ฟ้าสาง ผู้คนในเรือนเริ่มทยอยกันตื่น เมื่อคืนทารกชายต้องตื่นถึงสามครั้ง ครั้งแรกเพื่อป้อนนมแพะที่ต้มแล้ว ครั้งที่สองจื่อเยียนมีน้ำนม แม่นมเฒ่าเฝ้าดูอยู่ในห้องของจื่อเยียน แม้มือเท้าจะไม่คล่องแคล่วเช่นคนหนุ่มสาว ทว่ากลับดูแลสองมารดาบุตรด้วยความเอาใจใส่เป็นอย่างดี
สาวใช้ไปเตรียมอาหารเช้า
คืนที่ผ่านมาชิงเหยียนและเยว่โกวออกไปซื้ออาหารมากมายมาจากตลาด ในไหข้าวมีเมล็ดข้าวสีขาวสะอาดละลานตา ในตู้ยังมีเป็ดไก่รมควันและเนื้อรมควัน รวมแล้วก็หลายสิบจิน ครอบครัวทุกข์ยากลำเค็ญนางหลานละเว้นจากเนื้อสัตว์อาหารคาว เอาแต่ขอให้สาวใช้ต้มไข่สองฟองและต้มน้ำตาลทรายแดงหนึ่งชามให้จื่อเยียนทุกวัน สาวใช้โลภเนื้อสัตว์จนแทบโหยไห้ ครั้นเมื่อเห็นวัตถุดิบมากมายเช่นนี้ ดวงตาก็เกือบจะเปล่งประกายเป็นสีเขียวออกมา
สาวใช้ทำอาหารเช้าสุดแสนสมบูรณ์พรั่งพร้อม หลังจากนำไปให้เหล่าเจ้านายแล้ว นางกับแม่นมเฒ่าต่างก็ได้เนื้อตุ๋นชามหนึ่งมาทานกันอย่างหอมหวนเอร็ดอร่อย
“อา…” อิ่งลิ่วจ้องไปที่เนื้อตุ๋นในชาม ทำอะไรไม่ถูก
“เจ้ามีอะไร?” ชิงเหยียนถาม
อิ่งลิ่วไม่กินมันสัตว์
อิ่งลิ่วไม่พูด
อิ่งสือซันคีบเนื้อติดมันในชามของเขาออกมาใส่ชามตัวเองเงียบๆ จากนั้นก็คีบเนื้อกลับไปให้เขา
อิ่งลิ่วกินมันอย่างเต็มที่
ชิงเหยียนเผยยิ้ม
หลังมื้อเช้าผ่านไป อิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วก็ไปที่ประตูเมือง ช่างบังเอิญที่องครักษ์เฝ้าประตูเป็นคนเดียวกันกับเมื่อวานนี้
อิ่งสือซันร่างกายสูงใหญ่ บุคลิกเย็นชา ทั้งยังหน้าตาหล่อเหลายิ่งนัก ง่ายต่อการทำให้เป็นที่จดจำของผู้คน
เมื่อองครักษ์เห็นเขา พลันกวาดมองเขาขึ้นลง “เจ้ามาทำอะไรที่นี่อีก? ยังคิดจะใช้เหรียญตราปลอมตบตาข้าอยู่อีกรึ? ข้าขอเตือนเจ้า เมืองหมิงตูหาได้อยู่ใกล้เช่นนั้น”
อิ่งสือซันไม่สนใจคำเยาะเย้ยถากถาง เพียงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ขอฝากวาจาประโยคหนึ่งให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ หากต้องการป้ายหยกในมือของผู้สืบทอดสกุลหลาน ให้มานอกเมืองด้วยตนเองสักครา”
เมื่อองครักษ์ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “พวกเจ้าเป็นใคร?”
อิ่งสือซันปรายตามองเขาอย่างไม่แยแส คร้านจะเอ่ยตอบ พาอิ่งลิ่วเดินจากไป
เมื่อคนเดินไปไกลแล้ว อิ่งลิ่วก็หันกลับมาอีกครั้ง “ได้ยินหรือไม่? ให้นางมาด้วยตนเอง! มิเช่นนั้นก็ฝันไปเถอะ!”
องครักษ์ขมวดคิ้ว สงสัยว่าสกุลหลานมีคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร แต่ในเมื่อเป็นวาจาที่ส่งให้สตรีศักดิ์สิทธิ์ องครักษ์ก็ไม่กล้าละเลย รีบส่งคนไปที่สกุลหลาน แจ้งความจริงเกี่ยวกับคำพูดของอิ่งสือซัน
ราวหนึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าหรูหราคันหนึ่งเคลื่อนออกจากประตูเมือง มาหยุดหน้าประตูใหญ่ของเรือนสกุลหลาน
สาวใช้กำลังซักผ้าอ้อมของเด็กทารกชายอยู่ที่ลานหน้าบ้าน จู่ๆ ก็เห็นองครักษ์กลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในลาน นางสะดุ้งตกใจจนผ้าอ้อมในมือร่วงลงพื้น!
หลังจากเหล่าองครักษ์เข้ายึดเต็มพื้นที่ลาน ก็เรียงแถวสองฝั่งอย่างเคารพนบนอบ
ขณะนี้เอง ม่านรถม้าก็ถูกสารถีเปิดออก บุรุษวัยกลางคนในชุดผ้าแพรผู้หนึ่งก้มตัวเดินออกมา
เขาเดินไปหาสาวใช้ กล่าวถามนางด้วยรอยยิ้ม “เจ้านายของเจ้าเล่า อยู่ที่ใด?”
สาวใช้ชี้ไปทางห้องพักของนางหลานอย่างสั่นระริก
จากนั้นชายวัยกลางคนก็ไม่สนใจจะมองนาง และวางมาดเดินผ่านไป
อวี๋หวั่นกำลังอุ้มทารกน้อยไปให้นางหลานได้เชยชม แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากนอกประตู อวี๋หวั่นและนางหลานต่างมองไปหลังฉากกั้นพร้อมกัน
นางหลานหรี่ตาพูดกับอวี๋หวั่น “เจ้านั่งรออยู่ที่นี่ อย่าออกไปด้านนอก”
อวี๋หวั่นพยักหน้าตอบรับ
นางหลานยันไม้เท้าเดินอ้อมหลังฉากกั้น ไปนั่งบนเก้าอี้ประธาน
อวี๋หวั่นอุ้มเด็กทารกน้อยชิดฉากกั้น มองลอดช่องว่างออกไป เห็นชายวัยกลางคนในเสื้อผ้าหรูหรางดงาม ท่าทางมีกำลังวังชาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าชื่นมื่น
เขาเผยยิ้มมุ่งร้าย
“ผู้นำตระกูลหลาน ไม่พบกันนาน สบายดีรึ” ชายวัยกลางคนยกมือคำนับนางหลาน
แม้นางหลานไม่เจิดจรัสงดงามเช่นวันวาน ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านจากภายในไม่อาจปิดบังอยู่ภายใต้เสื้อผ้าหยาบกระด้าง
สายตาเย็นชาของนางหลานเหลือบมองเขา “ข้าเป็นผู้ใดกัน เดิมทีก็เป็นเพียงสุนัขข้างกายสตรีที่ชื่อหลานเจียว บ้านเรือนข้าต่ำต้อยเรียบง่าย ผู้ดูแลเยว่มาด้วยเรื่องอันใด?”
แม้ผู้ดูแลเยว่ถูกเหยียบจมูกแต่ก็ไม่โกรธ เขาเหยียดยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงมีไมตรี “ท่านผู้นำตระกูลสั่งให้ข้ามาเยี่ยมเยียนท่าน”
นางหลานหัวเราะเย้ยหยัน “ผู้นำตระกูล? อ้า ข้าได้ยอมรับแล้วหรือ?”
ผู้ดูแลเยว่ยิ้มแผ่วเบา “ท่านจะยอมรับหรือไม่ ยามนี้คนที่อยู่จวนสกุลหลานก็คือนาง นางให้กำเนิดสตรีศักดิ์สิทธิ์แก่สกุลหลาน ท่าน…”
ขณะกล่าว ดวงตาของเขาเหลือบมองฉากกั้นทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ราวกับรู้สึกได้ถึงทารกน้อยที่อยู่หลังฉากกั้นนั้นอยู่ก่อนแล้ว
ผู้ดูแลเยว่คลี่ยิ้ม “ข้าต้องยินดีกับท่านที่ได้เหลนแล้ว ดูแล้วคงเป็นเหลนชายกระมัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]