เสี่ยวเป่าชะงักไป กะพริบตาปริบๆ “เอ๋? น้องชายละ?”
เขาวิ่งเตาะแตะเข้าไป แล้วถามขอทานหนุ่มซึ่งกำลังตื่นกลัว “พี่ชาย ท่านเห็นน้องชายตัวเล็กไหมขอรับ?”
ขอทานหนุ่มกลัวเจ้าเปี๊ยกนั่นแทบแย่ เมื่อเห็นเด็กอีกคนหนึ่งซึ่งอายุใกล้เคียงกันอีกคนหนึ่ง เขาก็ตกใจตนแทบกระโดด แม้แต่สิ่งที่เสี่ยวเป่าถามเขาก็ยังไม่ทันฟัง เขาร้องลั่น วิ่งหัวหกก้นขวิดหนีไป!
“หืม?” เสี่ยวเป่าเกาศีรษะ เขามองไปยังทิศทางของรถม้าด้วยสีหน้างุนงง เขายังคงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ๆ น้องชายก็หายตัวไป? ทำไมอยู่ๆ พี่ชายคนนั้นก็วิ่งหนีไป?
อวี๋หวั่นลงจากรถม้า แล้วเดินมาหาเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่ายักไหล่ “น้องชายไปแล้ว!”
“อื้ม แม่เห็นแล้ว” อวี๋หวั่นพยักหน้า พลางลูบศีรษะของเสี่ยวเป่า แล้วมองไปยังทิศทางที่หลัวช่าน้อยวิ่งหนีไป ยามสนธยาฟ้าเริ่มมืดและย่างเข้ายามราตรี ยากที่จะบอกว่ามันอยู่ที่ไหน
อวี๋หวั่นจูงมือเสี่ยวเป่าขึ้นรถม้าไป
เสี่ยวเป่าเดินไปชะเง้อมองไป แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของน้องชาย
เรื่องของปีศาจตัวหนึ่งกัดขอทานหนุ่มและสูบเลือดจนหมดตัวนั้นแพร่สะพัดไปทั่วหมิงตู และไม่อาจรอดพ้นหูตาของสกุลซางไปได้ ขอเพียงเกิดเรื่องขึ้นในหมู่ชาวบ้าน สกุลซางก็จะรู้ทันที หลัวช่าน้อยปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็จากไปอย่างรวดเร็ว ครั้นคนของสกุลซางรุดไปยังจุดเกิดเหตุ ก็ไม่พบแม้แต่เงาของหลัวช่าน้อยแล้ว ทว่าซากศพแห้งนั้นยังคงอยู่ พวกเขาจึงเก็บศพกลับไปให้ประมุขซาง
ประมุงซางตรวจสอบดูศพในลานบ้าน เขาขมวดคิ้วแน่น “เกิดขึ้นในเมืองรึ?”
“ขอรับ” องครักษ์ซึ่งแต่งกายเป็นพ่อค้าคนหนึ่งตอบ “ที่หน้าร้านน้ำชาบนถนนไป๋สุ่ยขอรับ”
“ถนนไป๋สุ่ย?” หว่างคิ้วของประมุขซางย่นเข้าหากัน เขานั่งยอง แล้วตรวจซากศพโดยละเอียด ตั้งแต่ปากแผลไปจนถึงสาเหตุการตายของศพ คล้ายกับว่าจะมีร่องรอยของหลัวช่าโลหิต ทว่าหลัวช่าโลหิตกำลังอยู่ระหว่างการบรรลุระดับพลัง ไม่มีทางออกไปจากสกุลซาง
“ฆาตกรเป็นใคร” ประมุขซางถาม
องครักษ์ซึ่งแต่งตัวเป็นพ่อค้าตอบว่า “ข้าน้อยถามชาวบ้านแถวนั้น ทุกคนล้วนแต่บอกว่าเป็นเด็กคนหนึ่งขอรับ อายุประมาณสามขวบ ตัวผอมโซ สวมเสื้อผ้าหลวมโพรกไม่พอดีตัว แต่เป็นเนื้อผ้าชั้นดีขอรับ”
คำพูดด้านหลังนั้นไร้ประโยชน์ ประเด็นสำคัญนั้นอยู่ด้านหน้า
ประมุขซางขมวดคิ้วแน่น “เจ้าว่าอย่างไรนะ? เป็นเด็กคนหนึ่ง?”
“ขอรับ!” องครักษ์ตอบ
“เหตุใดจึงเป็นเด็กไปได้?” ประมุขซางพึมพำด้วยความสงสัย เรื่องนี้แปลกประหลาดเสียยิ่งกว่าปรมาจารย์ซางลอบออกไปจากเขตหวงห้ามเสียอีก เมื่อบอกว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กคนหนึ่ง เช่นนั้นย่อมต้องเป็นหลัวช่าหรือ?
ประมุขซางยังคงไม่กระจ่าง “น่าแปลก ตำราลับเกี่ยวกับหลัวช่าอยู่ที่สกุลซาง มีเพียงสกุลซางเท่านั้นที่สามารถสร้างหลัวช่าขึ้นมาได้ เจ้าเด็กนั่นมาจากที่ใดกัน”
“หรือว่า…สกุลซือคงก็มีหลัวช่าโลหิตขอรับ?” องครักษ์เอ่ยถาม
ประมุขซางตอบปฏิเสธในทันใด “เป็นไปไม่ได้ ตำราลับมีเพียงเล่มเดียว ตอนนี้อยู่ในมือของสกุลซาง ประมุขซือคงไม่มีทางสร้างหลัวช่าโลหิตขึ้นมาได้! หรือต่อให้สร้างขึ้นมา สกุลซือคงก็ไม่มีทางใช้เด็กเล็กเช่นนี้…”
“แต่พวกเรา…ไม่ได้สร้างหลัวช่าโลหิตตัวที่สองขึ้นมานี่ขอรับ…” องครักษ์ซึ่งแต่งกายเป็นพ่อค้าคนนี้นับว่าเป็นคนสนิทของประมุขซาง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้รับหน้าที่ที่สำคัญเช่นนี้ เขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหลัวช่าโลหิต แต่เขาก็ไม่ยักรู้ว่าสกุลซางมีหลัวช่าโลหิตเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อใด
หากจะเอ่ยถึงเรื่องทดลอง พวกเขาก็มิใช่ว่าไม่เคยทดลอง แต่…หลัวช่าโลหิตหวงเขตแดนของตนเองมาก ไม่ยินยอมให้หลัวช่าตัวอื่นย่างกรายเข้ามาเป็นอันขาด สกุลซางเคยแอบสร้างหลัวช่าโลหิตขึ้นมาอีก กระนั้นก็ล้วนแต่ถูกปรมาจารย์ซางสังหารสิ้น
ประมุขซางมองไปยังทิศทางของเขตหวงห้าม แล้วหรี่ตาลง “ข้าว่าที่หลายวันมานี้คลุ้มคลั่งถึงเพียงนี้ จะให้ข้าปล่อยออกไปให้ได้…ที่แท้ก็เป็นเพราะหลัวช่าโลหิตที่ตนเลี้ยงไว้หายไปละสิ? เหอะ เก็บความลับได้เก่งเสียเหลือเกิน!”
องครักษ์ซึ่งแต่งกายเป็นพ่อค้ามองไปยังเขตหวงห้าม จากนั้นก็มองไปยังประมุขซาง ดวงตาของเขาเบิกโพลง “ท่านประมุข ท่านหมายความว่า…”
ประมุขซางมิได้พูดต่อ และไม่ได้ขบคิดว่าหลัวช่าโลหิตแอบเลี้ยงหลัวช่าน้อยโดยที่เขาไม่รู้ได้อย่างไร เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
เขาหัวเราะอย่างได้ใจ “โชคดีเหลือเกินที่เจ้านั่นหนีออกไป มันอยากจะออกไปตามหา อีกประเดี๋ยวก็คงบรรลุระดับพลัง…มีเรื่องใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้น สกุลซางของพวกเรารู้ข่าว สกุลซือคงย่อมต้องรู้ข่าวเช่นกัน ห้ามให้หลัวช่าน้อยไปตกอยู่ในมือของพวกเขาเป็นอันขาด มิเช่นนั้นเรื่องราวคงยุ่งยากกว่านี้แน่ เจ้ารีบพาคนออกตามหาหลัวช่าโลหิต ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ต้องจับมันกลับมาให้ได้”
“ขอรับ!”
“ช้าก่อน!”
ประมุขซางนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงสั่งว่า “ปฏิบัติการอย่างเงียบเชียบ อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น ห้ามให้สกุลซือคงรู้เรื่องนี้”
อีกไม่นานสกุลซือคงย่อมต้องเดาเรื่องของหลัวช่าน้อยได้เช่นกัน ถ้าหากพวกเขาออกตามหาอย่างเอิกเกริก ก็รังแต่จะทำให้สกุลซือคงสงสัยกว่าเดิม ท่านปรมาจารย์อยู่ระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อของการบรรลุระดับพลัง เขาไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่
องครักษ์ซึ่งสวมชุดพ่อค้ารับคำสั่ง เขาคัดเลือกองครักษ์ที่เฉลียวฉลาดและราชาซิวหลัวระดับกลางออกไปอย่างเร่งรีบ
ในเมื่อประมุขซางสร้างหลัวช่าโลหิตขึ้นมาแล้ว ย่อมมีวิธีเสาะหาหลัวช่าโลหิต เป็นไปดังคาด ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม
พวกเขาก็พบร่องรอยของหลัวช่าน้อย
หลัวช่าน้อยกำลังนั่งอยู่บนบ่อน้ำเก่า ขาเล็กห้อยลงไปในบ่อน้ำ แกว่งไปมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]