เถี่ยตั้นน้อยพลิกตัว ร่วงลงกับพื้นดังโครม ทำให้ตื่นขึ้นในทันที
อวี๋หวั่นตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ คนส่วนใหญ่ที่ทำงานในสถานที่ก่อสร้างเป็นคนในหมู่บ้าน และบางคนมาจากหมู่บ้านอื่น พวกเขาทั้งหมดได้รับคัดเลือกจากอวี๋เฟิง เขากลายเป็นผู้รับเหมารายย่อม โรงฝึกงานไม่ได้รับการดูแล เช้าวันนี้อวี๋หวั่นจึงไปช่วยที่โรงฝึกงาน
เถี่ยตั้นน้อยถูก้นน้อยที่กระแทกพื้นและหมายจะปีนกลับขึ้นเตียงไปนอนต่อ ทว่าเมื่อเขาหันไปก็เห็นกล่องที่อยู่ใต้เตียงโดยบังเอิญ
เอ๋?
มีกล่องอยู่ใต้เตียงตั้งแต่เมื่อไหร่?
เมื่อวานยังหลบอยู่ใต้เตียงแอบกินขนมกับน้องเจินเจิน ทว่าหามีกล่องสักใบไม่!
หรือว่าท่านพี่จะแอบของอร่อยๆ เอาไว้นะ?
“ซู้ด~” เถี่ยตั้นน้อยดูดน้ำลายและคลานเข้าไปใต้เตียงเพื่อเอื้อมหยิบกล่องออกมา
อวี๋หวั่นไปที่สวนหลังบ้าน เพื่อล้างทำความสะอาดกวาดเล้าไก่ เก็บไข่ จากนั้นจึงวางแผนที่จะกลับไปที่บ้าน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปข้างนอก ทว่าเธอเห็นเถี่ยตั้นน้อยนั่งอยู่ที่พื้นด้วยสีหน้างุนงง ในมือกำลังถือกล่องใบใหญ่ไว้ด้านหน้า เขาดึงชุดแต่งงานสีแดงขนาดใหญ่ออกมาครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งยังอยู่ในกล่อง
“ท่านพี่ นี่มันคืออะไร? ท่านซื้อชุดมาใหม่หรือ? สวยจังเลย…” เถี่ยตั้นน้อยมองอวี๋หวั่นที่อยู่หน้าประตู ราวกับเป็นเด็กน้อยขี้สงสัย พลางเอ่ยด้วยความตื่นเต้นประหลาดใจ
บังเอิญที่อวี๋เซ่าชิงทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงมาเรียกอวี๋หวั่นให้ไปกินอาหาร
อวี๋หวั่นรีบยัดชุดแต่งงานกลับเข้าไปในกล่อง ทันทีที่อวี๋เซ่าชิงก้าวข้ามธรณีประตู ฝากล่องก็ถูกปิด!
ด้วยท่าทีและความรวดเร็วประดุจลมพายุ เถี่ยตั้นน้อยถึงกับตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
อวี๋เซ่าชิงมองเห็นความกังวลใจของบุตรสาวได้อย่างชัดเจน พลางมองกล่องที่บุตรสาวพยายามปกปิดไว้อย่างมีนัยลึกซึ้งบางอย่าง จากนั้นจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไร พลางเอ่ยอย่างใจเย็น “อาหวั่นอาหารพร้อมแล้ว ไปกินข้าวกันเถิด เถี่ยตั้นยังจะนอนต่อรึไม่ หากไม่นอนแล้วออกมากิน”
จากนั้นเขาก็หันตัวเดินไปยังห้องครัว
อวี๋หวั่นมองไปที่เถี่ยตั้นน้อย พร้อมกับเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ต่อไปไม่อนุญาตให้เจ้ารื้นค้นของของพี่”
เถี่ยตั้นน้อย “อื้อ”
“เจ้าไปล้างหน้าล้างตาเถิด” อวี๋หวั่นชำเลืองมองไปนอกประตู
เถี่ยตั้นน้อยออกไปอย่างเชื่อฟัง อวี๋หวั่นเปิดกล่องและมองไปที่ชุดแต่งงานหรูหราสง่าสาม สีแดงสดสะท้อนเข้ามาในดวงตา ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัว
เมื่อมีการเคลื่อนไหวดังขึ้นอีกครั้งจากห้องโถง อวี๋หวั่นจึงรีบเอาชุดแต่งงานใส่กลับลงไปพร้อมกับปิดกล่อง และคราวนี้เธอก็ไม่ลืมที่จะลงกลอนมัน
“ท่านพ่อ รู้หรือไม่ว่ามีอะไรอยู่ในกล่องของท่านพี่?” หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ เถี่ยตั้นน้อยก็วิ่งตามอวี๋เซ่าชิงเข้ามาในห้องครัว
เมื่ออวี๋เซ่าชิงได้ยินคำว่าท่านพ่อของบุตรชายก็พลันรู้สึกจิตใจเบิกบาน ทว่าสิ่งที่เขามีความสุขที่สุดหาใช่เรื่องนี้ เขายิ้มอย่างมีเลศนัย พลางเอ่ยกับบุตรชายว่า “แน่นอน พ่อรู้”
เถี่ยตั้นน้อย “หือ?”
อวี๋เซ่าชิงเอ่ยอย่างยากจะซ่อนความดีใจ “นั่นคือสิ่งที่พี่สาวของเจ้าทำให้พ่อด้วยตัวเอง อย่าบอกคนอื่นนะ”
ชุดกระโปรงสีแดงสดนั่น…คือ คือ คือ…คือชุดที่ท่านพี่ทำให้ท่านพ่อหรือ?
ดูท่าทีของท่านพ่อแล้ว เหมือนจะพอใจมาก ชอบมากและอยากใส่?!
สมองของเถี่ยตั้นน้อยนึกภาพของท่านพ่อที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อกำลังสวมชุดกระโปรงสีแดงตัวเล็ก ช่างเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา!
เถี่ยตั้นน้อยแทบจะร้องไห้ “ท่านบอกว่าท่านเป็นชายชาตรี เหตุใดท่านจึงมีนิสัยเช่นนี้เล่า?”
อวี๋เซ่าชิง “…”
…
หลังจากมื้อเช้า อวี๋หวั่นไปยังบ้านหลังเก่าของสกุลอวี๋ รถม้าของหอจุ้ยเซียนที่จะมารับสินค้าของวันนี้มาถึงแล้ว เมื่ออวี๋หวั่นนับของเสร็จแล้ว ก็เอ่ยกับคนที่มารับของว่า “เจ้านับอีกรอบสิ”
“ไม่ต้องละ ไม่ต้องละ!” เขายิ้ม “สินค้าของรองผู้ดูแลไม่เคยผิดพลาดมาก่อน!”
“นับอีกหน่อยเถิด” อวี๋หวั่นยืนยัน
“เอ๊ะ!” ชายผู้นั้นหยิบเต้าหู้เหม็นมานับทีละแปดร้อยจินหนึ่งรอบ “ถูกต้อง”
เมื่อวานนี้ได้เต้าเจี้ยวมาในปริมาณเท่ากับสามวัน จึงไม่จำเป็นต้องจัดหาในช่วงสองวันนี้
“ใช่” ลุงใหญ่ถามหลี่เจิ้งมาแล้ว “ส่วนใหญ่จะเข้าเรียนโรงเรียนประจำหมู่บ้านก่อนหนึ่งปีหรือสองปี แล้วจึงย้ายไปเรียนที่โรงเรียนในตำบล”
จ้าวเหิงก็สอบเข้าในปีนั้นและยังได้คะแนนอันดับหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยังเป็นที่หนึ่งของทุกปี เจ้าเด็กนั่นเลวระยำก็จริง ทว่าเรื่องเรียนยอดเยี่ยมไม่เป็นรองใคร
ลุงใหญ่ถอนหายใจ “ความหมายของหลี่เจิ้งก็คือ ให้เถี่ยตั้นน้อยไปเรียนที่หมู่บ้านซิ่งฮวาก่อนสักพัก ยามนี้พ่อของเจ้ากลับมาแล้ว มีพ่อเจ้าอยู่ คนในหมู่บ้านซิ่งฮวาจะไม่กำเริบเสิบสานเหมือนเมื่อก่อน”
อวี๋หวั่นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “หรือไม่ข้าก็จะไปสอบถามในตำบล ว่าในปีก่อนๆ เขาสอบอะไรกัน”
ในฐานะผู้มีความสามารถพิเศษในการสอบเข้าวิทยาลัยในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด การเตรียมตัวสอบนับเป็นจุดแข็งของเธอ ตราบใดที่เธอรู้ขอบเขตของคำถาม ไม่ต้องส่งไปที่โรงเรียนประจำหมู่บ้านซิ่งฮวา เธอก็สามารถทำให้เถี่ยตั้นน้อยกลายเป็นหนอนหนังสือตั้นน้อยได้
…
อวี๋หวั่นเดินทางเข้าไปยังตำบล
ซวนจื่อจะขับรถลากวัวไปส่งเธอ ทว่าเธอปฏิเสธ รถลากวัวยังไม่เร็วกับเท่าเดินด้วยซ้ำ
ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือไม่ เธอมักจะรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่ตลอดทาง แต่เมื่อหันไปมอง ก็กลับไม่พบเงาของผู้ใด
“โอ้ ลมอันใดหอบรองผู้ดูแลมาที่นี่?” ผู้จัดการชุยที่กำลังดีดลูกคิดเงยหน้ามอง เห็นอวี๋หวั่นเดินเข้ามาในหอหยกขาว เขาจึงรีบวางลูกคิดลงและกล่าวทักทาย
เขาทราบเรื่องที่อวี๋หวั่นทำธุรกิจร่วมกันกับหอจุ้ยเซียนแล้ว และด้วยความโชคดีของอวี๋หวั่น เขาจึงมีความสัมพันธ์กับรองหัวหน้าสมาพันธ์ธุรกิจเจียงจั่ว แต่ด้วยสถานะของเขาในปัจจุบัน ยังไม่อาจจะติดต่อกับนายท่านฉินได้ ทั้งหมดคือการได้เห็นหน้าของอวี๋หวั่นเท่านั้น
อวี๋หวั่นกล่าวทักทายอย่างสุภาพก่อน จากนั้นจึงแสดงเจตนาที่ชัดเจน
“คิดว่าข้าเป็นใครเล่า!” ผู้จัดการชุยทำเสียงจิ๊ “ไม่ใช่แค่ข้อสอบของโรงเรียนในตำบลหรอกหรือ? ข้ากับนักปราชญ์เจิ้งเป็นเพื่อนเก่ากัน เย็นนี้ข้าจะไปที่บ้านเขาเพื่อเอาข้อสอบมาให้เจ้า!”
อวี๋หวั่นไม่ได้คาดหวังว่าเรื่องราวจะง่ายดายเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ “ขอบคุณผู้จัดการชุยมาก”
ผู้จัดการชุยถอนหายใจ “คนกันเอง เอ่ยเช่นนี้ราวกับคนนอก!”
อวี๋หวั่นคลี่ยิ้มมุมปาก “คุณหนูไป๋สบายดีหรือไม่?”
………………………………………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]