ในวันที่อากาศสดใส ซือคงเย่รู้สึกสดชื่น ไม่เพียงเพราะเขาหายจากอาการบาดเจ็บ แต่ความแข็งแกร่งยังฟื้นตัวจากเดิมขึ้นมาครึ่งหนึ่งแล้วด้วย และเพราะในที่สุดเขาก็ไม่ต้องอยู่ร่วมห้องเดียวกับราชาหลัวช่า แน่นอนสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ หลานรักเจียงซูของเขามาแล้ว!
ยามได้ยินว่าบุตรสาวและหลานสาวอยู่ในหนานจ้าวที่แสนห่างไกล เขาเคยคิดว่าตนเองต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามภูเขาหลายพันหลี่เป็นเวลานานเพื่อไปพบพวกนาง ไม่คาดคิดว่าจู่ๆ อาซูน้อยก็มาถึงหมิงซานด้วยตัวเองอย่างรวดเร็วเช่นนี้!
เพื่อไม่ให้อาซูน้อยเป็นกังวล เขาอดทนที่จะไม่พบนาง บัดนี้อาการเขาหายดีแล้ว ในที่สุดก็สามารถไปพบอาซูน้อยของเขาได้อย่างมีความสุข!
อวี๋หวั่นเคยบอกไว้ แม้ว่าอาซูจะเป็นตี้จีแห่งหนานจ้าว ทว่านางเติบโตมาในเผ่าปีศาจตั้งแต่เล็ก ต้องทนทุกข์ทรมานไม่น้อย ทั้งยังผอมบางร่างกายอ่อนแอ ทุกครั้งที่เขาคิดเรื่องนี้ก็ปวดใจไม่สิ้นสุด แต่ไม่เป็นไร เขาจะปกป้องอาซูให้ดี!
ด้วยระดับพลังและความแข็งแกร่งของเขา แม้จะสูญเสียเน่ยตันไปครึ่งหนึ่ง ทว่าก็ยังคงเป็นผู้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามที่สุดแห่งหมิงตู!
ซือคงเย่รีบจ้ำอ้าวไปยังห้องฝั่งใต้ด้วยความเร็วที่ไม่ไว้หน้าผู้ใด!
ไม่นึกว่าขณะนั้นเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ก็กำลังออกจากห้องนั้นอย่างลับๆ ล่อๆ อวี๋เซ่าชิงถูกนางทำอย่างนั้นอย่างนี้จนผล็อยหลับไปในที่สุด นางวางแผนจะออกไปเล่นกับหลัวช่าโลหิตที่ถูกขังอยู่ในสุสานสักหน่อย เมื่อผ่านทางเดิน ก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจของราชาหลัวช่าในอากาศ
…นอนร่วมเรียงเคียงหมอนกับราชาหลัวช่ามานานเกินไป จนติดลมหายใจอันมีค่าของอีกฝ่ายมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ดวงตาของเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์เปล่งประกายสีเขียว!
“ย่ะ!”
นางปล่อยหมัดเล็กพุ่งเข้าใส่อีกฝ่าย!
ซือคงเย่ที่สาบานว่าจะใช้ร่างกายที่แข็งแรงกำยำและพลังอันแข็งแกร่งของตน ปกป้องอาซูน้อยไปชั่วชีวิต ถูกอา (เจียง) ซู (ป้า) น้อย (เทียน) ต่อยจนล้มลง…
ราชาหลัวช่าที่ผ่านมาได้พบกับฉากนี้โดยบังเอิญ มองเห็นความอับอายของซือคงเย่ พลันรู้สึกว่าความอึดอัดคับแค้นใจหลายทศวรรษที่ผ่านมาของตนถูกระบายออกจนหมดสิ้น อดไม่ได้ที่จะหัวเราะสนั่นลั่นฟ้า “ฮ่าๆๆๆๆ….”
ปัง!
ราชาหลัวช่าก็ล้มลงเช่นกัน…
ครึ่งชั่วยามต่อมา ลูกศิษย์ทั้งหมดในวิหารเจาหยางเห็นปรมาจารย์ทั้งสองที่อุตส่าห์รักษาจนหายดีด้วยความยากลำบาก และสาบานว่าจะไม่อยู่ด้วยกันอีกในชีวิตนี้ ช่วยพยุงกัน ลากขาชราที่แข็งทื่อ กะโผลกกะเผลกกลับห้องด้วยใบหน้าบวมช้ำ
…
สกุลซางที่หาเรื่องใส่ตัวหลายครั้งติดต่อกัน ต่อให้เป็นเทพเซียนเทวดาที่มาจุติก็จับความผิดของพวกเขาไม่ได้ ประมุขซือคงนำคนไปยังสกุลซางเพื่อรวบรวมหลักฐาน และสอบปากคำองครักษ์และข้ารับใช้ข้างกายซางฉงหวา เมื่อมีพยานหลายคน สกุลซางก็ไม่มีที่ว่างแม้แต่จะโต้แย้ง
ความทะเยอทะยานของสกุลซางไม่ใช่ว่าไร้วี่แวว เพียงแต่ไม่รู้ว่าลูกหลานสกุลซางและข้ารับใช้ข่มเหงรังแกชาวบ้านในหมิงตูมานานเพียงใดแล้ว เพราะมีสายสัมพันธ์สะใภ้ของสกุลซือคง จึงไม่มีผู้ใดกล้านำความผิดของสกุลซางไปแจ้งต่อจวนซือคง และแม้ว่าจะนำเรื่องไปบอก ภายในจวนซือคงก็ยังมีสายของสกุลซางที่คอยสอดส่อง กำจัดผู้คนอย่างเงียบๆ เรื่องจึงไม่อาจไปถึงหูประมุขซือคงได้
ดึงหัวไชเท้าจากดินโคลนย่อมติดขึ้นมา ผู้ที่คอยประสานในจวนซือคงก็ค่อยๆ ถูกแยกออกมาทีละคนเช่นกัน
ประมุขซือคงไม่เคยส่งเสริมการกระทำชั่ว แต่คราวนี้เขาโกรธมาก จึงตัดสินให้ลงโทษขั้นสูงสุดกับบรรดาทาสที่กินบนเรือนขี้บนหลังคา
สกุลซางถูกค้นบ้านและยึดทรัพย์ ลูกหลานสกุลซางถูกไล่ออกจากหมิงตู ไม่อาจเหยียบเข้ามาที่เผ่าปีศาจได้อีกตลอดไป!
ยามที่ฮูหยินซือคงทราบข่าว สองพี่น้องซือคงอวิ๋นก็กำลังนำทหารไปเก็บกวาดจวนสกุลซาง ซือคงอวิ๋นถูกซางฉงหวาลักพาตัวไปครั้งหนึ่ง เกือบไม่มีชีวิตรอด เขานับว่ามองเห็นความทะเยอทะยานของท่านตาผู้นี้ได้ชัดเจน เมื่อถึงคราวยึดทรัพย์สกุลซางจึงลงมือได้อย่างไร้ความปรานี
ฮูหยินซือคงโกรธจนเป็นลม เมื่อรู้ว่าบุตรชายคนเล็กได้ยึดทรัพย์สกุลซางเองกับมือ
“ท่านแม่ ท่านไม่เห็นหรือว่าเขาทำกับข้าเช่นไร! เขาเกือบจะฆ่าข้าแล้ว!” หลังจากกลับมาที่จวน ซือคงอวิ๋นเปิดคอเสื้อของตน เผยให้เห็นรอยช้ำเป็นวงกลม “นี่เป็นรอยที่ข้าถูกเขาบีบ! ท่านแม่ หากข้าโชคดีน้อยกว่านี้ คงตายในเงื้อมมือพวกเขาไปแล้ว!”
ฮูหยินซือคงจะกล่าวอย่างไรได้? บ้านภรรยาจะยิ่งใหญ่สักเพียงใด จะใหญ่ไปกว่าบุตรชายกับสามีได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นความผิดของบ้านภรรยาอยู่ก่อนแล้ว ไม่ฆ่าล้างสกุลซางก็นับว่าเป็นความกรุณาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสกุลซือคงแล้ว
ยามบุกค้นบ้าน อาม่าและชิงเหยียนก็ไปด้วย พวกเขาพบสิ่งของหลายอย่างที่ราชาหลัวช่าได้ขโมยไปจากสกุลซือคงในตอนนั้น นอกจากเวทโลหิตแล้ว ยังมีคัมภีร์ลับวิธีการเผายาและการฝึกฝนกู่หยินที่ตกทอดมาจากเผ่าพ่อมดอีกไม่น้อย
ชิงเหยียนเข้าใจในทันที “มิน่าละ กู่หยินของสกุลซางถึงทรงพลังเช่นนั้น ที่แท้ก็ฉกฉวยประโยชน์จากสกุลซือคง”
สกุลซือคงมีหนังสือตำรามากมาย แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าในห้องตำรามีคัมภีร์ลับในการสร้างอาวุธอยู่ ราชาหลัวช่าหยิบไปโดยไม่ได้เจาะจง หลังจากนำไปก็ต้องการเพียงวิชาอสูรโลหิต อย่างอื่นเขาไม่แม้แต่พลิกเปิด ก็โยนเข้าเตาไฟ
เพียงแต่ว่ามันกลับไม่ติดไฟ และถูกข้ารับใช้ของสกุลซางค้นพบ จึงนำคัมภีร์ลับและวิธีการเผายาไป
แต่ทว่าคัมภีร์ลับในการสร้างอาวุธของสกุลซางนั้นสืบทอดมาจากบรรพชน
“จุ๊ๆๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าคัมภีร์ลับเล่มนี้หาเงินให้สกุลซางได้เท่าใด?” ชิงเหยียนถามเยว่โกวพร้อมกับ ‘คัมภีร์อาวุธ’ ในมือ
“เท่าใด?” เยว่โกวถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]