เยี่ยนจิ่วเฉาพาองค์หญิงจิ่วออกไปแล้ว
ไม่ปล่อยให้ไปก็ไม่ได้ เพราะคำพูดของเขาไม่อาจหักล้าง
อะไร? พวกเจ้าไม่ได้ยินหรือ?
แม้แต่เสียงในพระทัยฝ่าบาทยังไม่ได้ยิน! จะเอาพวกเจ้าไว้ทำประโยชน์ใด! ลากออกไปสับหัว!
คำพูดไร้ยางอายเช่นนี้ เป็นผู้อื่นคงพูดไม่ออก แต่ผู้สำเร็จราชการแทนไม่เพียงแต่พูดออกมาได้ แต่ยังพูดได้อย่างชอบธรรมอีกด้วย!
พวกเขาตกถังโชคร้ายอะไรถึงต้องมาพบกับผู้สำเร็จราชการแทนจอมเพี้ยนเช่นนี้?
ปากของทุกคนไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่าในใจต่างสบถสาบาน รอฝ่าบาทตื่นขึ้นมา จะต้องบอกความจริงกับเขา!
ตอนแรกฮ่องเต้มีอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ แม้ว่าเขาจะไม่ได้สติก็ยังรู้สึกไม่สบาย แต่หลังจากใช้ยาของเยี่ยนจิ่วเฉาแล้ว อย่างน้อยเขาก็นอนหลับสบายขึ้นมาก
เมื่อคนหลับดี อารมณ์ก็ย่อมจะสดชื่นตามไปด้วย
เมื่อเขาตื่นขึ้นมาดื่มยา ขันทีวังก็พูดกับเขาว่า “ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้พาองค์หญิงจิ่วออกจากวัง ไปพักอยู่ที่จวนเขาสองสามวัน…”
ฮ่องเต้พยักหน้า “อ้อ ที่จวนเขามีเด็กๆ อยู่ องค์หญิงจิ่วได้ไปเล่นก็ดี”
ขันทีวัง “…”
เขายังไม่ทันได้พูดเข้าประเด็น ท่านจะไม่ฟังหรือว่าผู้สำเร็จราชการแทนพาองค์หญิงจิ่วออกจากวังไปได้อย่างไร?
ต้อง…
ไม่ต้องพูดแล้ว
ผู้สำเร็จราชการแทนชนะแล้ว
เจ้าทำได้เจ้ายอดเยี่ยม!
องค์หญิงจิ่วถูกเยี่ยนจิ่วเฉาพากลับจวนคุณชายไปแล้ว เมื่อได้ยินว่าตนกำลังจะถูกพาออกจากวัง เด็กหญิงตัวน้อยก็ไม่ได้มีท่าทีต่อต้านหรือไม่พอใจใดๆ และแน่นอนว่าก็ไม่ได้ยินดีมากนัก ราวกับว่าหัวใจนางได้ชินชากับโลกใบนี้ไปแล้ว กินข้าวแต่โดยดี ถูกรังแกแต่โดยดี คงกลายเป็นเรื่องที่นางต้องเผชิญทุกวันไปแล้ว
ส่วนท่าทีของฮองเฮา อ้อ รับสั่งของฮ่องเต้ นางจะขัดได้หรือ? นางคิดว่าตนเป็นเยี่ยนจิ่วเฉาหรือ?
องค์หญิงจิ่วอาศัยอยู่ที่เรือนของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น แม้เรือนฝั่งเยี่ยนอ๋องจะมีเด็กๆ มากมาย ดูเหมือนเหมาะสมที่เด็กหญิงจะอาศัยอยู่มากกว่า แต่นิสัยขององค์หญิงจิ่วเห็นได้ชัดว่าไม่ชอบเข้าสังคม หากตกใจกลัวขึ้นมาคงไม่ดี
ในบรรดาสาวใช้ในจวน ผิงเอ๋อร์มีนิสัยแสบที่สุด เถาเอ๋อร์เรียบง่ายที่สุด หลีเอ๋อร์ละเอียดถี่ถ้วนที่สุด อวี๋หวั่นมอบหมายให้หลีเอ๋อร์รับใช้ข้างกายองค์หญิงจิ่ว
องค์หญิงจิ่วไม่คัดค้านการจัดแจงใดๆ
อวี๋หวั่นบอกให้กิน นางก็กิน บอกให้นอน นางก็นอน เชื่อฟังราวกับไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
เถี่ยตั้นน้อยเพิ่งทำการบ้านเสร็จ หยิบหนังสือคัดอักษรที่ได้รับคำชมจากเยี่ยนอ๋องมาอวดให้อวี๋หวั่นดู ทันทีที่เขาเข้าไปในเรือน ก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนอยู่ข้างชิงช้า
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ในชุดสีม่วง ใช้ผ้าคาดผมสีม่วงมัดเป็นจุก ผ้าคาดผมเส้นยาวกับเส้นผมส่วนที่เหลือหลุดสยายลงมา ถูกสายลมอ่อนๆ พัดปลิวไสวสวยงามดุจภาพวาด
นางหันหลังให้เถี่ยตั้นน้อย เถี่ยตั้นน้อยเดินเข้าไปหาอย่างงุนงง “เจ้าเป็นใคร?”
องค์หญิงจิ่วตกใจ ร่างเล็กสะดุ้งโหยง หันกลับมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“อ๋อ” เถี่ยตั้นน้อยจำนางได้แล้ว นางไม่ใช่น้องสาวที่อยู่ในตำหนักฮองเฮาหรอกหรือ? เอ๊? มองจากไกลๆ ก็ดูไม่สูงนัก เหตุใดเข้ามาใกล้แล้ว…รู้สึกแปลกๆ?
นางสูงกว่าตนหนึ่งนิ้ว! ! !
เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกรำคาญที่ตนไม่โตพอ แม้แต่สตรีตัวเล็กๆ ก็ยังไม่อาจสูงเทียบ
อันที่จริงเถี่ยตั้นน้อยสังเกตเห็นนางตั้งแต่อยู่ที่วังหลวงแล้ว ช่วยไม่ได้ นางงดงามเกินไป ในหมู่บ้านเหลียนฮวามีเด็กหญิงหน้าตาน่ารักไม่น้อย แต่ไม่มีผู้ใดน่ารักเท่าองค์หญิงจิ่วผู้นี้เลย องค์หญิงจิ่วงดงามราวกับตุ๊กตากระเบื้อง
“เจ้าอยากเล่นชิงช้าหรือ?” เถี่ยตั้นน้อยมองนางกับชิงช้าที่อยู่ข้างๆ
“ข้า…” องค์หญิงจิ่วหลุบตาลง นางไม่ชินกับการสบตาคน
“ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ!” เถี่ยตั้นน้อยดึงมือนางพาไปนั่งบนชิงช้า “เจ้าจับนี่ไว้!”
องค์หญิงจิ่วไม่ขัดขืน
เถี่ยตั้นน้อยไม่รู้ว่าฝ่ามือของตนมีเหงื่อออก
เมื่อเถี่ยตั้นน้อยเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของนาง ไม่รู้ว่านางหวาดกลัวหรือเพียงแค่ประหม่า จึงถามว่า “เจ้าเล่นเป็นครั้งแรกหรือ? ในวังไม่มีสิ่งนี้หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]