อวี๋หวั่นเหลือบมองตาทวดด้วยความกังวล “เหลือเน่ยตันเพียงครึ่งเดียวจะมีผลกระทบใดหรือไม่?”
“แน่นอน ทั้งหมดนี้มีความเสี่ยง พละกำลังลดลงอย่างมากไม่ต้องกล่าวถึง ร่างกายก็จะแตกต่างจากเมื่อก่อนไม่น้อย หากไม่พ้นขีดอันตราย ก็อาจจะไปเช่นนี้เลย” ชุยเฒ่าทอดถอนใจแล้วพูดต่อ “อีกอย่างก็ไม่หนุ่มแล้ว จริงหรือไม่?”
ซือคงเย่จับหน้าท้องที่ปวดระบม กัดฟันจ้องมองชุยเฒ่า “เจ้าไม่พูด…ก็ไม่มีผู้ใดว่าเจ้าเป็นใบ้หรอก!”
อวี๋หวั่นคิดเสมอว่ามีเพียงเธอที่ใจอ่อน หัวใจของตาทวดที่แข็งแกร่งดุจหินผา ในที่สุดถึงรู้ว่าเขาเป็นคนที่ใจอ่อนที่สุด ปากก็กล่าวว่าจะฆ่าราชาหลัวช่า ทว่าเมื่อถึงช่วงเวลาวิกฤติกลับไม่ลังเลที่จะสละเน่ยตันครึ่งหนึ่งของตน เพื่อยื้อความตายให้ราชาหลัวช่า
“ข้าไม่ได้ทำเพื่อเขา…ซี้ด!” ทันทีที่เห็นสีหน้าของอวี๋หวั่น ซือคงเย่ก็รู้ว่าสาวน้อยอวบอ้วนผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขารีบเอ่ยแก้ตัว แต่ไม่ระวังกระทบบาดแผล รู้สึกเจ็บปวดจนต้องหายใจเฮือก
“ท่านตาทวด ท่านไม่ต้องพูดแล้ว!” อวี๋หวั่นรีบเข้าไปนั่งยองๆ นำผ้าพันแผลสะอาดห้ามเลือดที่ไหลออกมา บาดแผลของเขาถูกชุยเฒ่าเย็บปิดสนิทแล้ว อยู่ในระยะพักฟื้น ไม่อาจทำอะไรรุนแรง
“ข้าจะบอกว่า…” ซือคงเย่ดื้อรั้นราวกับเป็นเด็ก
อวี๋หวั่นทอดถอนใจ ขัดจังหวะเขา “ข้ารู้ว่าท่านจะกล่าวสิ่งใด เรื่องวันนั้นข้าได้ยินมาว่าท่านต่อสู้กับราชาหลัวช่า ข้าได้เห็นความสามารถในการฟื้นฟูตัวเองของหลัวช่าน้อย บาดเจ็บสาหัสเกือบตายในคืนนั้น วันรุ่งขึ้นกลับเคลื่อนไหวคล่องแคล่วแล้ว ราชาหลัวช่าก็น่าจะยอดเยี่ยมกว่ามันกระมัง”
“เจ้าจะบอกอะไร?” ซือคงเย่มองมาที่เธอ
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าจะบอกก็คือ ยามพบกันที่ถนนเมื่อคราวก่อน ท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชาหลัวช่าแล้วใช่หรือไม่? ทว่าราชาหลัวช่าเห็นแก่เด็กๆ จึงไม่กำจัดท่านเสียให้สิ้น ในใจของท่าน…แท้จริงก็คิดถึงความดีของเขาใช่หรือไม่?”
“ข้าเปล่า!” ซือคงเย่ฟึดฟัดขุ่นเคือง เขาเหลือบมองราชาหลัวช่าที่หลับไม่ได้สติด้วยความรังเกียจ “ผู้ใดเอาชนะเขาไม่ได้? ขนาดเอาเน่ยตันออกมาครึ่งหนึ่ง ข้าเห็นเขาสลบไปแล้ว ตาทวดของเจ้านี่สิ ยังพูดคุยกับเจ้าได้สบายๆ!”
นั่นเป็นเพราะเขาถูกวางยาพิษ ท่านตาทวดของข้า
อวี๋หวั่นมองซือคงเย่อย่างเฉลียวฉลาด “สิ่งที่ท่านกล่าวถูกต้อง!”
ทันทีที่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นคำพูดยกยอ แต่ซือคงเย่ก็หาได้คิดเล็กคิดน้อย ถึงอย่างไรเขาก็รักใคร่เอ็นดูสตรีอ้วนมากถึงเพียงนี้ ถูกเธอเอาอกเอาใจก็มีความสุขมากทีเดียว
มีเน่ยตันและยาโลหิตเพียงครึ่งหนึ่ง ยากที่จะมีชีวิตอยู่ได้ อาม่าใช้หนอนกู่สร้างกู่ตันเพื่อทดแทนแก่ทั้งสอง แม้จะไม่ได้ดีเท่าเน่ยตันและยาโลหิตดั้งเดิม ทว่าอย่างน้อยก็ช่วยชีวิตไว้ได้ เพียงแต่ว่า หากวันหน้าทั้งสองยังต้องการพัฒนาด้านศิลปะการต่อสู้ เกรงว่าจะเป็นเรื่องยาก
อวี๋หวั่นไม่ลืมว่าทั้งท่านตาทวดและราชาหลัวช่าต่างก็หลงใหลในการต่อสู้ นี่ทรมานยิ่งกว่าการฆ่าพวกเขาให้ตาย
แต่เมื่อมองสีหน้าของทั้งสอง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ทุกข์ทรมานอย่างที่คิด
ซือคงเย่มองอวี๋หวั่นด้วยความเอ็นดู “ในโลกนี้ ยังมีสิ่งที่สำคัญกว่าศิลปะการต่อสู้” เช่น สตรีอวบอ้วนตัวน้อยของเขา ไข่ดำน้อย แล้วก็บุตรสาวกับหลานสาวที่เขายังไม่เคยพบหน้า เชื่อว่าซางชิวหานก็เหมือนกับเขา หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ละทิ้งความคิดที่ครอบงำจิตใจมาตลอดทั้งชีวิต
การทำเช่นนี้ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว หลังจากราชาหลัวช่าสูญเสียยาโลหิตไปครึ่งหนึ่ง ระดับพลังของเขาก็ลดลงอย่างมาก ในทำนองเดียวกัน สัญชาตญาณและความชั่วร้ายในตัวหลัวช่าน้อยก็ลดลงอย่างมาก บวกกับการสะกดจากกู่ตัน เขาไม่จำเป็นต้องดูดเลือดคนเป็นๆ อีกต่อไป
อวี๋หวั่นพยักหน้า “ชายชราเสียม้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามิใช่โชค ราชาหลัวช่าสูญเสียยาโลหิตครึ่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ต้องถูกฆ่าตาย เพียงแต่ลำบากท่านแล้วท่านตาทวด”
ซือคงเย่บีบแก้มอวี๋หวั่น “ลำบากอย่างไร? เจ้าตัวเล็กนั่นเคยช่วยชีวิตเจ้าและเด็กๆ ไว้ ข้าแค่ให้เน่ยตันกับมันเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเอง เทียบกับชีวิตเจ้าแล้ว นี่ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่”
เมื่อนึกขึ้นได้ อวี๋หวั่นจึงกล่าวต่อ “แต่ทว่า ร่างกายของมันใช้งานทั้งเน่ยตันและยาโลหิตพร้อมๆ กันจะไม่มีปัญหาหรือ?”
ซืงคงเย่กล่าวว่า “วิชาอายุวัฒนะสามารถฟื้นฟูบาดแผลของหลัวช่าโลหิต เน่ยตันของข้าอยู่ในนั้นจะช่วยให้มันฟื้นตัวได้ดีขึ้น”
ขณะทั้งสองพูดคุยกัน ราชาหลัวช่าที่หมดสติก็ฟื้นขึ้น
ชุยเฒ่าเปลี่ยนยาให้เขาหนึ่งครั้ง อวี๋หวั่นอุ้มหลัวช่าน้อยที่นอนหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของเยี่ยนจิ่วเฉาขึ้นมา มองดูมันด้วยสายตาอ่อนโยน พลางกล่าวกับตาทวดและราชาหลัวช่าว่า “ในร่างกายของมันมียาโลหิตของราชาหลัวช่าครึ่งหนึ่ง และเน่ยตันของท่านทวดอีกครึ่งหนึ่ง เขาคือผลึกที่กลั่นจากพวกท่านทั้งสอง ดังนั้นต่อไปพวกท่านก็อย่าทะเลาะกันอีก”
ราชาหลัวช่าและซือคงเย่ตกตะลึงอย่างกะทันหัน “…”
เหตุใดฟังดูแปลกๆ?!
อวี๋หวั่นอุ้มหลัวช่าน้อยกลับไปที่ห้องของตน ผู้ป่วยอาการหนักอย่างราชาหลัวช่าและซืงคงเย่ก็ถูกพากลับไปที่ห้องพักฟื้น เนื่องจากอาการของพวกเขาเหมือนกัน จึงใช้ยารักษาคล้ายคลึงกัน และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชุยเฒ่าผู้ชราต้องวิ่งไปวิ่งมา จึงจัดให้ทั้งสองพักอยู่ในห้องเดียวกัน
ทั้งคู่ต่างไม่ชอบหน้ากัน!
ซืงคงเย่กลอกตา “ในวิหารเจาหยางไม่มีเรือนแล้วหรือ? ให้เขาย้ายออกไปไม่ได้รึ?!”
ชุยเฒ่าเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ข้าไม่เก่งกาจเช่นพวกเจ้า ข้าเป็นคนแก่ธรรมดา ไม่รู้วรยุทธ์ ไม่อาจใช้วิชาตัวเบา วิ่งมากก็เหนื่อยหอบ หมดเรี่ยวแรง เปลี่ยนยาก็มือสั่น ร่างกายอ่อนแอมากโรค ดูไม่ดี!”
ซือคงเย่หุบปากลง
ยังไม่ได้พบบุตรสาวและหลานสาว จะดูไม่ดีไม่ได้
ราชาหลัวช่าอ่อนกว่าซือคงเย่หนึ่งปี ซืงคงเย่ชราเช่นนี้ก็ยังอยากดูดี เขายังอ่อนเยาว์ เขาก็อยากดูดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]