นกัน
ไม่นานทั้งสองก็เดินกลับมาด้วยสีหน้าลำบากใจ
อวี๋หวั่นมองพวกเขาด้วยความแปลกใจ “ทำไมหรือ? เป็นบ้านสกุลหลานจริงๆ ใช่ไหม?”
“อ่า…เรื่องนั้น…” อิ่งลิ่วเกาศีรษะ “พวกข้าไม่ได้เข้าไปขอรับ ทันทีที่คนด้านในเห็นพวกข้า ก็ปิดประตูใส่ทันที ข้าไม่กล้าบุกเข้าไปโดยพลการ จึงมาถามคุณชายกับฮูหยินก่อนว่าจะให้บุกเข้าไปหรือไม่”
ในความทรงจำของเยี่ยนจิ่วเฉาตอนนี้ ตัวเขาคืออ๋องแห่งเผ่าปีศาจ แต่อวี๋หวั่นบอกเขาว่าการเดินทางในครั้งนี้เป็นความลับ เพื่อที่จะปิดบังตัวตน ให้เขาปลอมตัวเป็นคุณชายแห่งเมืองเยี่ยน เยี่ยนจิ่วเฉาตอบตกลงอย่างเต็มใจ เพราะฉะนั้นอิ่งลิ่วและอิ่งลือซันจึงสามารถเรียกคุณชายของพวกเขาได้เต็มปากอีกครั้งหนึ่ง
อวี๋หวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า “ข้าจะไปกับพวกเจ้า”
เยี่ยนจิ่วเฉาหลับตาลง แผ่พลังภายในออกไปสำรวจดู เมื่อพบว่าไม่มีอันตราย เขาจึงมิได้เอ่ยปากห้ามอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นลงจากรถม้า
ชิงเหยียน เยว่โกว และอาเว่ยนำรถม้าทั้งสามคันไปจอดด้านข้าง เพื่อไม่ให้กีดขวางผู้คนซึ่งทยอยกันต่อแถวเข้าเมือง
“ฮูหยินน้อยระวังนะขอรับ” อิ่งสือซันมองไปยังพื้นขรุขระเป็นหลุมบ่อ
“อื้ม” อวี๋หวั่นตอบ จากนั้นจึงยกชายกระโปรงขึ้นแล้วเดินข้ามไปอย่างระมัดระวัง
เรือนหลังนั้นเมื่อคาดคะเนจากสายตาแล้วแลดูไกล ทว่าเมื่อเดินไปจริงๆ กลับไม่ไกล ไม่นานทั้งสามคนก็มาหยุดที่ประตูใหญ่
อิ่งลิ่วยกมือขึ้นมาเคาะประตู “มีคนอยู่ไหม?”
แน่นอนว่ามีคนอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเปิดประตูให้หรือไม่
ความสามารถในการได้ยินของทั้งสามนับว่าไม่เลว พวกเขาได้ยินเสียงน้ำไหลดังมาจากด้านใน รวมไปถึงเสียงไอเบาๆ และเสียงฝีเท้าอีกด้วย
อิ่งลิ่งเคาะประตูอีกครั้ง “มีคนอยู่ไหม?”
คนด้านในไม่คิดจะเปิดประตู
อิ่งลิ่วมองอวี๋หวั่นอย่างจนปัญญา
อวี๋หวั่นจึงบอกว่า “ข้าเอง”
อิ่งลิ่วขยับไปยืนด้านข้าง อวี๋หวั่นเดินขึ้นไปด้านหน้า นิ้วเรียวเคาะประตูเบาๆ “ที่นี่ใช่สกุลหลานหรือไม่? พวกข้ามาตามหาญาติ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะประโยคนี้หรือไม่ ประตูไม้เปิดออกดัง ‘แกร็ก’ อวี๋หวั่นเห็นหญิงชราคนหลังงุ้มงอคนหนึ่ง หญิงชราคนนั้นเดินไม่คล่องแคล่วนัก ลุกไม่ค่อยไหว นางแง้มประตูเล็กน้อย มองไปยังอวี๋หวั่น อิ่งลิ่ว และอิ่งสือซันซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง
อวี๋หวั่นสัมผัสได้ว่านางกำลังหวาดระแวงอิ่งลิ่วและอิ่งสือซัน เป็นเพราะพวกเขาทั้งสองร่างกายกำยำสูงใหญ่ ดูท่าทางคล้ายกับจะมาทำร้ายนางอย่างนั้นหรือ?
สายตาของหญิงชรามาหยุดลงที่ใบหน้าของอวี๋หวั่น ไม่รู้ว่านางมองเห็นอะไร สายตาของนางแลดูตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
เมื่ออวี๋หวั่นเห็นสายตาของนาง เธอก็เริ่มรู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังถามย้ำไปว่า “ท่านยาย ที่นี่ใช่บ้านสกุลหลานหรือไม่?”
หญิงชราไม่ตอบ
อวี๋หวั่นหยิบภาพวาดและป้ายคำสั่งซึ่งเก็บมาจากด้านล่างหน้าผา แล้วส่งให้นาง “ท่านยาย ท่านรู้จักของเหล่านี้หรือไม่?”
หญิงชรารับภาพวาดและป้ายคำสั่งมาจากอวี๋หวั่น จากนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางเหลือบมองอวี๋หวั่น และเดินกลับเข้าไปในเรือนด้วยร่างอันกระเสาะกระแสะ
อวี๋หวั่นไม่ได้ตามเข้าไปโดยพลการ เธอยืนรออยู่ด้านนอกอย่างอดทน
ผ่านไปประมาณครึ่งถ้วยชา หญิงชราก็กลับมา นางเปิดประตูต้อนรับให้อวี๋หวั่นเดินเข้าไปด้านใน
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วหมายจะเดินตามเข้าไป แต่กลับถูกหญิงชราขวางเอาไว้
อวี๋หวั่นหันหน้ามา “พวกเจ้ารอข้าที่นี่”
อิ่งลิ่วขมวดคิ้ว “อา…แต่…พวกข้าต้องคอยคุ้มกันฮูหยินน้อยนะขอรับ…”
อวี๋หวั่นยิ้ม “ข้าไม่เป็นไร”
อิ่งลิ่วเห็นว่าอิ่งสือซันไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง จึงเลิกคิ้ว “ก็ได้” จากนั้นก็หันไปพูดกับหญิงชราว่า “ทางที่ดีพวกเจ้าอย่าได้รังแกฮูหยินน้อยของข้าเป็นอันขาด! พวกข้าหมัดหนักนะ!”
หญิงชรากลอกตา แล้วปิดประตูดัง ‘ปัง! ’
เมื่ออวี๋หวั่นเข้าไปด้านใน ก็พบว่ามีเตาไฟตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของเรือน มีหม้อต้มยาต้มอยู่บนเตาไฟ ดมจากกลิ่นแล้ว อวี๋หวั่นคิดว่าน่าจะเป็นยาระงับความเจ็บปวด อีกทั้งยังเป็นตัวยาฤทธิ์แรงอีกด้วย
สกุลหลานมีคนป่วยหรือ?
หญิงชราพาอวี๋หวั่นไปยังระเบียงทางเดิน และมาถึงห้องซึ่งประตูปิดไว้ครึ่งหนึ่ง นางชี้ไปยังคอของตน อวี๋หวั่นจึงเข้าใจได้ทันทีว่านางเป็นใบ้
อวี๋หวั่นพยักหน้า
หญิงชราเคาะประตูเป็นจังหวะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]