หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 389

อวี๋หวั่นช้าไปเพียงก้าวเดียว ผู้ดูแลเยว่ก็ถูกสามีของเธอเด็ดหัวไปเสียแล้ว

อวี๋หวั่นตกตะลึง “…”

อวี๋หวั่นมือข้างหนึ่งอุ้มหลานชาย อีกข้างหนึ่งปิดตา ปัญหาพูดไม่เข้าหูคำเดียวก็ฆ่าคน ยังไหวหรือไม่? เธอไม่เห็นด้วย? สิ่งที่แย่งชิงมามิได้มีเพียงทักษะความสามารถและความทรงจำของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจ แต่ยังรวมถึงนิสัยของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจด้วย

บุรุษผู้นี้ใช้แต่สมองก็ไร้เทียมทานอยู่แล้ว ยามนี้มีวรยุทธ์…ยิ่งระห่ำขึ้นฟ้า!

เอาละ ผู้ดูแลนี่ก็ไม่ใช่สิ่งอันใด ช่วยคนชั่วก่อกรรมตายไปก็ไม่น่าเสียดาย เพียงแต่…เพียงแต่ที่นี่ไม่ใช่ชนเผ่าโบราณ จะใช้ไม้อ่อนสักหน่อยได้หรือไม่?

“หึ” เยี่ยนจิ่วเฉาใช้สายตาหยิ่งผยองมองอวี๋หวั่น ราวกับกำลังพูดว่า คิดจะให้อ๋องผู้นี้ใช้ไม้อ่อนรึ ชาติหน้าเถอะ!

จากนั้นเยี่ยนจิ่วเฉาก็สาวเท้าเข้าห้องไป

ทันทีที่ข้ามธรณีประตู เขาไม่ได้หันกลับมา เพียงแค่สะบัดแขนเสื้อ เหล่าองครักษ์ที่ถูกตรึงไว้กับที่พลันเอียงหัวล้มลง

“…” เดิมทีอวี๋หวั่นจะเข้าไปกล่าวสั่งสอน แต่กลับถูกการจู่โจมอย่างฉับพลันนั้น สาดความหล่อเหลาเกินต้านทาน ดวงหน้าน้อยแต้มสีแดงระเรื่อ เอ่ยสิ่งใดไม่ออกแม้เพียงประโยคเดียว

อวี๋หวั่นเดินกระมิดกระเมี้ยนตามสามีไป

นางหลานไม่คิดว่าหลานเขยของนางจะเก่งกาจถึงเพียงนี้ ผู้ดูแลจวนสกุลหลานไม่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย จะฆ่าก็ฆ่า ความอาจหาญนี้ คู่ควรกับลูกหลานสกุลหลานของพวกเขายิ่งนัก

เยี่ยนจิ่วเฉาเข้ามาในห้อง ถีบรองเท้าสกปรกมอมแมมคู่นั้นทิ้ง และหยิบผ้ามาเช็ดมือ พลางกล่าวช้าๆ “ต่อไปอยู่ห่างๆ จากคนพรรค์นั้นสักหน่อย เถียงไม่ชนะ ก็จะไม่เรียกคนหรือ?”

อวี๋หวั่นยิ้มมุมปาก “ผู้ใดว่าข้าเถียงไม่ชนะละ? ไม่ใช่ท่านมากะทันหันหรอกหรือ?”

เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้ อวี๋หวั่นพลันคลี่ยิ้มเจี๋ยมเจี้ยม อุ้มหลานชายตัวน้อยเดินเข้าไปหา ให้เขาดูทารกที่นอนอยู่ในผ้าห่อตัว “น่ารักหรือไม่?”

เยี่ยนจิ่วเฉาทำสีหน้ารังเกียจ “น่าเกลียดจะตาย!”

หลานชายหลับไปแล้ว เขาคงไม่ได้ยินวาจาปากร้ายของท่านน้าเขา อวี๋หวั่นก้มมองบุรุษตัวเล็กผิวขาวราวกับแป้ง เนียนละเอียดราวกับหยกขัดเงา พลางเอ่ยพึมพำเบาๆ “ดูดีอยู่น้า”

แม้จะยับย่นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ดำแล้วก็ไม่ผอม ขาวนวลอวบอ้วน สองมือน้อยดึงไว้แน่น ชูขึ้นเหนือศีรษะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าน่ารัก

“ท่านแม่ ท่านแม่ กางเกงของข้าขาด” เสี่ยวเป่าเดินเข้ามาพร้อมกับชี้ที่กางเกงของเขา

ก็ได้ บุตรชายของเธอน่ารักกว่า

อวี๋หวั่นส่งหลานชายตัวน้อยของเธอเข้าสู่อ้อมแขนของเยี่ยนจิ่วเฉา

เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อาจหลีกเลี่ยง โอบอุ้มคนตัวเล็กด้วยกายแข็งทื่อ

จู่ๆ คนตัวเล็กก็ตื่นขึ้นมา เบิกตากว้างใสไร้เดียงสาจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ

เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องเขากลับ

“แอวะ——” คนตัวเล็กสำรอกฟองนมใส่เยี่ยนจิ่วเฉา

เยี่ยนจิ่วเฉาที่รู้สึกว่าอำนาจของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจถูกกระตุ้นเร้า “…!!!”

ผู้ดูแลเยว่ตายในมือพวกเขา เรื่องนี้ไม่นานคนสกุลหลานก็คงเดาได้ แทนที่จะรอให้คนสกุลหลานมาหาถึงที่ ไม่สู้พวกเขาออกไปหาเสียดีกว่า

หลังจากกลุ่มคนเก็บข้าวของสัมภาระเรียบร้อยก็ขึ้นรถม้าที่เดินทางเข้าเมือง

เมื่อองครักษ์คุ้มกันเมืองเห็นอิ่งสือซันก็ขมวดคิ้ว “ครั้งนี้อะไรอีก?”

อิ่งลิ่วแสดงป้ายห้อยเอวที่นำมาจากร่างของผู้ดูแลเยว่และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เช่นนี้ก็คงเข้าเมืองได้แล้วกระมัง?”

สายตาขององครักษ์เกิดประกายวาบผ่าน เมื่อครู่ผู้ดูแลจวนสกุลหลานเพิ่งเดินทางออกไป หมายจะไปเจรจาหารือกับคนกลุ่มนี้ หรือว่าป้ายห้อยเอวนี้เป็นผู้ดูแลจวนสกุลหลานมอบให้พวกเขา? ต่อให้องครักษ์ผู้นี้มีความกล้าสักร้อยก็ไม่กล้าคาดเดาว่าคนพวกนี้ฉกชิงมันมาตรงๆ ในเมื่อดูแล้วในเมืองหมิงตูก็มีเพียงไม่กี่คนที่กล้ามีปัญหากับจวนสกุลหลานและสตรีศักดิ์สิทธิ์

องครักษ์จึงปล่อยให้เข้าไปทันที

กลุ่มคนเดินทางเข้าเมืองอย่างราบรื่น

หลังจากเข้าเมือง พวกเขาได้นำกล่องเงินทองขนาดใหญ่หลายกล่องฝากไว้ในธนาคาร เพื่อแลกเป็นตั๋วเงินตั๋วทองใช้เดินทาง

อิ่งลิ่วขับรถม้า หันกลับมาพูดว่า “ท่านยายหลาน ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ต้องการหาที่ปักหลักกันก่อนหรือไม่ วันพรุ่งค่อยวางแผนกันใหม่?”

นางหลานเปิดม่าน มองไปยังถนนที่ดูไม่คุ้นเคยแล้วพยักหน้า “ดี”

แม้เยี่ยนจิ่วเฉาจะกลายเป็นอ๋องแห่งเผ่าปีศาจ แต่ก็ไม่ได้แก้ไขความจู้จี้จุกจิกของเขาให้หายไป เขาไม่อาจอยู่อาศัยในโรงแรม พวกเขาจึงหาเรือนพักหรูหรามีเอกลักษณ์ที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองแทน

พวกอาเว่ยง่วนอยู่กับการจัดการสัมภาระ ซาลาเปาน้อยทั้งสามอยากกินถังหูลู่ขึ้นมา อวี๋หวั่นจึงพาพวกเขาไปหาซื้อที่ถนน

ยามเข้าเมืองมา อวี๋หวั่นหลับบนรถม้าตลอดทาง เป็นยามนี้ที่เธอสามารถชื่นชมทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างแท้จริง

เมืองหมิงตูเจริญรุ่งเรือง ถนนหนทางและอาคารต่างๆ ก็คล้ายคลึงกับเมืองหลวงของหนานจ้าว แต่กลับให้ความรู้สึกลึกลับกว่าเล็กน้อย อวี๋หวั่นเดินไปบนถนนที่การจราจรวุ่นวายผู้คนพลุกพล่าน ซาลาเปาน้อยทั้งสามเดินพลางกระโดดพลางตามเธอไป ซิวหลัวเดินอยู่ด้านหลังสุด

บางครั้งก็มีปรมาจารย์พิษและสตรีพิษเดินเฉียดผ่าน แม้กระทั่งปรมาจารย์พิษเทพก็ยังได้พบโดยไม่คาดคิดเสียหลายคน

ในที่สุดอวี๋หวั่นก็รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของเมืองหมิงตู

ด้วยพลังความสามารถของปรมาจารย์พิษเทพ ไม่ยากที่จะสัมผัสได้ถึงสายเลือดบริสุทธิ์ของเธอ พวกเขาจ้องมองเธอด้วยดวงตากระหาย แต่เพราะลมหายใจของราชาซิวหลัว พวกเขาจึงไม่กล้าผลีผลามเข้าไป

พวกเขาเดินไปทั่วถนนสองสายก็ยังไม่พบถังหูลู่ ทว่าพบกับร้านฝูหยวนจื่อร้านหนึ่ง

ซาลาเปาน้อยทั้งสามน้ำลายไหลซู้ดปาก อวี๋หวั่นจึงพาพวกเขาและซิวหลัวไปนั่งที่แผงข้างถนน

ประจวบเหมาะที่ฝั่งตรงข้ามมีขายก้อนน้ำตาลและผลไม้ อวี๋หวั่นตัดสินใจซื้อส่วนผสมกลับไปทำถังหูลู่ด้วยตนเอง

“พวกเจ้ากินกันไปก่อน ข้าจะไปซื้อของสักหน่อย” อวี๋หวั่นทิ้งซิวหลัวและบุตรชายทั้งสามไว้ แล้วลุกไปที่ร้านค้าฝั่งตรงข้าม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]