สตรีศักดิ์สิทธิ์ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยฝันร้าย นางฝันว่าปรมาจารย์ซือคงล่วงรู้ความจริง จึงบีบคอและใช้กริชแทงลงกลางอกของนาง
นางหวีดร้องด้วยความตกใจ ผุดลุกขึ้นนั่งในทันที!
นางเกิดมาก็เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการฝึกฝนแตกต่างจากคนทั่วไป บ่มเพาะนิสัยที่ไม่ตื่นตกใจ แต่นางกลับยังถูกฝันร้ายทำให้หวาดกลัวจนเหงื่อผุด เห็นได้ว่าเหตุการณ์ความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ ยังทิ้งเงาแห่งความหวาดกลัวอยู่ในจิตใจของสตรีศักดิ์สิทธิ์
ในไม่ช้าสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็พบว่าตนเองมาอยู่ในห้องที่ดูแปลกตา แสงสีทองยามเช้าส่องผ่านช่องหน้าต่างอย่างประณีต ให้บรรยากาศโบราณและเรียบง่ายสะท้อนผิวโต๊ะและเก้าอี้
การตกแต่งในห้องไม่ซับซ้อน แต่ทั้งหมดทำจากไม้จินสื่อหนานชั้นดี ลือกันว่าอายุพันปีไม่เสื่อมสลาย ด้วยเหตุนี้ แม้จะเป็นรูปแบบเก่าเมื่อหลายปีก่อน แต่มองแล้วยังไม่เห็นความชำรุดทรุดโทรมเลยแม้แต่น้อย
เห็นได้ชัดว่าในห้องไม่มีใคร แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์มีความรู้สึกว่าไม่กล้าสร้างปัญหา
“ที่นี่คือที่ใด?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์เอ่ยเสียงเบา
ทันทีที่สิ้นเสียงก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ตามมาด้วยเสียงเอ่ยถามจากลูกศิษย์น้อย “แม่นาง ท่านตื่นแล้วหรือ?”
ความระแวดระวังปรากฏในดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์ “ข้าตื่นแล้ว”
“เช่นนั้น ข้าจะส่งน้ำแกงโสมเข้ามาให้แม่นาง” ศิษย์น้อยเอ่ยจบก็รอรับคำสั่งของสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่นอกประตูอย่างเงียบๆ
ดวงตาของสตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นประกาย เอ่ยพลางปล่อยผ้าคลุมเตียงลง “ได้”
แอ๊ด–
ประตูถูกผลักเปิด
ศิษย์น้อยเดินเข้ามาพร้อมกับชามน้ำแกงโสมร้อนๆ ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอันน่าหลงใหล
ลูกศิษย์วางน้ำแกงโสมลงบนโต๊ะและกล่าวด้วยสายตาแน่นิ่ง “แม่นาง ท่านดื่มน้ำแกงโสมก่อน น้ำแกงนี้ทำด้วยไก่จุ๋ยจีและโสมหิมะจากหมิงซานของพวกเรา ทั้งบำรุงร่างกาย และรสชาติก็ดี หาดื่มที่ใดไม่ได้แล้ว!”
มือของสตรีศักดิ์สิทธิ์แตะผ้าม่าน กำลังจะเปิดออก แต่ก็หยุดชะงักดึงมือออก และถามผ่านผ้าม่านว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า…ที่นี่คือหมิงซาน? ขอถาม ที่ใดในหมิงซาน?”
“วิหารเจาหยาง!” ศิษย์น้อยกล่าว
นัยน์ตาสตรีศักดิ์สิทธิ์หดสั้น!
วิหารเจาหยางเป็นเขตของปรมาจารย์ซือคง นางหลงเดินมาถึงที่นี่หรือ?
ไม่ใช่สิ ไม่ได้หลง นางจำได้รางๆ ว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังกดของปรมาจารย์ซือคง ก่อนที่นางจะเล่า ‘ประวัติชีวิต’ ของนาง ดวงตาทั้งสองก็ดำมืดสลบไป—-
เหตุใดฟื้นขึ้น ก็มาอยู่ที่วิหารเจาหยาง?
ฟังจากน้ำเสียงของศิษย์น้อยผู้นี้ ดูเหมือนว่าเขาให้ความเคารพนางอยู่หลายส่วน
หรือว่า…ปรมาจารย์ซือคงเห็นภาพของสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอี และเดาได้ว่านางเป็นบุตรหลานของสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอี?
เพื่อยืนยันการคาดเดา สตรีศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ เปิดม่านมองศิษย์น้อยที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะแล้วถามเสียงเบาว่า “ผู้ใดพาข้ามาที่นี่?”
“ปรมาจารย์” ศิษย์น้อยกล่าว
ยามเอ่ยถึงปรมาจารย์ สีหน้าศิษย์น้อยดูเคารพมากกว่าตอนแรก ในขณะเดียวกัน ใบหน้าก็มีร่องรอยของความสงสัยที่ยากจะห้ามได้
สตรีศักดิ์สิทธิ์เข้าใจในสิ่งที่เขาสงสัย ปรมาจารย์ไม่เคยอนุญาตให้คนนอกเข้ามาในภูเขา ทว่ายามนี้เขากลับพาสตรีมา ทั้งยังให้คนดูแลรับใช้อย่างดี สิ่งเหล่านี้ เกรงว่าทุกคนคงตะลึงเลยกระมัง?
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่สนใจว่าพวกเขาจะตะลึงหรือไม่ ตราบใดที่ปรมาจารย์ยังจำตนได้ก็พอแล้ว
ศิษย์น้อยไม่ได้โกหก รสชาติของน้ำแกงโสมไก่จุ๋ยจีนี้อร่อยมาก ไม่เกี่ยวกับฝีมือการทำอาหาร แต่เป็นรสชาติของไก่จุ๋ยจีและโสมหิมะเอง หลังจากกลืนลงท้องไม่กี่คำ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกได้ว่าทั้งร่างกายอบอุ่นขึ้นมา
หลังจากนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่ากระดูกหลายชิ้นในร่างกายของนางหัก แต่ความเจ็บปวดกลับหายไปอย่างสิ้นเชิง
“ผู้ใดรักษาข้า?” นางถามศิษย์ที่อยู่ด้านข้าง
ศิษย์น้อยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า “น่าจะเป็นปรมาจารย์กระมัง? เรายังไม่ได้รักษาแม่นาง”
ตอนนี้สตรีศักดิ์สิทธิ์เกือบจะแน่ใจแล้วว่าปรมาจารย์จำตัวเองได้
เดิมทีคิดว่าจะตายแล้ว ไม่นึกว่า…กลับรอดมาจากที่ตาย
สตรีศักดิ์สิทธิ์ยั้งมุมปากที่ยกขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ ดื่มน้ำแกงโสมอีกสองสามจิบ จากนั้นก็มองไปที่ศิษย์น้อยที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอย่างใจเย็น “เจ้าชื่ออะไร? ปีนี้อายุเท่าไร?”
ศิษย์น้อยตอบว่า “ข้าชื่อจิงหง อายุสิบสี่ปีแล้ว”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ใช้น้ำเสียงอ่อนโยนไร้พิษสง “เช่นนั้นจากนี้…ข้าจะเรียกเจ้าว่าจิงหงได้หรือไม่?”
ศิษย์น้อยจิงหงเกาศีรษะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ”
“เจ้าอยู่ที่หมิงซานมานานเท่าใดแล้ว?” สตรีศักดิ์สิทธิ์ถาม
ศิษย์น้อยกล่าวว่า “ห้าปีแล้ว”
ห้าปี เช่นนี้เขาก็คุ้นเคยกับปรมาจารย์เป็นอย่างดี
ช้อนของสตรีศักดิ์สิทธิ์กวนน้ำแกงโสมในชาม ไม่ได้ถามเรื่องของปรมาจารย์อีก แม้นางจะไม่คิดว่าศิษย์น้อยผู้นี้จะปกปิดตน แต่นางจะใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้ เพื่อไม่ให้เผยพิรุธ นางต้องทำทุกอย่างช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]