หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 472

“นี่มันลูกปัดอะไร?” อวี๋หวั่นเอื้อมมือหยิบขึ้นมาพลิกดู ไม่เห็นอะไรแปลกประหลาด “ไข่มุกราตรีหรือ?”

อวี๋หวั่นนำมันไปไว้ใต้โต๊ะ “ไม่เห็นสว่างเลย อาม่าท่านดูสิ”

อาม่าหยิบลูกปัดที่อวี๋หวั่นกล่าวถึงมา สองสามวันนี้เขาแทบจะคุ้ยทั้งหอเก็บตำราของสกุลซือคง และได้เข้าใจประวัติของสกุลซือคงและเผ่าพ่อมดอยู่ไม่น้อย ทันทีที่ลูกปัดมาอยู่ในมือ เขาก็แทบจะสรุปได้ทันทีว่า นี่คือศิลาพ่อมดของเผ่าพ่อมด

“ศิลาพ่อมดคืออะไรหรือ? เหมือนกับศิลาสตรีศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นหินที่ใช้ทดสอบพลังสายเลือดในหมู่ชนเผ่าพ่อมดหรือ?” อวี๋หวั่นถามอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่ใช่” อาม่าส่ายหัว “การสืบทอดของเผ่าพ่อมดไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายเลือด ดังนั้นจึงไม่มีหินสำหรับทดสอบสายเลือด ศิลาพ่อมดสามารถใช้เป็นสกุลเงินในเผ่าพ่อมด แต่ข้าคิดว่าศิลาพ่อมดนี้ไม่ใช่ศิลาพ่อมดธรรมดา”

“ไม่ธรรมดาหรือ?” อวี๋หวั่นจ้องมองลูกปัดด้วยความแปลกใจ ไม่ว่ามองอย่างไร มันก็คือไข่มุกราตรีที่ส่องแสงไม่ได้

เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์หยิบลูกปัด ชูขึ้นแล้วกระแทกลงกับโต๊ะ ตึง——ตึง—— ตึง ไม่นาน ‘ไข่มุกราตรีที่ส่องแสงไม่ได้’ ก็ค่อยๆ สั่นสะเทือนเปล่งแสงออกมา

ทุกคน “…”

หลังจากลูกปัดส่องแสง ฉากทิวทัศน์ที่ดูเหมือนไม่มีอยู่จริงก็ปรากฏออกมา เมื่อแยกแยะให้ละเอียด มันดูคล้ายกับแผนที่

เวลานี้ ในที่สุดอวี๋หวั่นก็เชื่อว่ามันไม่ใช่ลูกปัดธรรมดา คนที่สร้างมันขึ้นมาในยามนั้นใส่แผนที่ลงไป แต่เมื่อส่องแสงเท่านั้นจึงจะเผยแผนที่ที่ซ่อนไว้ออกมา

“นี่ใช่แผนที่ของเผ่าพ่อมดหรือไม่?” อวี๋หวั่นถามอย่างตื่นเต้น

“ในเมื่อซ่อนอยู่ในศิลาพ่อมด ก็ควรเป็นเช่นนั้น” ร่องรอยความตื่นตัวและตื่นเต้นที่ยากจะระงับก็ฉายผ่านดวงตาของอาม่าเช่นกัน แม้อาการพิษของเยี่ยนจิ่วเฉาจะยังไม่กำเริบในช่วงนี้ แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด หากเป็นเช่นยามอยู่ที่หนานจ้าว ในทุกๆ วันต้องอาบน้ำยาและฝังเข็มระงับพิษในร่างกาย นั่นอย่างน้อยก็หมายความว่ายังมีวิธีระงับพิษได้ ทว่ายามนี้ ต่อให้อาการพิษของเยี่ยนจิ่วเฉาไม่กำเริบ แต่เมื่อกำเริบขึ้นมาแล้วจะไม่มีทางระงับมันได้อีก

อาม่ายื่นลูกปัดให้อิ่งลิ่ว “เจ้าไปวาดแผนที่ออกมา”

การมาที่หมิงตูในคราวนี้ ไม่เพียงแต่พบเลือดของสตรีศักดิ์สิทธิ์ ยังจับพลัดจับผลูเจอแผนที่นำทางไปยังเผ่าพ่อมด นับเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าทีเดียว ยามที่ซือคงเย่มอบเน่ยตันครึ่งหนึ่งให้กับหลัวช่าน้อย แท้จริงแล้วในใจของพวกอาม่าก็ไม่เห็นด้วย ให้ราชาหลัวช่าควักเน่ยตันทั้งดวงออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร? ปีศาจตนหนึ่งที่ช้าเร็วก็ต้องถูกวิชาอสูรโลหิตกลืนกิน ตายแล้วจะทำอย่างไร? ทว่ายามนี้ดูเหมือนว่าต้องขอบคุณความคิดที่ไม่ใจแข็งพอของเขา แน่นอน เขาไม่ได้ทำเพื่อราชาหลัวช่าทั้งหมด แต่ทำเพื่อหลัวช่าน้อยมากกว่า เน่ยตันครึ่งหนึ่งของเขาสามารถป้องกันไม่ให้พลังอสูรโลหิตกลืนกินได้ในระดับที่สูงที่สุด

ปลูกเหตุดี ย่อมออกผลดี

ปรมาจารย์ ก็คือปรมาจารย์

สถานการณ์ในหมิงตูเข้าที่เข้าทางแล้ว อวี๋หวั่นแวะไปเยี่ยมจวนสกุลหลาน ส่งจื่อเยียนและหลานชายกลับไปอยู่ข้างกายนางหลาน ความจริงของเรื่องราวในตอนนั้นได้กระจ่างชัดแล้ว นางหลานและบุตรชายทั้งสองถูกหลานเจียววางแผนทำร้าย หลานเจียวถูกมอบเหล้ายาพิษจอกหนึ่ง นางหลานก็ได้รับการต้อนรับกลับสู่ครอบครัว กลายเป็นผู้นำตระกูลหลานอีกครั้ง

นางหลานจับมืออวี๋หวั่น “ขอบใจเจ้ามากนะ ในที่สุดพี่สาวข้าและคนอื่นๆ ก็มีความสุขในยมโลกได้เสียที”

“นี่เป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ” อวี๋หวั่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฝากขอบใจจิ่วเฉาแทนข้าด้วย” นางหลานกล่าว

“เจ้าค่ะ”

“อ้อ อีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับยายทวดของเจ้า” นางหลานกล่าว

“สตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีหรือ? นางมีอันใดเจ้าคะ?” อวี๋หวั่นเอ่ยถาม

นางหลานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองอวี๋หวั่นด้วยสายตาแน่วแน่ “คำพูดเหล่านี้ ข้าอยากบอกเจ้าเมื่อหลายวันก่อน ยายทวดของเจ้ากับซือคงเย่รักกัน ข้าคิดว่า ป้ายวิญญาณนี้ควรจะตั้งไว้ที่หมิงซานมากกว่า”

“หากป้ายวิญญาณนี้ตั้งไว้ที่หมิงซาน…” คำพูดหลังจากนั้น อวี๋หวั่นไม่ได้กล่าวต่อ

นางหลานเข้าใจความหมายของเธอ นางพยักหน้าและกล่าวว่า “หมายความว่านางคือคนของหมิงซาน ข้าคิดว่านี่เป็นความปรารถนาในยามที่ท่านแม่ยังมีชีวิต นางเกิดมาเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสกุลหลาน แบกรับภาระสกุลหลานไว้มากมาย นางไม่อาจใช้ชีวิตตามที่ต้องการ อย่างน้อยหลังจากที่นางจากไปแล้ว ข้าก็ไม่ต้องการให้นางถูกพันธนาการด้วยคำสอนของบรรพชนและกฎเกณฑ์ของตระกูลอีก”

รู้จักนางหลานมานานถึงเพียงนี้ นิสัยเย่อหยิ่งและไม่ยอมแพ้ของนางหลานห่างไกลจากสตรีทั่วไปมาก ทว่าอวี๋หวั่นได้สัมผัสถึงความแข็งแกร่งของนางที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนก็คือวินาทีนี้

ด้านสายเลือดนางด้อยกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอี ด้านวรยุทธ์และวิชาการแพทย์นางไม่อาจสู้พี่สาว เป็นเพียงสตรีปานกลางในสกุลหลานที่กล้าทำทุกสิ่งที่คนสกุลหลานไม่กล้าทำ

อวี๋หวั่นหยิบป้ายวิญญาณและกอดนางหลานเบาๆ “ท่านยาย ท่านสุดยอดยิ่งนัก”

หลังกลับจากจวนสกุลหลาน อวี๋หวั่นไปที่ห้องของซือคงเย่และมอบป้ายวิญญาณของสตรีศักดิ์สิทธิ์หลานอีให้กับเขา

ซือคงเย่กอดป้ายวิญญาณอยู่ในภวังค์เนิ่นนาน

ใกล้เดินทางออกจากหมิงตูแล้ว อวี๋หวั่นเริ่มเก็บของในยามค่ำคืน แม้ว่าเธอจะอยู่ที่หมิงตูเพียงสองเดือน แต่สิ่งล้ำค่าที่ได้รับกลับมีไม่น้อยเลย ‘คัมภีร์อาวุธ’ ที่ชิงเหยียนและเยว่โกวเก็บกลับมาไม่ต้องพูดถึง สกุลซือคงกับสกุลหลานต่างก็มอบของดีให้เธอมากมาย เธอนำของที่จะมีประโยชน์ในระหว่างการเดินทางไปด้วย ส่วนที่เหลือก็ทิ้งไว้ที่หมิงซาน ผู้ใดให้หมิงซานเป็นบ้านอีกหลังของเธอละ

อวี๋หวั่นเก็บเสื้อผ้าของเยี่ยนจิ่วเฉาเรียบร้อยก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงเริ่มเก็บของให้เด็กๆ อยู่ที่หมิงซานมายี่สิบวัน เด็กน้อยทั้งสามก็ถูกท่านเทียดเลี้ยงดูจนอ้วนท้วน เสื้อผ้าเกือบใส่ไม่ได้แล้ว ส่วนหลัวช่าน้อย ตั้งแต่สามารถกินอาหารของมนุษย์ได้ก็เติบโตขึ้นมาเล็กน้อย

เด็กน้อยทั้งสี่ถึงเวลาต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้ว

ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังคิดว่าจะลงจากเขาในเช้าพรุ่งนี้ดีหรือไม่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]