อวี๋หวั่นพูดจบก็ปล่อยให้อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันจัดการ ส่วนตนก็เดินขึ้นชั้นบนไป
เธอไม่ได้กลับไปที่ห้องของตน แต่เดินไปยังห้องของเยี่ยนจิ่วเฉาก่อน โจวจิ่นยังคงอยู่ในลานด้านหลัง ส่วนท่านพ่อไม่รู้ว่าไปไหนเสียแล้ว เตียงกว้างมีเพียงเยี่ยนจิ่วเฉานอนอยู่คนเดียว
เยี่ยนจิ่วเฉาหลับไปทั้งที่ยังใส่ชุดเดิม เขานอนอยู่บนเตียง ร่างสูงของเขาแลดูน่าหลงใหลแม้ในความมืด ลมหายใจของเขาราบเรียบและสม่ำเสมอ น่าจะกำลังอยู่ในห้วงนิทรา มือเรียวสวยทั้งสองข้างพาดอยู่บนลำตัว แขนเสื้อเผยอออกเล็กน้อย เผยให้เห็นข้อกระดูกและผิวเนียนของเขา
เขาเป็นผู้ชายที่แม้แต่ในยามนอนก็ยังคงน่าเกรงขาม ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะปรารถนาได้เข้าใกล้ เขาเปรียบประหนึ่งดอกอิงซู่ รู้ทั้งรู้ว่ามีพิษ แต่ก็ยังดันทุรังจะปลูก
อวี๋หวั่นยื่นมือออกมา ลูบไล้ไปตามคิ้วโก่งของเขา
บุรุษรูปงามคนนี้คือสามีของเธอ กระถางต้นไม้ใบนั้นตกลงมาได้แม่นยำเสียจริง ถ้าเธอไม่มาที่นี่ ก็คงไม่ได้พบกับผู้ชายอย่างเยี่ยนจิ่วเฉา…
จะปล่อยไปไม่ได้…
อวี๋หวั่นหลงมัวเมากับความงามเหนือปุถุชนของสามีได้เพียงครู่เดียว ก็พลันนึกถึงโจวจิ่นกับท่านพ่อขึ้นมา ตนเองมานั่งเคลิบเคลิ้มอย่างนี้ อาจถูกพวกเขาเห็นเข้า อวี๋หวั่นรีบดึงมือกลับมา แต่ยังไม่ทันได้ขยับ ก็ถูกมือข้างหนึ่งคว้าเอาไว้
“ท่าน…ยังไม่นอนหรือ?” อวี๋หวั่นตกใจ เมื่อนึกได้ว่าเมื่อครู่ตนเองทำอะไรลงไป เธอก็อดหน้าแดงด้วยความเขินอายไม่ได้
“หลับไปแล้ว แต่เจ้าทำให้ข้าตื่น” เยี่ยนจิ่วเฉาโอบคนในอ้อมกอด หลับตาลงพลางเอ่ยขึ้นเบาๆ
เขาเพิ่งตื่นจริงๆ ฟังจากเสียงแหบพร่าระคนความเฉื่อยชาของเขา แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งน่าฟังเสียจนอวี๋หวั่นรู้สึกว่าใบหูของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว
แม้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะกอดเธอเอาไว้ แต่ก็มิได้กระทบกระเทือนต่อท้องของเธอ มือข้างหนึ่งของเขาโอบไหล่ของเธอไว้ มืออีกข้างหนึ่งกำบังหน้าท้องของเธอ ปากของเขาไม่เคยพูดคำหวานออกมา แต่ความอ่อนโยนของเขานั้นเห็นได้จากความเอาใจใส่ที่เขามีต่อเธอ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตั้งท้องแล้วอารมณ์อ่อนไหวขึ้นมาหรือเปล่า อวี๋หวั่นรู้สึกว่าไม่มีผู้ชายคนไหนดีไปกว่าเขาอีกแล้ว
พูดแล้วก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เยี่ยนจิ่วเฉาถามว่า “ทำไมเจ้ายังไม่นอนอีก”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ อวี๋หวั่นก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นทันใด ความปวดร้าวและขมขื่นในใจของเธอก็มลายหายไป แล้วเริ่มเล่าเรื่องที่ตนเอง ‘จัดการ’ พ่อมดใหญ่ให้เยี่ยนจิ่วเฉาฟัง “…ที่แท้ข้าก็เก่งขนาดนี้!”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อยากขัดใจเธอ จึงตอบ ‘อืม’ และพูดว่า “เก่งมาก”
“ใช่ไหมเล่า?” อวี๋หวั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ “ข้าก็คิดว่าข้าเก่ง!”
……
ฟ้ายังไม่สว่าง พวกเขาก็ออกเดินทาง พ่อมดเหลียงถูกมัดไพล่หลังจนแน่น และถูกทิ้งไว้ในลานด้านหลังโรงเตี๊ยม
อวี๋หวั่นเหลือบมองเขา เธอรู้สึกพึงพอใจ จึงหันหลังเดินออกไป
พ่อมดเหลียงจึงร้องเรียก “จอมยุทธ์หญิง พาข้าไปด้วยเถิด!”
อวี๋หวั่นหันหลังกลับมา “พาเจ้าไปด้วย? ในฐานะอะไร”
“ก็…” พ่อมดเหลียงชะงักไป แล้วกล่าวว่า “เจ้าไม่ได้พาเขาไปด้วยหรอกหรือ? เขาเป็นหัวหน้า ข้าฟังคำสั่งเขา เจ้าพาเขาไปได้โดยไม่สนเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ แล้วเหตุใดต้องทิ้งให้ข้าลำบากอยู่ที่นี่ด้วยเล่า”
เขาชี้ไปยังบุรุษสวมผ้าคลุมของตำหนักทมิฬ
อวี๋หวั่นยิ้ม แล้วตอบว่า “เขาเป็นนกต่อ ยังนับว่ามีประโยชน์ แล้วเจ้าละ?”
พ่อมดเหลียงอึ้งไป
พ่อมดคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ให้หัวเดียวกระเทียมลีบ ชะตาต่อจากนี้จะเป็นอย่างไรย่อมคาดเดาได้ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่อวี๋หวั่นต้องมานั่งขบคิด อย่างไรเสียเขาก็ไม่ควรค่าแก่การได้รับความเห็นใจตั้งแต่ที่ลงมือทำร้ายโจวจิ่นและโจวอวี่เยี่ยนแล้ว
ทางไปตลาดมืดนั้นไม่ไกลนัก ขี่อูฐไปสองวันก็ถึงแล้ว
ระหว่างทางไปตลาดมืด อวี๋หวั่นได้รู้ว่าบุรุษสวมผ้าคลุมมีชื่อว่าต๋าหว่า เขาเป็นผู้พิทักษ์ที่สำคัญคนหนึ่งในตำหนักทมิฬ เขาฝึกเวทมนตร์ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้เป็นพ่อมดระดับเทียนขั้นแรกเริ่ม เขาแลดูมีอายุ ทว่าแท้จริงแล้วอายุเพียงยี่สิบห้ายี่สิบหกเท่านั้น พ่อมดใหญ่ที่อายุน้อยเช่นนี้ นอกเผ่าพ่อมดพบเห็นได้ยากนัก
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะเป็นพ่อมด แต่เขาก็ไม่ใช่คนเผ่าพ่อมด
“เวทมนตร์ของเผ่าพ่อมดถูกถ่ายทอดออกสู่ภายนอก ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถฝึกฝนได้ เพียงแต่ว่ากว่าจะเชี่ยวชาญนั้นไม่ง่าย” ในคำพูดของเขานั้น แฝงไปด้วยความภาคภูมิใจในระดับพลังของตน
อวี๋หวั่นมองไปยังโจวจิ่นซึ่งอายุเพียงเก้าขวบ “อืม ไม่ง่ายจริงๆ ด้วย”
อายุยี่สิบกว่าแล้ว เพิ่งจะอยู่เพียงระดับเทียนขั้นแรกเริ่ม แต่เด็กคนนี้อายุเก้าขวบ มีพลังถึงระดับเทียนขั้นสูงสุด ต๋าหว่ามองตามสายตาของอวี๋หวั่นไปยังโจวจิ่น ทันใดนั้นก็รู้สึกดีใจไม่ออกเสียแล้ว
อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาขี่อูฐตัวเดียวกัน ส่วนมากอวี๋หวั่นจะเป็นคนถามคำถาม เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งอยู่ด้านหลังนั่งฟังเงียบๆ และนั่นควรจะทำให้คนอื่นๆ ไม่ทันสังเกตเห็นเขา ทว่าแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เขาคือบุรุษที่เปล่งประกายได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยใบหน้าอันงดงามดุจเทพเซียน บุคลิกและท่วงท่าสง่างามดุจชนชั้นสูง ทำให้ชายหนุ่มผู้เงียบขรึมคนนี่แลดูน่าเกรงขามและน่าค้นหาเหลือเกิน
สายตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
เพียงแต่ว่า ด้านหน้าของเขามีดรุณีน้อยคนหนึ่งที่อวบอ้วนไม่เผื่อแผ่ใครนั่งอยู่ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]