ในที่สุดอวี๋หวั่นก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องของสตรีศักดิ์สิทธิ์สมใจ
สตรีศักดิ์สิทธิ์กระวนกระวาย นางตามใจเด็กคนนี้มาหนึ่งวันเต็มๆ จนรู้สึกคลื่นเหียน ทรมานไปทั้งตัว ตอนนี้จึงคิดเพียงแต่จะหนีให้ไกลจากเด็กคนนี้มากที่สุด!
อวี๋หวั่นคล้ายกับจะไม่สังเกตเห็นท่าทีรังเกียจของนาง เธอยังคงจัดแจงสัมภาระของตนเอง “ที่นี่มีตู้สองตู้พอดีเลย ตู้ทางซ้ายของท่านพี่ ตู้ทางขวาของข้า ท่านพี่คงไม่คัดค้านกระมัง? ถ้าหากท่านพี่ไม่เห็นด้วย ข้าจะบอกให้ท่านตาทวดหาตู้มาให้ใหม่”
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองอวี๋หวั่นด้วยสายตารังเกียจ นางหรี่ตาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “สรุปแล้วเจ้ากำลังเล่นอะไรอยู่”
“ไอ้หยา ดูท่านพี่พูดเข้าสิเจ้าคะ ท่านพี่ไม่ได้คิดถึงข้าหรอกหรือ? ท่านคิดว่าข้ามาหาท่านเพื่อแก้เบื่อหรืออย่างไรเจ้าคะ?”
“ปรมาจารย์ไปฝึกวรยุทธ์แล้ว ไม่มีคนอื่นอยู่ที่นี่ เจ้าเลิกเสแสร้งสักที!”
อวี๋หวั่นยักไหล่
สตรีศักดิ์สิทธิ์เห็นท่าทางเมินเฉยของอวี๋หวั่น ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ นางเดินเข้าไปถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงย้ายเข้ามาอยู่ในห้องของข้า”
มือของอวี๋หวั่นซึ่งกำลังยื่นเข้าไปวางเสื้อผ้าในตู้ก็ชะงักไป เธอหันไปมองสตรีศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม “ข้าจำต้องแย้งเจ้าสักหน่อย ห้องนี้เป็นของข้า ข้าเป็นเหลนแท้ๆ ของท่านทวด ตัวเจ้าแท้จริงแล้วมาจากไหนเจ้าย่อมรู้แก่ใจดี เพราะฉะนั้นอย่าว่าแต่ห้องนี้เลย วิหารเจาหยางทั้งหมดล้วนแต่เป็นของข้า”
“เจ้า…” สตรีศักดิ์สิทธิ์โมโหจนหน้าแดงก่ำ เมื่อนึกถึงบางเรื่องออก ก็พูดแดกดันว่า “เช่นนั้นเจ้ายังฉกชิงสถานะของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ทั้งยังปลอมเป็นข้า แต่งงานเข้ามาในสกุลซือคง เจ้าจะว่าอย่างไร เจ้าถามว่าข้าเป็นใคร แล้วเจ้าละเป็นใครกัน?”
อวี๋หวั่นไม่มีทางถูกนางชักจูงได้ง่ายๆ “อ่า ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าก็คงลืมไปแล้ว ข้าก็เป็นคุณหนูสกุลซือคงเหมือนกัน หากข้าไม่เห็นด้วยกับการหมั้นหมายของเจ้ากับคุณชายรอง ไม่รู้ว่าสกุลซือคงจะตัดสินใจยอมรับเจ้าหรือไม่?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์หน้าถอดสี “เจ้ากล้ารึ?!”
อวี๋หวั่นตอบด้วยความลำพองว่า “ข้ากล้าหรือไม่นั้นไม่สำคัญ ขอเพียงท่านทวดสนับสนุนข้าก็พอแล้ว ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด เจ้าย่อมต้องไปฟ้องท่านทวด บอกว่าข้ารังแกเจ้ากระมัง? เจ้าคิดจะให้ข้าตายด้วยน้ำมือท่านตาทวดอย่างนั้นสิ? น่าเสียดาย ที่ในตอนนี้ข้าไม่ใช่สตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว…ไอ้หยา อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องไล่เจ้าออกไปจากสกุลซือคงก็ได้นี่นา”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ อวี๋หวั่นก็หยุดไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วพูดว่า “รอให้หน้ากากหนังมนุษย์ของเจ้าหลุดไปก่อน ชีวิตของเจ้า ก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของท่านตาทวดข้า”
สตรีศักดิ์สิทธิ์โมโหจนตัวสั่น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล นางเด็กตัวเหม็นคนนี้พูดไว้ไม่ผิด เมื่อใดที่หน้ากากหนังมนุษย์เสื่อมสภาพ นางก็จะถูกเปิดเผยตัวตน และเมื่อถึงตอนนั้น ปรมาจารย์ซือคงต้องไม่ปล่อยตนเอาไว้แน่
ดังนั้นนางจึงต้องจัดการนางเด็กนี่เสียก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น!
“อยากกำจัดข้าสินะ?” อวี๋หวั่นเอ่ยถามราวกับอ่านใจของนางได้ “เพื่อที่จะทำให้ท่านทวดสัมผัสถึงสถานะสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าไม่ได้ เจ้าจึงต้องกดวรยุทธ์ของวิหารสตรีศักดิ์สิทธิ์ไว้ใช่ไหมเล่า? เมื่อไร้วรยุทธ์แล้ว เจ้ากับข้าก็ไม่ได้เหมือนกันหรอกหรือ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดข่มขู่ว่า “เหมือนกันแล้วอย่างไร ข้าสังหารเจ้าได้ก็แล้วกัน!”
“อย่างนั้นหรือ?” อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว
แน่นอนว่า ลำพังวรยุทธ์อันอ่อนด้อยดังแมวสามขาของเด็กคนนี้ ต่อให้นางไม่มีพลังภายในแล้วอย่างไร ลำพังเพลงยุทธ์ของนางก็สามารถสังหารเด็กนั่นได้อย่างง่ายดาย
สตรีศักดิ์สิทธิ์คิดได้เช่นนี้ จึงตัดสินใจทำตามแผนนี้
นางลอบหยิบยาสลบซึ่งเตรียมไว้ล่วงหน้า จากนั้นเทลงในถังน้ำของอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นสูดดมยาสลบเข้าไป และผล็อยหลับทันที่ที่กลับถึงเตียง
สตรีศักดิ์สิทธิ์เห็นเธอนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ก็ยกยิ้มมุมปาก “เจ้าเด็กสมองหมู กล้าต่อกรกับข้ารึ?”
นางหยิบมีดสั้นเล่มงามออกมาจากตู้เสื้อผ้า นี่เป็นมีดสั้นของซือคงอวิ๋น ประเดี๋ยวนางสังหารเด็กนี้ แล้วค่อยโยนความผิดให้ซือคงอวิ๋นซึ่งปลอมตัวเป็นเยี่ยนจิ่วเฉา ถ้าหากปรมาจารย์ถามนาง นางก็จะบอกว่า ซือคงอวิ๋นปลอมตัวเป็นลูกศิษย์เข้ามา
หากปรมาจารย์ถามถึงแรงจูงใจในการลงมือของซือคงอวิ๋นอีก คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้วมิใช่หรือ?
‘นาง’ เคยถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์จับไปยังเรือนของซือคงอวิ๋น ซือคงอวิ๋นถูกตาต้องใจ ‘นาง’ เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับในสกุล
ซือคงแต่อย่างใด สุ่มจับบ่าวของซือคงอวิ๋นมาให้ปรมาจารย์ไต่สวนก็รู้แล้ว
นางสามารถบอกกับปรมาจารย์ได้ว่า ซือคงอวิ๋นคิดจะลักพาตัวนาง นางยอมตายดีกว่าจะไปกับเขา ทั้งยังประกาศกร้าวว่าจะเปิดโปงเขา ด้วยความตื่นกลัว ซือคงอวิ๋นจึงคิดจะฆ่าปิดปากนางเสีย ทว่าสุดท้ายน้องสาวกลับเข้ามารับมีดนี้แทน
หลังจากนั้นซือคงอวิ๋นก็หนีไป
เพื่อที่จะล้างแค้นให้เหลนผู้เป็นที่รัก ปรมาจารย์ย่อมต้องกลับไปยังสกุลซือคงเพื่อสังหารซือคงอวิ๋น!
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่เคยรังแกนางไว้ก็จะถูกสังหารสิ้น!
เป็นแผนการที่แยบยลไร้ที่ติเหลือเกิน!
สตรีศักดิ์สิทธิ์คิดแผนนี้ขึ้นมา กำมีดในมือพลางเดินตรงไปหาอวี๋หวั่น
ทันทีที่นางจะปักมีดลงไปนั้นเอง ความเจ็บปวดก็แล่นปราดในท้องของนาง ความปวดร้าวอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกประหนึ่งเครื่องในกำลังบิดวน
นางกดท้องเอาไว้ พร้อมกับงอตัวลง
โครกคราก~
เสียงท้องร้อง…
นะ…นางกินมากเกินไป…จนท้องเสีย…
ผ่านไปครึ่งเค่อ นางจึงกลับไปยังเตียงนอน
ทว่ายังไม่ทันได้ยกมีดขึ้น นางความเจ็บปวดก็แล่นปราดกลับเข้ามายิ่งกว่าเดิม สีหน้าของนางเบี้ยวบูด ยกมือกุมท้องวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันใด
นางวิ่งไปวิ่งมาเจ็ดแปดรอบ จนไร้เรี่ยวแรงจะคลานกลับห้อง นางคลานข้ามธรณีประตูไปอย่างยากลำบาก ใช้มือดันกำแพงและเครื่องเรือนเพื่อพยุงตนเองขึ้น แล้วเดินไปยังเตียงของอวี๋หวั่นทีละก้าวๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]