เมืองหมิงตูคึกคักเจริญรุ่งเรืองไม่ขาด แม้ล่วงเข้าราตรีผู้คนรถราก็ยังวิ่งกันขวักไขว่
หน้าหอนางโลมแห่งหนึ่ง คุณชายหลายคนกระโดดลงจากรถม้า มือถือพัด ยกมือคำนับทักทายกัน เดินเข้าไปในหอนางโลมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเบิกบาน แต่ทันใดนั้นเงาดำร่างหนึ่งก็พุ่งเข้ามาคว้าตัวคุณชายท่านหนึ่ง ลากเข้าไปในซอยด้านข้างอย่างไม่ทันตั้งตัว
คนที่เหลืออีกสองสามคนมองหน้ากัน
“เมื่อครู่นี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่ ไม่รู้สิ…เอ? คุณชายหวังละ?”
“นั่นสิ คนอื่นละ? เมื่อครู่ก็ยังอยู่ตรงนี้…”
“เจอผีแล้ว!”
หลายคนตกใจเกาะกลุ่มกัน
คุณชายหวังที่ถูกลักพาตัวไปยิ่งตกใจจนหน้าซีด เขาพูดกับคนอยู่ดีๆ เพียงชั่วพริบตาก็ถูกลากเข้าไปในตรอก ทั้งยังถูกกระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจังโดยคนที่น่ากลัวยิ่งกว่า คนผู้นี้สวมหน้ากากอสุรกายมีเขี้ยว ชวนให้คนตกใจแทบตายแล้วรู้หรือไม่!
หากไม่มีเงาของคนผู้นั้นอยู่บนพื้น ก็เกือบคิดว่าตนเองเจอกับวิญญาณร้ายเสียแล้ว
เขาพูดตะกุกตะกัก “เจ้า เจ้า เจ้า…เจ้าเป็นใคร? ปล้น ปล้น ปล้น…ปล้นเงินหรือปล้นตัณหา?”
“…” ประโยคแรกยังเข้าใจได้ แต่ประโยคหลังนี่มันอะไรกัน…
“สกุลหลานอยู่ที่ใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามอย่างเย็นชา
ที่แท้ก็ถามทางสินะ บุรุษกำยำผู้นี้เจ้าก็บอกให้เร็วกว่านี้สิ!
คุณชายตัวสั่นชี้ไปทางทิศตะวันออกของตรอก “ออก…ออกไปทางนั้น ไปทางใต้ เดินไปเรื่อยๆ ก็จะถึง…สกุลหลานกว้างใหญ่นัก เจ้าไม่ไปผิดหรอก…”
“สกุลซือคงเล่าอยู่ที่ใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามต่อ
หา?
คุณชายตกตะลึง บุรุษกำยำผู้นี้เป็นคนหมิงตูหรือไม่? ไม่รู้ว่าสกุลหลานอยู่ที่ใดยังพอว่า ไฉนยังไม่รู้ว่าจวนซือคงอยู่ที่ใดอีก?
สงสัยก็สงสัย แต่คุณชายหวังก็ยังคงชี้ทางให้อย่างตรงไปตรงมา
สกุลซือคงอยู่ไม่ไกลจากสกุลหลาน หลังออกจากประตูหลักของสกุลหลาน ไปทางเหนือหนึ่งหลี่ แล้วไปทางทิศตะวันออกอีกสามหลี่ก็จะเป็นจวนซือคง
กล่าวว่าเป็นจวน ความจริงก็ไม่ได้ต่างไปจากพระราชวัง แต่สถานที่แห่งนั้นไม่อนุญาตให้ผู้คนเข้าใกล้ ผู้บุกรุกจะถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี
เกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณชายหวังไม่ได้กล่าว
ใครใช้ให้คนผู้นี้ถามทางอย่างดุร้ายเช่นนี้ละ ปล่อยให้เขาถูกทหารจับไปซะ!
แม้ว่าคุณชายจะมีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง แต่เขาก็ชี้ทางไปไม่ผิด
ทหารนอกจวนซือคงเก่งกาจกว่าหน่วยกล้าตายของจวนเห้อเหลียน คนธรรมดายังไม่ทันเข้าไปใกล้ก็ถูกทหารดึงออกมาแล้ว น่าเสียดายที่เขาเป็นอ๋องแห่งเผ่าปีศาจที่มีทั้งพลังภายในและวิชาตัวเบา การคุ้มกันนี้ยังไม่อาจสร้างความลำบากแก่เขาได้
จนกระทั่งมาถึงประตูใหญ่ของจวนสกุลซือคง ก็ไม่ง่ายที่จะเข้าใกล้เช่นนั้นแล้ว
ในจวนซือคงมีเมฆหมอกน่าสะพรึงกลัวมากมายครอบคลุมทั้งจวน
หากพรวดพราดเข้าไป แปดเก้าส่วนคงถูกเมฆหมอกเหล่านี้ฉีกร่างเป็นชิ้นๆ
ขณะที่เยี่ยนจิ่วเฉากำลังคิดหาทางลอบเข้าไปในจวน รถม้าคันหนึ่งก็ขับมาจากที่ไกลนัก และดูเหมือนจะขับเข้าไปในจวนซือคง
ร่างของเยี่ยนจิ่วเฉาแวบเข้าไปในรถม้า
รถม้าเคลื่อนเข้าสู่จวนอย่างราบรื่น
นี่เป็นรถม้าขนของ ยามเคลื่อนผ่านห้องเก็บของเยี่ยนจิ่วเฉาก็แวบกายออกมาอย่างเงียบๆ
“ยกไปหมดแล้ว กล่องนี้เป็นของคุณชายรอง ส่วนกล่องนี้เป็นของคุณชายใหญ่” ภายในห้องเก็บของ บุรุษที่เป็นเหมือนผู้ดูแลคนหนึ่ง ยื่นกล่องสองใบให้กับมือของลูกน้องสองคน
ทั้งสองรับกล่องมาและจากไปคนละทาง
ก่อนที่เด็กรับใช้จะกล่าวจบ ซือคงฉางเฟิงก็โพล่งออกมาอย่างระแวดระวัง จากนั้นฝ่ามือลมปราณรุนแรงก็พุ่งออกมาปะทะ ดั่งศรเร็วพุ่งเข้ากลางอกของเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อ ปัดฝ่ามือลมปราณออกไป
แม้ฝ่ามือลมปราณนี้ไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมด แต่อีกฝ่ายสามารถรับการโจมตีได้ก็ยังเกินความคาดหมายของ ซือคงฉางเฟิง
ซือคงฉางเฟิงดวงตาสั่นไหว พลังภายในมหาศาลกระแทกประตูหน้าต่างจนเปิดออก กวาดร่างของเขาออกไป
เด็กรับใช้ตกตะลึงตาโต รีบร้อนวิ่งตามออกไป เห็นคุณชายของตนเองกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับบุรุษชุดดำที่สวมหน้ากากอสูร
ซือคงฉางเฟิงชุดขาวราวหิมะ เยี่ยนจิ่วเฉาชุดดำดุจน้ำหมึก ภายในลานเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ทว่าเงาร่างของทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันช่างน่ามองยิ่งนัก
เดิมทีเด็กรับใช้ตั้งใจจะปกป้องคุณชายของเขา ไปเรียกองครักษ์มาจับตัวมือสังหาร ไหนเลยจะรู้ว่าดูไปดูมา กลับลืมแม้กระทั่งว่าตนเองออกมาทำอะไร…
ทักษะของซือคงฉางเฟิงนั้นไม่เลวเลย เขานับว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งหรือสองในบรรดาคนหนุ่ม บุรุษตรงหน้าแม้จะสวมหน้ากากอสูร ทว่ามือทั้งสองเรียวยาวดุจหยก ยังอ่อนเยาว์ยิ่งนัก
คนรุ่นหลังในหมิงตูมียอดฝีมือเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
ร่องรอยความประหลาดใจฉายชัดในดวงตาซือคงฉางเฟิง
แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า ก็คือลมหายใจของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างแผ่วเบา
เยี่ยนจิ่วเฉาใช้ฝ่ามือเชือดเฉือนอีกครั้ง ซือคงฉางเฟิงกระโดดปลายเท้าขึ้นไปด้านบน ยิงลูกดอกสามด้ามใส่เยี่ยนจิ่วเฉา อาศัยการอำพรางของลูกดอก ใช้ฝ่ามือกระแทกพุ่งไปตรงหน้าเยี่ยนจิ่วเฉา
เมื่อเห็นว่าใกล้จะหลบไม่ทัน ทันใดนั้น ทั่วทั้งร่างของเยี่ยนจิ่วเฉาก็ระเบิดพลังภายในน้ำแข็งออกมา
ซือคงฉางเฟิงรู้สึกว่าแขนครึ่งหนึ่งของเขาคล้ายกับถูกแช่แข็ง เขารีบดึงมือออกมา ร่างกายสั่นไหวถอยไปด้านหลังหนึ่งจั้ง และมองเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างไม่เชื่อสายตา “เพลงยุทธ์วิญญาณน้ำแข็ง! กำลังภายในของสกุลซือคง?! เจ้าเป็นใครกันแน่? เหตุใดเจ้าถึงสามารถใช้กำลังภายในของปรมาจารย์ได้?”
เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัด คนเสเพลเช่นเจ้าหรือสมควรจะได้รู้จักชื่อของอ๋องผู้นี้?
เยี่ยนจิ่วเฉาแวบกายเหาะไปด้านหน้าซือคงฉางเฟิง หากเป็นการต่อสู้รู้เขารู้เรา ซือคงฉางเฟิงอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยนจิ่วเฉา น่าเสียดายซือคงฉางเฟิงประมาทเลินเล่อ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถใช้กำลังภายในของปรมาจารย์ และความประมาทใหญ่หลวงนี้ ต้องแลกกับร่างกายครึ่งหนึ่งของซือคงฉางเฟิงเป็นอัมพาต
……………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]