ผู้อาวุโสของสกุลหลาน กระทั่งคุกเข่าก็ไม่อาจทำได้อีกต่อไป ต่างพากันนั่งยองๆ วางหน้าผากลงกับพื้น ราวกับนี่เป็นเพียงสิ่งเดียว ที่สามารถแสดงให้เห็นถึงความเคารพศรัทธาของพวกเขาที่มีต่อสตรีศักดิ์สิทธิ์
อวี๋หวั่นมองศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์สีสันมากมายจนตาลาย ไม่ทันสังเกตว่าฉากนี้อยู่เหนือการควบคุมเสียแล้ว
นางก็พูดอยู่มิใช่รึ เธอเก่งกาจถึงเพียงนี้ จะไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?
เธอช่างโง่เขลายิ่งนัก ช่างโง่เขลา!
ทำไมถึงไม่คิดว่าเลือดของตนเป็นเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ประเสริฐที่สุดตั้งแต่แรกนะ?
อวี๋หวั่นยืดอก “จริงๆ ข้าก็ยอดเยี่ยมไม่น้อย ใช่รึไม่เล่า?”
ปากของอิ่งลิ่วกระตุก ไม่อาจทนมองตรงๆ
แน่ใจหรือว่าตนยอดเยี่ยม ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น?
ข้ายังจำได้ดีว่าครั้งแรกที่ท่านสัมผัสศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่ตอบสนองใดๆ แม้แต่น้อย…
อิ่งลิ่วย่อมไม่อาจเดาถึงตัวเยี่ยนเสี่ยวซื่อได้ เขาไม่รู้ว่าทารกในครรภ์ของอวี๋หวั่นเคลื่อนไหวแล้ว แต่เยี่ยนจิ่วเฉาที่อยู่ด้านข้างกลับมองเห็นการเคลื่อนไหวของอวี๋หวั่นได้อย่างชัดเจน อายุครรภ์ยังน้อย เพิ่งครบสี่เดือน การเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์นี้ นอกจากคนที่อยู่ข้างกายผู้เป็นมารดาจึงไม่อาจสังเกตเห็นได้แม้แต่น้อย ทว่าเขาสังเกตเห็นแล้ว
การเคลื่อนไหวเล็กน้อยราวกับขนห่านป่าร่วงหล่น ถูกจับได้โดยพลังหูที่วิเศษเกินธรรมดาของเขา
เขาหรี่ตา สายตาตกกระทบกับท้องของอวี๋หวั่นอย่างลุ่มลึก
“ส้มๆๆๆ!”
“เขียวๆๆๆ!”
“ม่วงๆๆๆ!”
ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์หลากสียังคงเปลี่ยนสีไปตามคำสั่งของอวี๋หวั่น งดงามจนหัวใจของอวี๋หวั่นแทบจะละลายไป
ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังสนุกสนานจนเกินควร ก็ได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ ศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดแตกสลายลงพร้อมกัน!
อวี๋หวั่นกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา หือ? เกิดอะไรขึ้น?
“…”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อหลับไปแล้ว…
อวี๋หวั่นมองมือคู่อวบอ้วนของเธอ พลังสายเลือดของเธอบ้างก็ใช้การได้ บ้างก็ใช้การไม่ได้หรือ?
“อะแฮ่ม!” อวี๋หวั่นกระแอมในลำคอ “เอาละ พวกเจ้าก็ได้เห็นทั้งหมดแล้ว ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไม่จริงยินดีเปลี่ยนคืน!”
หลานเจียวในยามนี้ จะยอมรับก็ไม่ใช่ ปฏิเสธก็ไม่เชิง
เพราะหากเปิดเผยว่าอวี๋หวั่นเป็นเชื้อสายตรงของสกุลหลาน สถานะของตนและบุตรสาวคงไม่อาจรักษาไว้ได้ แต่หากไม่เปิดเผย สตรีผู้นี้ก็เปิดเผยได้ด้วยตัวเอง ปากเป็นของนาง มิใช่ใคร่เอ่ยเช่นไรก็เอ่ยเช่นนั้นหรือ?
ดูจากสีหน้าเมื่อครู่ของสตรีผู้นี้ สตรีผู้นี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วตนเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ หรือสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเช่นนี้ ที่นางปลอมตัวเป็นหลานจี ก็เพราะนางด้อยกว่าหลานจี ยามนี้นางแสดงให้เห็นถึงสายเลือดที่ทรงพลังเช่นนี้ นางกล่าวสิ่งใด ผู้อาวุโสสกุลหลานก็ล้วนเชื่อ
เช่นนั้นนาง…ยังเต็มใจถ่อมตนปลอมเป็นบุตรสาวของนางอีกหรือ?
สิ่งที่หลานจีคิด อวี๋หวั่นก็คิดได้เช่นกัน ในเมื่อเธอยอดเยี่ยมกว่าหลานจี เธอก็สามารถก่อคลื่นพายุให้ตระกูลนางหลานทั้งตระกูลได้ โดยที่ไม่ต้องยืมตัวตนของหลานจี!
อวี๋หวั่นยกพัดขึ้นปิดมุมปาก กระซิบถามสามี “ข้าต้องการเปิดเผยสถานะที่แท้จริง บอกพวกเขาว่าข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์จากเรือนเอกของท่านยายรองได้หรือไม่?”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่จำเป็น”
“เพราะเหตุใด?” อวี๋หวั่นไม่เข้าใจ
เพราะเจ้าไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่แรก…
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองท้องของเธอพลางกระซิบ “ใช้ใบหน้าของหลานจีกระทำเรื่องเลวร้าย ไม่ดีกว่าหรือ?
จริงด้วย!
ตอนนี้เธอมีใบหน้าของหลานจีอยู่ กระทำสิ่งใดไป ในอนาคตก็ต้องคิดบัญชีนี้กับหลานจี!
ส่วนเรื่องช่วยให้หลานจีมีหน้ามีตา ไม่มีเรื่องเช่นนั้นหรอก เธอสัญญาว่าจะสร้างปัญหาให้พวกเขา มากกว่าให้พวกเขาได้เชิดหน้าชูตา
เมื่อคิดถึงเช่นนี้ อวี๋อ้วนหวั่นก็ผุดรอยยิ้มมุ่งร้าย
เมื่อเห็นรอยยิ้มของอวี๋หวั่น หลานเจียวก็หัวใจหล่นวูบ ความชั่วร้ายหนึ่งพลันพุ่งขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ
อวี๋หวั่นเดินไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นอวี๋หวั่นเดินมาหาตน ลางร้ายในใจของหลานเจียวก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น หรือเด็กหญิงผู้นี้คิดจะเปิดเผยสถานะของตนแล้ว?
อวี๋หวั่นมาหยุดข้างกายหลานเจียว ยื่นมือออกมาจับแขนหลานเจียวและกล่าวอย่างรักใคร่ “ท่านแม่ ลูกได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว ข้าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์สกุลหลาน และเป็นบุตรสาวของท่าน หลานจี”
เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลไม่เคยประสบเรื่องราวแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน สิ่งที่อวี๋หวั่นเป็น ได้ทำลายความเข้าใจทั้งหมดของพวกเขาไป ดังนั้น ต่อให้คัมภีร์โบราณเขียนไว้เช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเชื่อทั้งหมดอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]