หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 418

สตรีศักดิ์สิทธิ์เป็นทูตสวรรค์ ทั่วทั้งหมิงตูเป็นสิ่งที่อยู่ต่างชนชั้นอย่างสิ้นเชิง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของซือคงเย่ จึงไม่ได้เห็นทูตสวรรค์คนนี้อยู่ในสายตา

เมื่อได้ยินว่าคนที่ทำร้ายเหลนของเขาคือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งหมิงตู ซือคงเย่ไม่แม้แต่จะยกเปลือกตา กลับทำเสียงฮึดฮัดอย่างดูถูก

สตรีศักดิ์สิทธิ์เข้าใจได้ว่าการฮึดฮัดเช่นนี้มาได้อย่างไร ไม่มีอะไรมากไปกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ใครๆ ต่างอิจฉา แต่ในสายตาของปรมาจารย์เป็นเพียงมดตัวน้อยที่บี้จนตายได้ด้วยมือข้างเดียว หากไม่เป็นเช่นนั้น เหตุใดนางถึงมีคุณสมบัติเข้าไปยังเขาหมิงซาน แต่กลับไม่เคยซุกซนจุ้นจ้านในหมิงซาน เอาแต่ตัดใจอยู่ในวิหารของตนเอง? คิดว่านางขี้เกียจ ไม่อยากเดินจริงหรือ?

“เหตุใดนางถึงทำร้ายเจ้า?” ซือคงเย่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “แม่ของนางแย่งของของข้าไป ข้าไปขอพวกเขาถึงประตู แต่กลับถูกนางทำร้ายจนบาดเจ็บ”

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เรื่องที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แต่งขึ้น ยามแรกที่อวี๋หวั่นเข้ามาในหมิงตู ก็ถูกหลานเจียวแย่งราชันสัตว์พิษไป อวี๋หวั่นก็ไปขอมันถึงที่ ‘นาง’ แน่นอนว่าก็เป็นผู้ได้รับบาดเจ็บในคืนนั้น

ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ ยามที่นางได้รับบาดเจ็บ นางเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ทว่ายามนี้นางกลายเป็น ‘หลานอวี้’ แล้ว แต่ปรมาจารย์ไม่มีทางรู้เรื่องเหล่านี้ ปรมาจารย์จะรู้เพียงว่าตนถูกสตรีตัวเหม็นนั่นทำร้าย

ซือคงเย่ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “เจ้าไม่มีแม้แต่องครักษ์หรือ? วรยุทธ์อ่อนด้อยเช่นนั้นก็ทำร้ายเจ้าได้หรือ?”

ดีร้ายอย่างไรตนก็ยังเป็นหนึ่งในห้ายอดฝีมือของหมิงตู แต่กลับกลายเป็นคนที่มีวรยุทธ์อ่อนด้อยสำหรับปรมาจารย์ สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็สูดหายใจระงับความอยากกระอักเลือดและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ครอบครัวลำบากยากจน ไม่อาจเชิญองครักษ์มาได้ เงินค่าเดินทางมาหมิงตูยังต้องขอยืมจากคนในหมู่บ้าน”

เลือดเนื้อของเขามีชีวิตที่ยากลำบากระเหเร่ร่อนอยู่ในหมู่ผู้คน ยิ่งทำให้ปรมาจารย์ท่านนี้รักทะนุถนอมมากขึ้นไม่ใช่หรือ?

แน่นอน หลังจากฟังคำพูดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ซือคงเย่ก็จับแขนของสตรีศักดิ์สิทธิ์แน่นขึ้น “ในครอบครัวยังมีใครอีก?”

“ไม่มีแล้ว แค่ข้าคนเดียว” สตรีศักดิ์สิทธิ์สะอื้น

ซือคงเย่อุ้มสตรีศักดิ์สิทธิ์กลับไปที่วิหารเจาหยาง

เหล่าศิษย์ในวิหารมองปรมาจารย์ของพวกเขาที่คล้ายกับเทพเซียน กลับมาพร้อมกับสตรีผู้หนึ่ง ทุกคนต่างตกใจไม่น้อย

หลังจากซือคงเย่เข้าไปในห้อง เหล่าลูกศิษย์ก็เริ่มฮือฮา

“สตรีผู้นั้นเป็นใครน่ะ?”

“คนที่ถูกปรมาจารย์พากลับมาเมื่อคืนนี้กระมัง? เมื่อคืนปรมาจารย์ก็อุ้มนางกลับมาแบบนี้…”

“คงไม่ใช่ว่าปรมาจารย์อายุถึงเพียงนี้ ในที่สุดต้นปรงสาคูก็ออกดอกเบ่งบาน โปรดปรานแม่นางน้อยกระมัง?”

ซือคงเย่เพียงแต่สั่งให้ลูกศิษย์รับใช้แม่นางที่เขาพากลับมา ไม่ได้บอกเรื่องตัวตนของนาง จึงไม่มีใครคาดเดาว่านางเป็นเหลนของเขา เพียงรู้สึกว่าสตรีผู้นี้โชคดีนัก วันหน้าเกรงว่าจะเป็นปรมาจารย์แม่ของพวกเขาแล้ว

“ในที่สุดวิหารเจาหยางก็มีนายหญิงแล้วหรือ?”

“ชู่! เงียบหน่อย! อย่าให้ปรมาจารย์ได้ยิน! แยกย้ายกันเถอะ เรื่องของปรมาจารย์ไม่ใช่สิ่งที่เราคาดเดาได้ เราควรตั้งใจทำในส่วนของเราให้ดี และพยายามภักดีต่อปรมาจารย์อย่างดีที่สุด!”

เหล่าศิษย์ก็แยกย้ายกันไป

ซือคงเย่พาสตรีศักดิ์สิทธิ์กลับไปที่ห้องของนางเอง ข้อเท้าของนางแพลงค่อนข้างรุนแรง ทั้งข้อเท้าและหลังเท้าต่างก็บวมไปหมด ซือคงเย่ใช้กำลังภายในสลายเลือดคั่งให้นาง เกือบในพริบตาเท้าของนางก็กลับคืนมาเหมือนก่อน

“ลุกขึ้นเดินสองก้าว” ซือคงเย่กล่าว

“อือ!” สตรีศักดิ์สิทธิ์ลุกขึ้นเดินอย่างเฉลียวฉลาด ไม่เจ็บแล้วจริงๆ ด้วย!

จ๊อก~

ท้องสตรีศักดิ์สิทธิ์ร้อง

ตอนเช้าดื่มแค่น้ำแกงโสมไก่หนึ่งชาม ออกไปข้างนอกและได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง เลี่ยงไม่ได้ที่จะหิวในยามนี้

“กินข้าวก่อนสิ” ซือคงเย่กล่าว

นัยยะนอกเหนือคำพูด คือกินแล้วค่อยแก้แค้นทีหลัง

สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ พยักหน้าทำตัวเชื่อฟัง “ฟังท่านหมดเลย”

ซือคงเย่ให้เหล่าศิษย์จัดอาหาร เขาไม่กิน แต่กลับนั่งดูสตรีศักดิ์สิทธิ์กินอยู่ตรงนั่น

สตรีศักดิ์สิทธิ์กินช้าๆ เขาขมวดคิ้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์คีบมาอีกสองสามคำ คิ้วของเขาเหยียดออก

สตรีศักดิ์สิทธิ์รู้สึกว่าตนเป็นที่รักอย่างลึกซึ้ง นางเกิดมาเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสกุลหลาน และนับว่าถูกเลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอม แต่ถูกเลี้ยงดูจากคนธรรดา กับถูกเลี้ยงดูจากผู้แข็งแกร่งที่เก่งกาจที่สุดในหมิงตู ความหมายต่างกันสิ้นเชิง

ปรมาจารย์ซือคงเป็นผู้ที่สามารถประมือกับเทพเจ้าแห่งความมืดที่ร่ำลือกัน หากตอนแรกไม่ได้เกิดเรื่องกับสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอี เขาก็อาจเป็นเจ้าแห่งความมืดตัวจริง

สตรีศักดิ์สิทธิ์อดไม่ได้ที่จะอิจฉาอวี๋หวั่นอีกครั้ง สตรีนั่นโชคดีอย่างไรถึงเพียงนี้ ไยเรื่องดีๆ ในโลกถึงเป็นของนางเสียหมด? ไม่มีใครรู้ดีไปกว่านางว่าปรมาจารย์ซือคงไม่เห็นใจคนอื่นเพียงใด แต่ด้วยเหตุนี้ ความรักใคร่เอ็นดูของเขาจึงกลายเป็นเรื่องน่าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง ยิ่งไม่ต้องพูด เขาไม่ดูแก่เลยสักนิด แม้ศีรษะจะเต็มไปด้วยผมหงอกสีเงิน แต่กลับสุดยอดไร้เทียมทาน ราวกับเทพเจ้าเก้าสวรรค์

สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถคิดเรื่องนี้ต่อไปได้อีก ยิ่งคิดถึงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอิจฉาสตรีตัวเหม็นนั่นมากขึ้นเท่านั้น

“อิ่มแล้ว” สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าว

ซือคงเย่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับไม่พอใจในความอยากอาหารอันน้อยนิดของนาง

ในสายตาของคนนอก สตรีศักดิ์สิทธิ์อาจเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว แต่ในสายตาของซือคงเย่ นางยังเป็นเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ เด็กหญิงกินน้อยไม่ดีนัก

ซือคงเย่ผลักชามข้าวตรงหน้าเขาไปที่สตรีศักดิ์สิทธิ์ “กิน”

ตอนนี้ ซือคงเย่พาสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่กินจนจุกแน่นชีวิตหายไปครึ่งหนึ่งออกจากหมิงซาน ไปซื้อของที่ตลาด

สตรีศักดิ์สิทธิ์ทรุดตัวลงบนรถม้า ไม่ต้องการเคลื่อนไหวขยับตัว

นางกำลังจะตายจริงๆ ท้องของนางกำลังจะแตก!

“ถังหูลู่จ้า—— ถังหูลู่——”

ข้างถนน พ่อค้าหาบเร่ขายถังหูลู่คนหนึ่งผ่านมา ซือคงเย่เห็นป้าคนหนึ่งจูงเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบเดินไป ป้าซื้อถังหูลู่หนึ่งไม้ให้เด็กหญิงตัวน้อย ซือคงเย่พยักหน้าเรียนรู้ กระโดดออกจากรถม้า และซื้อถังหูลู่มาให้เด็กน้อยของตนหนึ่งไม้เช่นกัน

ขณะที่เขากำลังหันตัวกลับขึ้นรถม้าพร้อมกับถังหูลู่ ก็เหลือบไปเห็นเงาร่างเล็กอ้วนท้วมข้างแผงลอย

มองด้านข้าง เป็นสตรีที่อายุไล่เลี่ยกับเด็กน้อยของเขา ตรงหน้านางมีชามทังหยวนอยู่หลายชาม สี่ชามถูกกวาดจนเรียบแล้ว นางกำลังกินชามที่ห้า ไม่นาน เจ้าของแผงลอยก็นำเนื้อย่างไม้ถาดใหญ่มาให้นาง

นางกัดเนื้อย่างรสเค็มคำหนึ่ง ทังหยวนหวานคำหนึ่ง กินจนน้ำลายสอ~

ซือคงเย่อิจฉายิ่งนัก ดูสิ นี่เป็นบุตรหลานคนอื่น

หากเด็กน้อยของเขาสามารถเลี้ยงดูให้อวบอ้วนขาวนวลเช่นนี้ได้คงดียิ่งนัก

ขณะที่คิดเช่นนี้ หญิงอ้วนตัวน้อยก็กล่าวว่า “เอาทังหยวนมาอีกชาม!”

สตรีศักดิ์สิทธิ์บนรถม้าได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยนี้ พลันหยัดกายลุกขึ้นนั่ง!

นางเปิดม่านมองออกไป

จากมุมนี้นางเห็นเพียงด้านหลังของอีกฝ่าย แต่อยู่ด้วยกันนานสิบกว่าวันไม่เปล่าประโยชน์ นางจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครแทบในวินาทีแรกที่เห็น

ช่างเป็นการย่ำรองเท้าเหล็กจนสึกไม่พบพาน ยามได้มากลับไม่เสียเวลาเลย

สตรีศักดิ์สิทธิ์ผุดยิ้มเยือกเย็น “เจ้าว่าเจ้ารออยู่ที่จวนซือคงอย่างเชื่อฟังไม่ดีหรือ? อย่างน้อยก็ยังมีชีวิตอีกวันสองวัน เจ้ากลับส่งตัวเข้าปากเสือเสียเอง อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้าแล้วกัน!”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ออกจากรถม้า เดินมาด้านหลังอวี๋หวั่นและตบไหล่อวี๋หวั่นเบาๆ

นางเพียงแค่รอให้อวี๋หวั่นหันกลับมา แล้วก็ตะโกนบอกปรมาจารย์ว่านี่คือฆาตกรที่ทำร้ายตน

ไหนเลยไม่ทันที่นางได้เอ่ยปาก อวี๋หวั่นเหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของนาง “ท่านพี่——ข้าตามหาท่านยากลำบากเลย——”

……………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]