หลังจากอวี๋หวั่นให้กำเนิดเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็พักฟื้นอยู่ในห้องไม่ไปไหน เพื่อให้เธอพักผ่อนอย่างเต็มที่และเยี่ยนจิ่วเฉาถอนพิษอย่างสงบสุข
พวกเขาตัดสินใจไม่จัดพิธีทรงสามและวันครบเดือนให้ใหญ่โตนัก รอจนอายุครบหนึ่งปีค่อยเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ด้วยกัน
ตอนเย็นอวี๋หวั่นกินอาหารอิ่มแล้ว เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็กินจนอิ่มหนำ เรอเล็กๆ สองครั้งในอ้อมแขนอวี๋หวั่น
แม้จะบอกว่าการคลอดนางทำให้สายเลือดสตรีศักดิ์สิทธิ์ของตนหมดสิ้นไป แต่ผู้ใดให้เป็นสายเลือดแท้ๆ เล่า จะไม่รักได้อย่างไร?
อวี๋หวั่นโอบกอดเยี่ยนเสี่ยวซื่อด้วยอารมณ์ซับซ้อน ทอดถอนใจยาวเหยียด “เจ้าโตขึ้นต้องเป็นเด็กดีนะ รู้หรือไม่ว่าเพื่อให้กำเนิดเจ้า แม่ต้องจ่ายไปมากมายเท่าใด? เดิมทีแม่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังเหนือผู้ใด ทว่ายามนี้กลับไม่เป็นสิ่งใดแล้ว หากต่อไปเจ้าไม่เชื่อฟังแม่ แม่จะตีเจ้า!”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อ “…”
อวี๋หวั่นกอดบุตรสาวตัวน้อยพูดคุยกันไปสักพัก สองมารดาบุตรก็ง่วงนอน
เมื่อเห็นเปลือกตาสองแม่ลูกเริ่มปิดปรือเป็นจังหวะสอดประสาน ผิงเอ๋อร์ก็หัวเราะออกมาอย่างอดกลั้น
นางค่อยๆ เดินเข้าไปเหยียดมือหาเยี่ยนเสี่ยวซื่อ “ฮูหยินน้อย ท่านเหนื่อยแล้ว พักผ่อนก่อนเถิด ข้าจะอุ้มคุณหนูเล็กไปก่อน แล้วอีกเดี๋ยวค่อยอุ้มกลับมา”
เพื่อให้อวี๋หวั่นได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในตอนกลางคืน เยี่ยนเสี่ยวซื่อจะมีแม่นมคอยดูแล แต่เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ได้นอนกับแม่นม หลังจากนางกินอิ่มแล้วก็จะกลับไปที่ห้องของอวี๋หวั่นและนอนในเปลของนางเอง
“อื้ม” อวี๋หวั่นตอบอย่างสะลึมสะลือ ส่งทารกหญิงให้ผิงเอ๋อร์
เยี่ยนเสี่ยวซื่อลืมตาอย่างเกียจคร้านเหลือบมองผิงเอ๋อร์ ก่อนจะหลับลงอีกครั้ง
ผิงเอ๋อร์รู้สึกขบขัน ท่าทางคุณหนูเล็กเมื่อครู่คล้ายกับไม่วางใจคนที่จะอุ้มนางออกไป ต้องดูว่าเป็นคนรู้จักหรือไม่ เมื่อเห็นว่าเป็นนางถึงหลับลงอีกครั้งอย่างสบายใจ
ตนคงคิดมากไปกระมัง เด็กแรกเกิดจะมีความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร?
ผิงเอ๋อร์พาทารกหญิงไปหาแม่นม
แม่นมถูกลุงวั่นคัดเลือกเข้ามาด้วยตนเอง ภูมิหลังทางครอบครัวใสสะอาด ร่างกายแข็งแรง อารมณ์ดี นางอายุมากกว่าอวี๋หวั่นสองเดือน และมีบุตรีหนึ่งคนเช่นกัน มีน้ำนมมากจนดื่มไม่หมด คุณหนูเล็กดื่มนมของนางแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น ในระหว่างวันก็ยังคงดื่มนมของอวี๋หวั่น นางให้นมเด็กสองคนได้โดยไม่มีความกดดันใดๆ
ตอนแรกลุงวั่นให้นางพาบุตรมาอยู่ด้วย ความจริงก็เพราะเหตุผลด้านความปลอดภัย คุณหนูเล็กกินอย่างไร บุตรของนางก็กินอย่างนั้น เช่นนี้จึงจะไม่เกิดการคิดไม่ซื่อ
จริงๆ เวลานี้ก็ยังไม่ดึกนัก เยี่ยนเสี่ยวซื่ออยู่ในห้องแม่นมหนึ่งชั่วยาม ดื่มนมไปอีกมื้อ ก่อนจะถูกผิงเอ๋อร์อุ้มกลับไปที่ห้องของอวี๋หวั่น
ผิงเอ๋อร์ออกมาจากห้องและทำมือส่งสัญญาณให้ข้ารับใช้ในจวนเงียบลง “ฮูหยินน้อยกับคุณหนูเล็กหลับไปแล้ว พวกเราเงียบๆ หน่อย”
อยู่ที่นี่หนึ่งเดือน ผิงเอ๋อร์ได้เรียนรู้สำเนียงม้วนลิ้นของเมืองหลวง แต่เวลาพูดก็ยังอึดอัดอยู่บ้าง
ทุกคนล้วนเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา เรือนที่คึกคักก่อนหน้าเงียบลงในชั่วพริบตา เห็นๆ ว่ามีคนกำลังทำงานแต่กลับไม่ได้ยินเสียงแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกเขากำลังเล่นละครใบ้
เวลานี้มีเงาสูงใหญ่ร่างหนึ่งลอบเข้าจวนคุณชายมาอย่างเงียบๆ
คนผู้นี้วรยุทธ์สูงส่ง วิชาตัวเบายิ่งโดดเด่นหาใดเปรียบ เขาเลือกมุมที่อับคนที่สุดในจวนคุณชาย ตามหลักแล้วไม่มีทางที่องครักษ์ในจวนจะสังเกตเห็น แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือเพียงแค่เท้าสัมผัสพื้น เงาดำอีกร่างกลับเหาะลงมาตรงหน้า
จวินฉางอันสงสัย
นี่มันเรื่องอะไรกัน? มุมอับเช่นนี้ยังมีองครักษ์เฝ้ายามอีกหรือ?
เมื่อเห็นลักษณะของคนที่มาได้ชัดเจน ความสงสัยในใจกลับยิ่งมากขึ้น
อิ่งสือซัน?
อิ่งสือซันถือดาบยาวเหาะลงมาด้านหน้าจวินฉางอัน
จวินฉางอันมั่นใจมากว่าตนใช้กำลังภายในสำรวจรอบทิศก่อนจะข้ามกำแพงมา อย่างน้อยในระยะยี่สิบจั้งก็ไม่มียอดฝีมือ หรือก็หมายความว่าอิ่งสือซันพุ่งมาจากจุดที่ไกลออกไปอย่างน้อยยี่สิบจั้ง
จวินฉางอันไม่คิดว่าอิ่งสือซันบังเอิญผ่านมาแถวนี้ หรือคาดเดาสิ่งที่เขาจะทำได้ล่วงหน้า ทว่าเขาข้ามกำแพงจึงเกิดไอปราณเคลื่อนไหว ทำให้อิ่งสือซันรับรู้มุ่งหน้ามาทางนี้
แต่นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปกระมัง?
คนผู้นี้ผ่านสิ่งใดมากันแน่? เหตุใดมีวิชาตัวเบาที่น่ากลัวเช่นนี้?
ในฐานะนักดาบยอดฝีมือ วิชาดาบของจวินฉางอันเหนือกว่าอิ่งสือซันก็จริง ทว่ายามนี้จวินฉางอันกลับไม่มั่นใจเช่นนั้นเสียแล้ว
เทียบกับปีก่อน ไอปราณของอิ่งสือซันเปลี่ยนไปมาก เขาไม่อยากเชื่อว่าคนตรงหน้าเขา…คือครึ่งหน่วยกล้าตายผู้นั้นจริงๆ
“เจ้า…” จวินฉางอันอ้าปากอำๆ อึ้งๆ ถูกคนจับได้ บอกว่าไม่อับอายก็คงจะโกหก หากสู้กัน…เขารู้สึกว่าตนเองในตอนนี้ไม่อาจสู้ได้
จวินฉางอันกระแอม “หากข้าบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อดื่มกับเจ้า เจ้าจะเชื่อหรือไม่?”
ดาบยาวของอิ่งสือซันฟาดฟันไปที่จวินฉางอันอย่างดุเดือด
จวินฉางอันตระหนกตกใจ “เฮ้ๆๆ! เจ้าไม่พูดไม่จาก็จะฆ่าคนแล้วรึ?”
อิ่งสือซันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้บุกรุกจวนคุณชายต้องสังหารไร้ความปรานี!”
เยี่ยนไหวจิ่งเห็นจวนคุณชายเป็นดั่งหนามยอกอกมาตลอด หากจะส่งคนมาสืบข่าวก็ไม่แปลก ทว่าสิ่งที่แม้แต่จวินฉางอันก็คาดไม่ถึง นั่นคือจวนรัชทายาท นอกจากเขาแล้ว ยังมียอดฝีมือมาอีกสามคน
และเพราะเขาได้ดึงดูดพลังต่อสู้ทั้งหมดของอิ่งสือซันไว้แล้ว จึงทำให้สามคนนั้นกระโดดเข้าจวนไปได้อย่างง่ายดาย
ผู้พิทักษ์ดาบเงินทั้งสามมีแผนที่จวนคุณชายอยู่ในมือ แผนที่นี้ไม่ใช่ความลับ เพราะอย่างไรจวนคุณชายก็ถูกสร้างมานานหลายปีแล้ว มีผู้คนแวะเวียนมาตั้งไม่รู้เท่าใด
ผู้พิทักษ์ดาบเงินชี้เรือนหลังหนึ่งบนแผนที่ ซึ่งเป็นเรือนหลักที่พระชายาผู้สำเร็จราชการอาศัยอยู่ แต่พื้นที่ในเรือนนี้มีความพิเศษอยู่เล็กน้อย ทางที่รวดเร็วที่สุดคือเดินผ่านเรือนของเยี่ยนอ๋อง
เรือนทั้งสองเชื่อมต่อกันโดยมีทางเดินคั่นกลาง
อิ่งลิ่วไปตรวจสอบเรื่องหัวขโมยที่เรือนของชุยเฒ่า เดิมทีมีอิ่งสือซันเฝ้าอยู่ใกล้ๆ ทว่าอิ่งสือซันไปสู้กับจวินฉางอันแล้ว ที่นี่จึงเหลือเพียงหน่วยกล้าตายและทหารองครักษ์จวนคุณชายเท่านั้น
ทหารองครักษ์เหล่านี้มีมากพอจะจัดการกับยอดฝีมือแห่งเมืองหลวง ทว่าในสายตาผู้พิทักษ์ดาบเงินแห่งเผ่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว พวกเขายังห่างไกลอีกมาก
ทั้งสามหลบเลี่ยงมาได้อย่างง่ายดาย และลอบเข้าเรือนของเยี่ยนอ๋อง
เยี่ยนอ๋องกำลังทบทวนฎีกาที่ถูกส่งมาจากท้องพระโรงในห้องตำรา ไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีผู้ใดลอบเข้ามา แต่ทว่าเขายกมือขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ คล้ายกับเห็นบางอย่างแวบผ่านหน้าต่างไป
“เข้ามานี่หน่อย” เขาเรียก
เด็กรับใช้ผลักประตูเข้ามา “ท่านอ๋อง ท่านมีสิ่งใดจะรับสั่งหรือขอรับ?”
เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เจ้าไปดูนอกหน้าต่างซิ มีใครอยู่หรือไม่?”
“ขอรับ” เด็กรับใช้เดินอ้อมไปนอกหน้าต่าง มองรอบๆ แล้วกลับมารายงาน “เรียนท่านอ๋อง ไม่เห็นใครเลยขอรับ”
ผู้พิทักษ์ดาบเงินทั้งสามกลั้นหายใจ ซ่อนตัวอยู่บนหลังคา
พวกเขาเองยังตกตะลึง บุรุษไม่มีวรยุทธ์กลับมีประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมเช่นนี้ กระทั่งองครักษ์หรือหน่วยกล้าตายในจวนก็ยังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกติ
ทั้งสามมองหน้ากัน แสดงออกว่าพวกตนต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้เสียแล้ว
“คุณหนูเล็กเป็นอย่างไรแล้ว?” เยี่ยนอ๋องถาม
เด็กรับใช้ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่บ่าวไปถามมา นางเพิ่งดื่มนมไปอีกมื้อแล้วก็หลับไปขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]