นี่เป็นเพียงของมีค่าชิ้นสุดท้ายของนางหลาน แต่นางให้พวกเขาด้วยความเอ็นดู กระนั้นเด็กทั้งสามก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง โยนกำไลทิ้งไป และหยิบเชือกสีแดงไปเล่นแทน
นางหลานตกใจกับเหตุการณ์นี้จนพูดไม่ออก
นางเดาออกว่าอวี๋หวั่นออกเรือนและมีลูกแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่จะมีลูกถึงสามคน เรื่องนี้ออกจะเหนือความคาดหมายของนางไปสักหน่อย
เมื่อก่อนนางและพี่สาวแทบไม่รอดชีวิต ไม่รู้จริงๆ ว่าอาหวั่นเลี้ยงแฝดสามให้อ้วนจ้ำม่ำเช่นนี้ได้อย่างไร แถมยังน่ารักน่าเอ็นดู
สาวใช้เข้ามารายงานว่านางทำความสะอาดห้องคลอดเสร็จเรียบร้อย และจัดแจงให้จื่อเยียนพักผ่อนแล้ว
นางหลานจึงให้นางอุ้มทารกน้อยไปวางไว้ข้างกายจื่อเยียน รอจนจื่อเยียนมีน้ำนม ค่อยให้นางป้อนนมเขา
ช่วงเวลาอันคับขันที่สุดได้ผ่านพ้นไป นางหลานจูงมืออวี๋หวั่นเข้าไปนั่ง แล้วถามอวี๋หวั่นว่ามาหมิงตูด้วยเหตุใด และมากับใคร “…ตอนนั้นท่านพี่ทิ้งของไว้ด้านล่างหน้าผา เพราะคิดว่าโชคอาจเข้าข้างนางบ้าง แต่หลายปีผ่านไปก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวของท่านแม่ จนข้าเองก็ยอมแพ้ไปแล้ว”
อวี๋หวั่นบอกว่า “ที่พวกข้าพบเบาะแสก็เป็นเพราะความบังเอิญ กล่าวอย่างไม่ปิดบังท่านยายรอง นอกจากพวกข้าจะมาตามหาญาติสกุลหลานแล้ว ยังมีจุดประสงค์อื่นอีก”
“โอ้? มีเรื่องอะไรหรือ?” นางหลานถาม
อวี๋หวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจบอกความจริงกับนางหลาน “สามีของข้า…ถูกยาพิษไป๋หลี่เซียงเจ้าค่ะ ข้าต้องการตัวยาทั้งหมดสี่ชนิด หนึ่งในนั้นก็คือเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าพบบันทึกที่เกี่ยวกับทายาทของสตรีศักดิ์สิทธิ์และพ่อมด จึงรู้ว่าเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ในเผ่าปีศาจ ดังนั้นจึงเดินทางมายังเผ่าปีศาจ ภายหลังบังเอิญตกลงไปด้านล่างของหน้าผา และขุดพบสิ่งของเหล่านี้ของท่านยาย”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง เห็นทีท่านพี่ทำถูกแล้วที่ทิ้งของเหล่านั้นไว้ น่าเสียดายที่นางไม่ทันอยู่รอพวกเจ้ากลับมา” นางหลานตัดพ้อที่ท่านพี่ด่วนจากไปเสียก่อน ด้วยวิชาของท่านพี่แล้ว ถ้าหากไม่ต้องตรอมใจเพราะคนโฉดชั่วสองคนนั้น มีหรือจะอยู่ไม่ถึงทุกวันนี้?
“ว่าแต่หลานเขยไปถูกพิษไป๋หลี่เซียงได้อย่างไรกัน” นางหลานเคยได้ยินเกี่ยวกับพิษชนิดนี้มาบ้าง ฤทธิ์แรงแต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ตาย กระนั้นกลับปราศจากวิธีถอนพิษ เพราะตัวยาทั้งสี่ชนิดนั้นล้วนเป็นของที่หาได้ยากเหลือเกินในใต้หล้า
ในเมื่อเป็นคนในครอบครัว อวี๋หวั่นก็ไม่มีสิ่งใดต้องปิดบัง จึงเปิดเผยตัวตนของตนและเยี่ยนจิ่วเฉาให้นางฟัง
ในตอนนั้นนางหลานจึงรู้ว่าหลังจากที่มารดาของตนออกจากหมิงตู ก็เดินทางไปยังหนานจ้าว
ท่านแม่จากไปเร็ว ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากอาการบาดเจ็บ คนแซ่เสิ่นนั่นช่วยท่านแม่ของนางไว้ ท่านแม่ไร้ที่พึ่งพา จึงตกลงที่จะเป็นอนุภรรยาของเขา
แต่นางหลานรู้สึกว่าจากนิสัยของท่านแม่แล้ว นางไม่มีทางยินยอมเป็นอนุภรรยาของผู้อื่นได้ง่ายๆ ทั้งยังให้กำเนิดลูกมาเร็วเช่นนี้อีก? ลูกของนางเป็นคนสกุลเสิ่นจริงหรือ? คงไม่ใช่…
ไม่ เป็นไปไม่ได้
นางหลานส่ายหน้า และเพิกเฉยต่อการคาดเดาเรื่อยเปื่อยของตนเอง
นางหลานใช้เวลาครู่หนึ่งในการประมวลข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉา เป็นเพราะเวลามีจำกัด อวี๋หวั่นจึงไม่ได้เล่ามากมาย ประเด็นสำคัญมีเพียงเยี่ยนจิ่วเฉาถูกยาพิษตั้งแต่เด็ก ทว่าพิษทั้งสองชนิดกดกันไว้ จึงมิได้แสดงอาการ หลังจากที่ถอนพิษไปแล้ว พิษของไป๋หลี่เซียงก็ออกฤทธิ์ขึ้นมา
นางหลานมองไปยังราตรีอันเวิ้งว้าง แล้วถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง “หากท่านแม่ยังอยู่ เจ้าอยากได้เลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์สักเท่าใดคงไม่ใช่ปัญหา แต่นางไม่อยู่แล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่มีชีวิตอยู่ในตอนนี้…”
นางไม่ได้พูดประโยคต่อมา
แต่อวี๋หวั่นก็กระจ่างดี
เดิมทีคิดว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ถือกำเนิดขึ้นมาในสกุลหลาน ตนเองเป็นคนสกุลหลาน ก็ควรจะได้เลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์มาอย่างง่ายดาย ทว่าบัดนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์และสกุลหลานบ้านนี้ไม่ลงรอยกัน เรื่องนี้จึงไม่อาจจัดการได้ง่ายอย่างที่คิด
ไม่ว่าอย่างไร อวี๋หวั่นก็ยังคงมีความหวังในการตามหาเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่านางจะยินดีหรือไม่ก็ตาม ต่อให้ต้องไปขโมยมา เธอก็จะหาตัวยามาให้เยี่ยนจิ่วเฉาให้ได้
“ข้าจะพบสตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไรหรือเจ้าคะ?” อวี๋หวั่นถาม
นางหลานเงียบไป แล้วกล่าวว่า “สถานะของสตรีศักดิ์สิทธิ์ในหมิงตูนั้นสูงส่งนัก แม้แต่สกุลหลานในหมิงตูก็ใช่ว่าจะได้พบนางง่ายๆ นอกจากนั้นรอบกายของนางยังเต็มไปด้วยยอดฝีมือ ตัวนางเองก็มีพลังภายในแก่กล้า ถ้าหากคิดจะใช้กำลังแย่งมา เกรงว่าคงจะทำไม่ได้”
“เช่นนั้นก็ใช้ปัญญาแย่งมา” อวี๋หวั่นบอก “ข้าเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ไม่มีทางกลับไปมือเปล่า”
“ยายจะช่วยคิดหาวิธี” เมื่อนางหลานนึกบางอย่างออก ก็เอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าพาลูกๆ ออกมาโดยลำพังหรือ? สองคนที่อยู่ข้างนอกเป็นองครักษ์ของเจ้าใช่ไหม? ตามความเห็นข้า วรยุทธ์ของพวกเขาแข็งแกร่ง แต่หากจะให้ต่อกรกับสตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าคิดว่ายังไม่เพียงพอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]