หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 419

สตรีศักดิ์สิทธิ์ดื่มยาสลายวรยุทธ์ และกดพลังของตนเองได้ อวี๋หวั่นไม่รอช้า พุ่งเข้าไปทันที นางไม่ยอมหนีจริงๆ สินะ

แต่ว่า นางคงฟังผิดไปกระมัง?

เด็กคนนั้นเรียกนางว่าอะไรนะ?

ท่านพี่?

สตรีศักดิ์สิทธิ์มองไปยังเด็กอ้วนที่กอดนางไว้แน่น ทำอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย นางยกมือขึ้นมาดันอวี๋หวั่นออกไป แต่ยิ่งดันก็ยิ่งกอดแน่นขึ้น เธอต้องดึงความสนใจของนาง

“ท่านพี่…ข้าตามหาท่านอย่างยากลำบากเลย… สวรรค์มีตา…ในที่สุดก็ให้ข้าได้พบกับท่านพี่…ฮืออออออ” อวี๋หวั่นร้องไห้โฮออกมา!

สตรีศักดิ์สิทธิ์ตื่นตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เจ้าเด็กโสโครกคนนี้ใจกล้าบ้าบิ่นมาจากไหน กล้ามาเรียกนางว่าท่านพี่กลางถนนเช่นนี้ คิดว่านางจะยอมเชื่อง่ายๆ หรือ? วอนตายด้วยน้ำมือนางเสียแล้ว

ไร้เดียงสาเกินทน!

สตรีศักดิ์สิทธิ์ยกมือขึ้นมาหมายจะจับกลุ่มผมของอวี๋หวั่น

ทว่ายังไม่ทันได้แตะต้องผมของอวี๋หวั่นแม้แต่เส้นเดียว เธอก็ลุกเข้ามาทันใด ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา “ท่านพี่…ทำไมท่านไม่พูดละเจ้าคะ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วหรือ?”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ตะลึงงัน

ทว่าไม่ใช่เพราะคำพูดของอวี๋หวั่น หากแต่เป็นเพราะใบหน้าของเธอ

ดะ…เด็กคนนี้เปลี่ยนกลับมาเป็นใบหน้าของตนเองได้อย่างไรกัน?

วิชาแปลงกายซึ่งสืบทอดกันต่อมาในสกุลหลานนั้น อย่างน้อยต้องใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือนกว่าจะหลุดออก

เกิดอะไรขึ้น ผิดพลาดตรงไหนกัน?!

อวี๋หวั่นมองนางด้วยความสับสน ทว่าในใจกลับกระหยิ่มยิ้มย่อง แน่นอนว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากวิชาแปลงกายของสกุลหลาน หากแต่เป็นเพราะเธอสวมหน้ากากหนังมนุษย์ทับอีกครั้งหนึ่ง วิชาแปลงกายของสกุลหลานสร้างความเสียหายกับผิวหนัง เพราะฉะนั้นหลังจากที่หน้ากากหลุดออกไป ผิวหนังก็จะบางและอ่อนแอลง ทำให้ไม่สามารถใช้วิชาแปลงกายได้ชั่วคราว กระนั้นถ้าหากใช้ใบหน้าปลอมติดทับลงไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อย่างไรเสียก็เป็นเพียงของปลอม ติดเพิ่มไปอีกย่อมไม่ใช่ปัญหา!

แน่นอนว่าการติดใบหน้าปลอมให้แนบเนียนย่อมต้องพึ่งพาทักษะขั้นสูงสักหน่อย

ผิวหนังของใบหน้าที่สองก็ใช้วิชาแปลงกายของสกุลหลานเช่นกัน เพียงแต่ตราบใดที่หน้ากากนั้นไม่หลุด ใบหน้านี้ก็จะไม่หลุด ถ้าหลุดขึ้นมาจริงก็ไม่เป็นไร ของเธอหลุด ของสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องหลุดเช่นกัน อีกทั้งใบหน้าของเธอเป็นใบหน้าจริง ใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ก็จะถูกเปิดเผย

เธอนี่ฉลาดจริงๆ! อวี๋หวั่นยืดอกด้วยความภาคภูมิใจ แล้วจึงค้อมกายเข้าไปใกล้ใบหูของสตรีศักดิ์สิทธิ์ซึ่งในตอนนี้กำลังยืนนิ่งด้วยความตกใจ จากนั้นก็กระซิบว่า “เป็นอะไรหรือท่านพี่ ท่านยังเดาไม่ออกหรือว่าเกิดอะไรขึ้น?”

สตรีศักดิ์สิทธิ์ยกมือขึ้นลูบคางของตนตามสัญชาตญาณ เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว หากยังเดาไม่ออกก็คงเป็นไปไม่ได้

แม้จะขบคิดไม่รู้กี่ครั้ง ก็ยังนึกไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะใช้วิธีเจ้าเล่ห์เช่นนี้!

ดูใบหน้าของนางสิ ถ้าหากบอกว่าไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ ของตน เห็นทีคงจะไม่มีใครเชื่อ!

อวี๋หวั่นยิ้ม แล้วกล่าวว่า “เดิมทีข้าเองก็ไม่ได้นึกอยากพบหน้าท่านเร็วถึงเพียงนี้ แต่เป็นเพราะท่าน นั่งอยู่ในรถ

ม้าดีๆ ไม่ชอบหรือ จึงต้องออกมาข้างนอก?”

นี่เป็นความจริง เธอไม่ใช่เทพเซียน ไหนเลยจะรู้ว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์จะปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้? เธอเพิ่งจะไปติดหน้ากากหนังมนุษย์ที่เรือนของท่านยายรอง และคิดว่าจะหาอะไรกินสักหน่อยแล้วค่อยกลับสกุลซือคง

แต่กลับมาพบนางเสียก่อน

เพราะฉะนั้น ผู้ที่แกว่งเท้าหาเสี้ยนไม่ใช่อวี๋หวั่น หากแต่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เอง

อีกด้านหนึ่ง ซือคงเย่เดินเข้ามาหาหลานสาวของตน ในมือของเขาถือถังหูลู่ลูกอวบวาววับไม้หนึ่ง

อวี๋หวั่นเห็นว่าเขาเดินลงมาจากรถม้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ท่าทางของเขาสง่างามดังเทพเซียนผมสีดอกเลา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคือปรมาจารย์สกุลซือคงผู้ไร้เทียมทาน

อวี๋หวั่นใช้มือปาดน้ำตาซึ่งแห้งเหือดไปนานแล้ว จากนั้นก็ซุกใบหน้าเข้ากับอ้อมอกของสตรีศักดิ์สิทธิ์ “ท่านพี่!!”

ซือคงเย่ได้ยินเสียงของอวี๋หวั่น ซือคงเย่เห็นใบหน้าของอวี๋หวั่นแล้ว

สตรีศักดิ์สิทธิ์อ้าปากพะงาบ “ปรมาจารย์ ท่านฟังข้า…”

ยังไม่ทันได้อธิบายจบ อวี๋หวั่นก็พุ่งเข้าไปหาซือคงเย่ “ท่านตาทวดดดด”

ซือคงเย่ร่างแข็งทื่อราวกับหิน “…!! ”

อวี๋หวั่นแสร้งทำเป็นปาดน้ำมูกและน้ำตา (ซึ่งไม่มีอยู่ตั้งแต่แรก) พลางพร่ำพรรณนาเรื่องราวของตน “ท่านยายทวดไม่อยู่แล้ว พวกเขาไม่อยู่แล้ว…ข้ากับท่านพี่มาตามหาท่าน แต่กลับพรากจากกัน…ท่านพี่ต้องคิดว่าข้าตายไปแล้วเป็นแน่…ข้าตามหาพวกท่านแทบแย่…”

เดิมทีคิดว่าน้องสาวตายไปแล้ว มิน่าเล่าที่บ้านจึงไม่มีคนอยู่

ซือคงเย่มองไปยังใบหน้าที่เหมือนกันราวกับฝาแฝด ยิ่งไปกว่านั้นอวี๋หวั่นยังหยิบจดหมายของหลานอีออกมา จดหมายรักที่สตรีศักดิ์สิทธิ์นามว่าหลานอียังไม่ทันได้มอบให้ซือคงเย่

นี่เป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากกว่าภาพวาดเสียอีก

ซือคงเย่มองไปยังลายมืออันคุ้นเคย จดหมายเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึก จนเขาทนไม่ไหว ร่างสูงใหญ่งามสง่าค้อมลง ศีรษะก้มต่ำ เขาสูดหายใจเข้าลึก แล้วร่ำไห้ออกมา…

……

เมื่อมีทั้งใบหน้าและหลักฐานมายืนยัน ซือคงเย่ย่อมเชื่อว่านี่คือเหลนคนที่สองของตน!

เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกริษยาลูกหลานครอบครัวอื่นแล้ว เหลนของเขาอ้วนจ้ำม่ำดีเหลือเกิน!

อวี๋หวั่นสาธยายความลำบากของตนเองต่อ “…ข้าลำบากมามากจริงๆ…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]