บนหน้ากากมีฤทธิ์ยา ทันทีที่แนบกับใบหน้า อวี๋หวั่นก็สลบไป
เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น อวี๋หวั่นไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือภาพลวงตา ในความสะลึมสะลือเธอรู้สึกว่ามีคนบีบหน้าเธอไปมา จากนั้นก็ลูบท้องของเธอไปมา ไม่รู้ว่ากำลังวัดอะไร
ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ต่อเนื่อง ไม่นานอวี๋หวั่นก็หลับไปอีกครั้ง
…
แสงแดดยามเช้าพาดผ่าน ห้องที่อบอวลกลิ่นหอมของไม้จันทน์ ผ้ามุ้งที่ถูกสายลมพัดพา
สตรีศักดิ์สิทธิ์นั่งเงียบๆ อยู่หน้ากระจกทองเหลือง มองใบหน้าในกระจกอยู่ชั่วขณะ
ทูตศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ด้านหลังนาง ตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่วินาทีแรก จนปัญญาถึงขั้นนี้ ผีเท่านั้นที่รู้ว่านางผ่านอะไรมา
“สตรีศักดิ์สิทธิ์” นางกระซิบ
“เยี่ยนจิ่วเฉา” สตรีศักดิ์สิทธิ์ขัดจังหวะนาง “นี่คือชื่อที่นางคิดถึงหายามหลับฝันใช่หรือไม่?”
ทูตศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า “ดูเหมือนเป็นเช่นนั้น”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยกมือขึ้นจัดแจงมวยผม “ที่แท้บุรุษผู้นั้นชื่อเยี่ยนจิ่วเฉา ชื่อฟังดูดีไม่น้อย”
รูปลักษณ์ก็ยังหล่อเหลา
แน่นอนประโยคนี้ สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เอ่ยออกไป
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองไปที่กระจกทองเหลืองแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มของนาง
“เหมือนหรือไม่?” นางถาม
ทูตศักดิ์สิทธิ์ลังเล บอกไม่ได้ว่าเหมือนของปลอม ในเมื่อถูกสร้างขึ้นตามใบหน้านั้น แต่หากกล่าวว่าเป็นพิมพ์เดียวกันก็ยังไม่สมบูรณ์แบบนัก ในเมื่อไม่ว่ารูปร่างหรือหน้าตา สตรีผู้นั้นก็ดูอวบอ้วนไปหมด
สตรีศักดิ์สิทธิ์เข้าใจว่านางสงสัยสิ่งใด มองดูใบหน้าของคนในกระจกและกล่าวอย่างเรียบเฉย “ในจงหยวนมิใช่มีกวีบทหนึ่งที่กล่าวว่า ‘ร่างกายผ่ายผอมเสื้อผ้าหลวมไม่เสียใจ ขอเพียงได้คิดถึงเจ้า’ หรอกหรือ ไม่ได้พบกันสิบกว่าวัน นอนพลิกไปมา กินไม่ได้นอนไม่หลับ ผอมลงสักหน่อยก็ยากจะเลี่ยงกระมัง”
“ทว่า…” ทูตศักดิ์สิทธิ์ลังเลที่จะเอ่ยอีกครั้ง
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองดูตัวเองในกระจกทองเหลืองและพึมพำ “แต่นางท้อง ดังนั้นข้าก็ควรจะมีครรภ์เช่นกัน”
เรื่องนี้ถูกพบโดยบังเอิญ สตรีผู้นั้นเอาแต่กินทั้งวัน จนทั้งร่างอวบอ้วน ก้อนเนื้อที่ท้องนั่นถูกคนเข้าใจว่าเป็นไขมัน หากไม่ใช่เพราะจับชีพจรของเธอ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่รู้ว่าเธอตั้งครรภ์
เรื่องนี้ นอกจากสตรีศักดิ์สิทธิ์ ก็มีเพียงทูตศักดิ์สิทธิ์คนสนิทผู้นี้เท่านั้นที่ล่วงรู้
ทูตศักดิ์สิทธิ์เดินไปที่ประตู มองไปยังทางเดินที่ว่างเปล่า ปิดประตูลงกลอน แล้วค่อยๆ เดินกลับไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์ “สตรีศักดิ์สิทธิ์ ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้? หากท่านไม่อยากแต่งงานกับคุณชายรองซือคง…ข้าหมายถึง หากท่านต้องการหาคนอื่นมาแต่งงานแทนท่าน…ก็เลือกจากบรรดาทูตศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าเชื่อว่าจะต้องมีผู้ที่เหมาะสมกว่านี้เป็นแน่”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ตอบ
เรื่องบางเรื่องบอกกับทูตศักดิ์สิทธิ์ได้ ทว่าความคิดบางอย่างกลับยากจะเอ่ย
“หากในพิธีไหว้ฟ้าดินเกิดข้อผิดพลาดจะทำอย่างไร? หากนางเปิดเผยตัวตนในห้องหอจะทำอย่างไร?” ทูตศักดิ์สิทธิ์คิดว่าวิธีนี้เสี่ยงเกินไป ในฐานะที่เป็นคนสนิทของสตรีศักดิ์สิทธิ์ นางเข้าใจดีว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ชอบลูกผู้ลากมากดีอย่างซือคงอวิ๋น สตรีศักดิ์สิทธิ์มีความทะเยอทะยานสูง แต่งงานกับซือคงอวิ๋นก็เพียงเพื่อใช้เขาเป็นหินรองเท้าให้ก้าวเดิน แต่…หินรองเท้าชิ้นนี้เป็นทายาทสกุลซือคง หากประมาทเพียงนิด สิ่งที่รอสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่อาจไม่มีทางที่จะฟื้นคืนได้ตลอดไป!
“หากสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่รังเกียจ ข้าน้อยยินดีถวายตัวรับใช้แทนสตรีศักดิ์สิทธิ์” ทูตศักดิ์สิทธิ์คุกเข่าลง ที่นางกล่าวเช่นนี้หาใช่เพราะเห็นแก่ตัว นางกับซือคงอวิ๋นไม่เคยมีความคิดที่ไม่สมควรใดๆ
สตรีศักดิ์สิทธิ์ทำราวกับไม่ได้ยิน นางหยิบปิ่นสีสันสดใสมีเสน่ห์ปักบนมวยผม
นางเกิดมาก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยแปดเปื้อน นางไม่เคยแต่งตัวสดใสถึงเพียงนี้มาก่อน
ในดวงตาของนางมีประกายตื่นเต้นแปลกใหม่วาบผ่าน
ทูตศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างๆ ยิ่งมองก็ยิ่งสับสน ร้อนรนแทบมีไฟสุมอก ยามที่นางอายุได้ห้าขวบก็ถูกรับเลือกให้อยู่ข้างกายสตรีศักดิ์สิทธิ์ ยามนั้นสตรีศักดิ์สิทธิ์ยังอายุไม่ถึงสองขวบ หากจะกล่าวเกินจริงสักหน่อย นางเป็นคนที่เฝ้าดูสตรีศักดิ์สิทธิ์เติบโต สตรีศักดิ์สิทธิ์มีกฎเกณฑ์มากมาย ถูกอบรมให้มีนิสัยเห็นแก่ส่วนรวมตั้งแต่เยาว์วัย แต่หลังจากการตายของหลานเม่ย สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน นิสัยของนางดื้อรั้นมากขึ้น
คืนนั้น…เกิดอันใดขึ้นกันแน่?!
แน่นอน หากกล่าวให้ชัดเจน ไม่ใช่คืนนั้นที่ทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไปหาสตรีผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่กลับมาก็มีใบหน้าหมองหม่น แต่วันรุ่งขึ้นก็อดไม่ได้ที่จะไปหาอีกครั้ง ทูตศักดิ์สิทธิ์สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลง หลังจากสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปมาหาสู่กับอวี๋หวั่นได้อย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]