ตกดึกลมพัดแรง สตรีศักดิ์สิทธิ์ลอบออกมาจากสกุลซือคง มายังคฤหาสน์หรูทางทิศใต้ของเมือง
ในคฤหาสน์ ซือคงอวิ๋นกำลังดื่มสุราคลึงเคล้าอยู่กับสาวใช้ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ทันใดนั้นประตูก็ถูกถีบจนเหวี่ยงเปิด
ออก ทั้งสองสะดุ้งโหยงรีบจัดแจงเสื้อผ้าในทันใด
สาวใช้คนนี้นั่งอยู่ในอ้อมอกของซือคงอวิ๋น ทันที่เห็นสีหน้าเย็นเยียบของสตรีศักดิ์สิทธิ์ นางยังจำไม่ได้ว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ คิดเสียอีกว่าเป็นสาวใช้คนใหม่ จึงแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่เห็นหรือว่าคุณชายกำลังยุ่งอยู่? พรวดพราดเข้ามาเช่นนี้ เคาะประตูไม่เป็นอ๊าา…อรั่กก”
คำอุทานกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนครั้งสุดท้ายของนาง
สตรีศักดิ์สิทธิ์ดึงมีดที่ปักอกของนางออกมา เลือดบนคมมีดหยดลงมาบนพื้น กว่าซือคงอวิ๋นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองจนยกมือขึ้นผลักสตรีศักดิ์สิทธิ์ออกไป รอยเลือดก็หยดอยู่เต็มหน้าสาวใช้ที่ปราศจากลมหายใจเสียแล้ว
ซือคงอวิ๋นมองไปยังภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เขาตื่นกลัวเสียจนใบหน้าซีดเผือด “เจ้า…หลานจีเจ้าบ้าไปแล้ว!”
มีดเล่มนี้เป็นมีดชั้นดี ไม่นานเลือดก็ไหลออกจากปลายมีดจนหมด สตรีศักดิ์สิทธิ์จึงเก็บมีดกลับเข้าฝัก นางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “คนที่บ้าไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้าต่างหาก นี่มันกี่โมงกี่ยามกัน เจ้ายังมีกะจิตกะใจจะมาสำมะเลเทเมาเช่นนี้อยู่อีกหรือ?”
ซือคงอวิ๋นกระแอม “ก็…ก็แค่ดื่มไปสองจอกเอง”
สตรีศักดิ์สิทธิ์กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้าไม่กังวลเรื่องที่มีคนสวมรอยเป็นตัวเจ้าเลยหรือ?”
ซือคงอวิ๋นแค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วพูดว่า “มีอะไรให้กังวล? เจ้าไม่ได้บอกเองหรือว่า วิชาปลอมตัวของสกุลหลานจะสลายไปในสิบวันถึงครึ่งเดือน! และจะไม่สามารถใช้วิชาได้อีกในช่วงเวลาอันสั้น! ก็หมายความว่าหลังจากผ่านช่วงนี้ไป ใครจริงใครปลอมจะได้รู้กัน!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางเห็นดีเห็นงามกับซือคงอวิ๋น สิ่งที่สำคัญก็คือซือคงอวิ๋นกับเยี่ยนจิ่วเฉาไม่มีความแค้นต่อกัน ต่อให้ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาจัดการ ก็ไม่นับว่าเป็นความแค้นที่ถึงเป็นถึงตาย ทว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์กลับต่างออกไป ความบริสุทธิ์ของนางไม่เพียงถูกทำลายด้วยน้ำมือของเศษสวะอย่างซือคงอวิ๋น แม้แต่คุณค่าและความมั่นใจในตัวเองของนางก็ถูกเหยียบย่ำจนไม่มีชิ้นดี เมื่อก่อนนางมีความหยิ่งผยองมากเพียงใด ทุกวันนี้กลับล้วนมีแต่เรื่องที่ไม่ปรารถนา
แล้วยังมีอวี๋หวั่นซึ่งกำลังตั้งท้องราชาศักดิ์สิทธิ์ นั่นเป็นภัยต่อสถานะของนางในหมิงตู เพราะฉะนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกำจัดอวี๋หวั่นทิ้ง!
สตรีศักดิ์สิทธิ์วางมีดสั้นของซือคงอวิ๋นไว้บนโต๊ะ
ซือคงอวิ๋นเหลือบมองมีดของตน อาวุธเช่นนี้เขามีมากแล้ว จึงมิได้ใส่ใจที่สตรีศักดิ์สิทธิ์จะเอาไปสักเล่ม
สตรีศักดิ์สิทธิ์นั่งลงบนเก้าอี้ข้างซือคงอวิ๋น เมื่อเห็นว่าใบหน้าของซือคงอวิ๋นบูดบึ้ง จึงเอื้อมมือไปรินสุราให้เขา “เจ้าไม่ได้มียอดฝีมือที่ท่านตาของเจ้าทิ้งไว้ให้หรอกหรือ?”
เมื่อซือคงอวิ๋นเห็นว่านางรินสุราให้ตน ใบหน้าก็แลดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย อันที่จริงสาวใช้ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ไหนเลยจะสำคัญเท่าภรรยาที่เพิ่งแต่งงานของเขาได้? ตายก็ตายไปแล้ว ทว่าที่ตนเองโมโหก็เพราะนางโหดเหี้ยมเกินไป มิได้ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย
ซือคงอวิ๋นดื่มสุราเข้าไปหนึ่งคำ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “จะว่ามีก็มี เจ้าจะทำอะไร”
“ขอข้ายืมใช้สักหน่อย” สตรีศักดิ์สิทธิ์ตอบ
“ไม่ได้” ซือคงอวิ๋นตอบโดยมิได้หยุดคิด
“ทำไมเล่า?” สตรีศักดิ์สิทธิ์ถาม
ซือคงอวิ๋นแค่นเสียงขึ้นจมูก “นั่นเป็นยอดฝีมือที่ท่านตาให้ใช้สำหรับป้องกันตัว แม้แต่ท่านพ่อข้าเองก็ยังไม่รู้ ถ้าหากท่านพ่อข้ารู้ว่าข้าซ่อนยอดฝีมือที่เก่งกาจเช่นนี้เอาไว้ เขาจะต้องเคลือบแคลงสงสัยว่าข้ามีแผนร้ายอย่างแน่นอน สงสัยข้าไม่เท่าไหร่ แต่สงสัยท่านตาข้านับว่าเป็นเรื่องใหญ่ ท่านตามอบยอดฝีมือระดับสูงเช่นนี้ให้ข้า เขามีจุดประสงค์อะไร เจ้าคิดว่าท่านพ่อข้าจะมองแง่บวกหรือ? แล้วท่านพ่อข้าจะกล้าส่งมอบตำแหน่งประมุขของสกุลให้ข้าหรือ?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดด้วยสีหน้าไม่รีบร้อนว่า “เช่นนั้นเจ้าไม่กลัวหรือว่าวันใดที่เจ้าไม่อยู่ ตำแหน่งประมุขของสกุลจะตกเป็นของพี่ชายเจ้า?”
ซือคงอวิ๋นแค่นเสียง ‘ชิ’ พลางกระดกสุราจนหมดจอก “จะเป็นไปได้อย่างไร? ท่านพ่อรักข้าที่สุด!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ตอบเขาว่า “ถ้าหากเจ้าไม่ต้องการ ก็จะยอมสละตำแหน่งแต่โดยดีหรือ?”
“ข้าจะไม่ต้องการได้อย่างไร…” ซือคงอวิ๋นพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว ก็ตระหนักได้ถึงความหมายโดยนัย เขาถลึงตาแล้วพูดว่า “เจ้าหมายความว่า…เยี่ยนจิ่วเฉาปลอมตัวเป็นข้า เพราะจงใจจะให้ข้ามอบตำแหน่งให้พี่ใหญ่?”
สตรีศักดิ์สิทธิ์ตอบอย่างสบายอารมณ์ว่า “ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเขาจะเข้ามาในสกุลซือคงทำไมเล่า? เขาปลอมเป็นเจ้า ความผิดของเขาไม่อาจให้อภัยได้ ถ้าหากให้เจ้าขึ้นเป็นประมุขสกุลซือคง แล้วเจ้าแว้งมากัดเขาจะทำอย่างไร? ถ้าหากให้พี่ใหญ่เจ้าเป็นประมุขสกุลซือคงย่อมไม่เหมือนกัน พี่ใหญ่เจ้าย่อมต้องปกป้องเขาด้วยความสามารถทั้งหมดที่สกุลซือคงมี”
ซือคงอวิ๋นโทสะพลุ่งพล่านจนลุกขึ้นพรวด “ไร้ยางอายเกินไปแล้ว!”
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามแผนการของสตรีศักดิ์สิทธิ์ เพื่อไม่ให้เยี่ยนจิ่วเฉาสอดมือเข้ามายุ่งกับเรื่องภายในสกุลซือ คง ทว่าได้นำมาใช้หลอกลวงซือคงอวิ๋นก็นับว่าเพียงพอแล้ว
สตรีศักดิ์สิทธิ์พูดโน้มน้าวว่า “เจ้ากับข้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว คนหนึ่งร่วงก็ร่วงด้วยกัน คนหนึ่งรุ่งก็รุ่งด้วย สิ่งเจ้ากังวล ข้าก็ตระหนักดี เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ได้คิดจะให้ยอดฝีมือไปยังสกุลซือคง ข้าจะหลอกล่อพวกเขาออกมา”
ซือคงอวิ๋นยังคงลังเล
สตรีศักดิ์สิทธิ์มองเขา “เจ้ายังลังเลอันใดอีก? ถ้าไม่ใช้โอกาสที่มีรีบสังหารเยี่ยนจิ่วเฉาเสีย จะรอให้เขาส่งมอบตำแหน่งประมุขสกุลซือคงให้พี่ใหญ่เจ้าก่อนหรือ?”
ซือคงอวิ๋นขมวดคิ้ว “เจ้าเยี่ยนจิ่วเฉานั่นท่าทางร้ายกาจไม่เบา…ถ้าหากฆ่าได้ก็สิ้นเรื่อง แต่ถ้าหาก…ฆ่าไม่ตาย แล้วเขาไปฟ้องท่านพ่อข้าจะทำอย่างไร”
สตรีศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเย็นชา “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวลใจ หลายวันมานี้เขาอ่อนแอเสียจนสู้ไม่ได้แม้แต่เด็ก นับเป็นโอกาสดีที่จะได้ปลิดชีพเขา!”
……
ณ คฤหาสน์แห่งหนึ่งทางทิศตะวันออกของเมือง เด็กทั้งสามถือขวดนม ผลัดกันป้อนนมให้น้องชายตัวน้อยซึ่งอยู่ในห่อผ้า อาเว่ยกำลังต้มนมอยู่ด้านข้าง ชิงเหยียนและเยว่โกวกำลังประลองยุทธ์อยู่ในลานบ้าน ชุยเฒ่าไปฝังเข็มให้นางหลานที่ห้อง ส่วนอาม่านั้น เขากำลังคร่ำเคร่งอ่านตำราโบราณที่อิ่งสือซันหอบมาจากจวนซือคง
เขาค้นพบความลับอันน่ามหัศจรรย์ข้อหนึ่ง นั่นก็คือสกุลซือคงสืบเชื้อสายมาจากเผ่าพ่อมด
เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลมาอธิบายแล้วว่าเพราะเหตุใดสตรีศักดิ์สิทธิ์และสกุลซือคงจึงไม่อาจให้กำเนิดทายาทได้
ตำนานว่ากันว่าทั้งสองเผ่าถูกสาปให้สายเลือดไม่สามารถหลอมรวมกันเป็นหนึ่งได้ แต่ดูเหมือนว่าคำสาปนี้ได้ถูกทำลายไปแล้ว
สิ่งที่อาม่าสนใจกลับไม่ใช่เรื่องนี้ หากแต่เป็นการสืบทอดของเผ่าพ่อมด จากบันทึกในตำรา เผ่าพ่อมดไม่ได้สืบทอดทายาทด้วยสายเลือด หากปรารถนาจะเป็นพ่อมด ก็จำต้องฝึกวิชายุทธ์ของเผ่าพ่อมดและวิชาไสยเวท ทว่าวิชาเหล่านี้ได้สูญหายไปนานแล้ว
“อาม่าก็ใช้วิชาไสยเวทได้ไม่ใช่หรือ?” อิ่งสือซันถาม
อาม่าส่ายหน้า “นั่นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เทียบไม่ได้แม้แต่กับผู้เริ่มฝึกวิชา ความรู้วิชาไสยเวทของเผ่าพ่อมดนั้นลึกล้ำจนแม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจประเมินได้”
“เช่นนั้น…วิชายุทธ์เล่า?” อิ่งซือซันถาม
อาม่าตอบว่า “วิชาที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของสกุลซือคงนั้นมีไม่น้อย แต่วิชาใดเป็นต้นกำเนิด ตอนนี้ข้ายังไม่กระจ่าง การสืบทอดในเผ่าพ่อมด ส่วนมากต้องพึ่งพาโชคชะตาทั้งสิ้น”
อิ่งสือซันกล่าวว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปหยิบตำรามาอีก”
อาม่ากำลังจะพยักหน้า ทันใดนั้นเองก็มีจิตสังหารรุนแรงแผ่ซ่านมาทั่วทุกสารทิศ!
นัยน์ตาของอาม่ากระตุกวูบหนึ่ง!
อิ่งสือซันดันเขาออกไป!
สวบ! สวบ! สวบ!
ศรธนูพุ่งทะลุหน้าต่างเข้ามา ตรงดิ่งไปยังบริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่ก่อนจะหลบ ศรธนูปักไปยังแผนที่บนผนัง หัวศรโผล่ออกมาจากผนัง ทำให้รู้ว่าแรงของศรธนูเหล่านี้รวดเร็วและรุนแรงเพียงใด ถ้าหากพวกเขาหลบไม่ทัน เกรงว่าคงจะถูกลูกศรปักจนพรุนไปแล้ว!
ในลานบ้านและในห้องของเด็กๆ ก็เกิดสถานการณ์แบบเดียวกัน
อาเว่ยพุ่งเข้ามาถีบศรเหล่านี้ออกไป
พลังมหาศาลราวขุนเขาขนาดมหึมา กำลังกดทับไปบนทุกคนตรงนั้น พื้นดินถูกกดจนแตกออก สองขาของพวกเขาจมลงไปในรอยแยก
เงาสายหนึ่งตรงมาทางอาเว่ยและเด็กๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]