“นายท่านรองเข้ามาเถิดเจ้าค่ะ ด้านนอกคล้ายว่าฝนใกล้จะตกแล้ว” หงอวี้กล่าวกับต๋าหว่าที่มีสีหน้ายากจะอธิบาย
ต๋าหว่ามองดูท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด สองสามวันนี้อากาศร้อนระอุขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังจะมีฝนตกหนัก ต๋าหว่าเข้าไปในห้องอย่างสองจิตสองใจ
หงอวี้เป็นสาวใช้ส่วนตัวของฮูหยินรอง นางซื่อสัตย์ต่อฮูหยินรองมากที่สุด ย่อมรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินรองกับนายท่านรองนั้นไม่ลงรอยกันนัก แต่ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็เป็นสามีภรรยากัน หากสามารถเชื่อมโยงสายใยรักต่อกันได้ หงอวี้ก็ยินดีทำ
อีกอย่าง…ที่ตกน้ำเมื่อตอนกลางวัน มิใช่นายท่านรองที่ลงไปช่วยฮูหยินหรอกหรือ? ตั้งแต่ต้นจนจบ นายท่านรองไม่แม้แต่ชายตามองฮูหยินเหมยกับฮูหยินหลานเสียด้วยซ้ำ
อาจเพราะเวินซวี่ในอดีตมอบความรักให้ฮูหยินรองน้อยเกินไป ดังนั้นการพบกันของทั้งสองในตอนนี้จึงทำให้หงอวี้จึงรู้สึกประทับใจเล็กน้อย
“นายท่านรอง! เชิญนั่งเจ้าค่ะ!” หงอวี้เชิญต๋าหว่าไปที่เก้าอี้อย่างกระตือรือร้น และวางถาดขนมในมือลงบนโต๊ะ “มื้อเย็นฮูหยินรองไม่ทานอะไรมากนัก บ่าวให้คนครัวทำขนมซิ่งเหรินอร่อยๆ มาให้นาง นายท่านรองอยากลองชิมสักหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
“ไม่ละ ข้าจะรอกินพร้อมนาง” วาจาราบรื่นจนต๋าหว่าเองก็แปลกใจ รอกินพร้อมนางนี่มันอะไรกัน ทำเสียพวกเขาทั้งสองดูเหมือนสามีภรรยากันจริงๆ แรงกระตุ้นที่ให้ทำเกิดอารมณ์ร่วมกับการแสดงนี่มาจากที่ใด? ต๋าหว่าครุ่นคิดหาคำตอบในใจ ผลกลับเห็นภาพเยี่ยนจิ่วเฉาที่เอาแต่รออวี๋หวั่นมาทานอาหารด้วยกัน
หึ ถูกพิษของเจ้าสองคนนั่นแล้วจริงๆ
ในอดีตนายท่านรองไม่สนใจฮูหยินรองเช่นนี้ เขาอยากกินสิ่งใดก็กินสิ่งนั้น สนใจฮูหยินรองเสียที่ใด?
ไม่ว่านายท่านรองจะดีต่อฮูหยินรองเช่นนี้เพราะความรู้สึกผิดหรือไม่ ในใจหงอวี้ก็มีความสุขยิ่งนัก
หงอวี้เดินไปที่ห้องชำระกายด้วยความดีใจ ฮูหยินรองกำลังสวมเสื้อผ้า
หงอวี้ก้าวไปด้านหน้า หยิบสายรัดมาผูกเอวให้นาง ขณะผูกก็พลางกระซิบว่า “คืนนี้นายท่านรองจะพักที่นี่เจ้าค่ะ”
ฮูหยินรองผงะ
หงอวี้กล่าวว่า “บ่าวเห็นนายท่านรองเปลี่ยนแปลงนิสัยตนเองแล้ว ฮูหยินรองลำบากรอคอยมาหลายปี ในที่สุดก็มาถึงวันที่เมฆาเปิดจันทราส่องแล้วนะเจ้าคะ”
ฮูหยินรองไม่ตอบ เพียงแต่ลูบแก้มตนเอง “เจ้าออกไปเถอะ”
หงอวี้เข้าใจว่านายท่านรองกับฮูหยินรองกำลังจะมีโลกแห่งความสุขของทั้งสอง จึงรีบปิดปากยิ้มกรุ้มกริ่ม “เจ้าค่ะ!”
หลังจากหงอวี้ออกไป ฮูหยินรองก็ยืนอยู่ในห้องชำระกายครู่หนึ่ง มือที่จับฉากกั้นของนางกระชับแน่น ขนตาสั่นกระพือเล็กน้อย แต่ในที่สุดนางก็เดินออกมาและมองต๋าหว่าด้วยท่าทางสบายๆ “นายท่านรองจะนอนแล้วหรือ?”
“อา…” ต๋าหว่าควรกล่าวเช่นไรเล่า คนก็เข้ามาแล้ว หากกล่าวว่าจะจากไปอีกก็อาจทำให้แผนแตกไม่ใช่หรือ?
ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ ข้าแค่เสียสละเพื่อไม่ให้ความลับแตกก็เท่านั้น!
“อื้อ” ต๋าหว่าตอบรับ
เตียงนอนถูกปูด้วยผ้าหยกแดงแล้ว ฮูหยินรองเดินไปปลดตะขอปล่อยผ้าม่านฝั่งหนึ่งลงมา “นายท่านรองเข้านอนเถิด”
นางยังต้องเช็ดผมอีก
ฮูหยินรองดับเทียนในห้อง เหลือเพียงตะเกียงน้ำมันสีเหลืองนวลจางหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นนางก็นั่งลงหยิบผ้ามาเช็ดผม
“ข้าทำให้” ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ที่ต๋าหว่ามาอยู่ด้านหลังนาง
ฮูหยินรองมองเขาผ่านกระจกทองเหลือง
แสงสีนวลสลัวตกกระทบใบหน้าที่ฮูหยินรองคุ้นเคยที่สุด เวินซวี่มีเสน่ห์หล่อเหลา ไม่เช่นนั้นคงไม่อาจทำให้สตรีลุ่มหลงได้มากมายเช่นนั้น ทว่าฮูหยินรองมิได้มองใบหน้า กลับจ้องมองดวงตาคู่นั้นที่ดูไม่คุ้นเคยเนือยนิ่ง
ต๋าหว่าถูกจ้องมองจนกระอักกระอ่วน สายตาของฮูหยินรองนั้นอ่อนโยน ทว่าไม่รู้เหตุใดดูคล้ายกับแฝงไปด้วยไหวพริบอันชาญฉลาด
ต๋าหว่าเริ่มคิดว่าตนถูกมองเห็นทะลุปรุโปร่ง
“เช่นนั้นขอบคุณนายท่านรอง” ฮูหยินรองยื่นผ้าให้เขาทางด้านหลัง
ต๋าหว่ารู้สึกว่ามือของตนตกลง เขาลอบถอนหายใจ
แผนคงยังไม่ได้แตกกระมัง? ไม่เช่นนั้นนางคงขับไล่ตนออกไปแล้ว!
ต๋าหว่าเช็ดผมให้ฮูหยินรองอย่างระมัดระวัง แม้จะเป็นครั้งแรก ทว่าต้องเช็ดจุดใดก่อนแล้วไปจุดใด กระทั่งแรงที่ใช้ก็ล้วนเหมาะสมที่สุด
หากกล่าวว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ก็ต้องโทษเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น สองคนนั้นแสดงความรักต่อกันไม่เว้น วันๆ เอาแต่โอ้อวดความรัก ดูสิ บุรุษพรหมจรรย์หมื่นปีในตลาดมืดเช่นเขาก็ยังเห็นจนทำเป็นแล้ว!
หลังจากทั้งสองเข้านอน ต่างฝ่ายต่างใช้ผ้านวมของตนยังนับว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่ากลางดึกกลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้น หลังจากต๋าหว่าหลับไปได้ไม่นาน ครึ่งหลับครึ่งตื่นก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางดังแว่วมาจากข้างกาย เขาลืมตาหันไปถาม “เจ้าเป็นอะไรไป?”
ฮูหยินรองไม่พูดจา นอนตัวงอ ทั้งร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น
ต๋าหว่าลงจากเตียงอย่างรีบร้อน หยิบตะเกียงมาส่องเห็นใบหน้าฮูหยินรองซีดขาว ต๋าหว่าตกใจกลัวทั้งยังได้กลิ่นคาวเลือดโดยไม่ตั้งใจ เขาเปิดผ้านวมออก เห็นร่างกายส่วนล่างของฮูหยินรองเปรอะเปื้อนด้วยเลือดสีแดง
“เจ้าได้รับบาดเจ็บ!” ต๋าหว่าใจเต้นโครมคราม ไม่สนใจว่าฮูหยินรองอ้าปากกล่าวสิ่งใด และหันหลังวิ่งออกไป!
ฮูหยินรองเรียกอย่างไรก็รั้งไว้ไม่ได้
ต๋าหว่าไปที่จวนทิศใต้ อวี๋หวั่นและชุยเฒ่าต่างก็เป็นหมอ ทว่ายามนี้ดึกมากแล้ว เขาไม่อยากบุกเข้าไปในห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่น จึงตัดสินใจไปหาชุยเฒ่า
ชุยเฒ่าเพิ่งหลับไปก็ถูกคนปลุกให้ตื่น จึงหงุดหงิดไม่น้อย
“ท่านรีบหน่อย เร็วเข้า! นางบาดเจ็บ! เลือดออกเยอะมาก!” ต๋าหว่าลากชุยเฒ่าไปที่เรือนของฮูหยินรอง
กระดูกชุยเฒ่าแทบหลุดออกจากกัน เขาเป็นคนชราอายุมากแล้ว! เหตุใดผู้คนมักลืมความจริงอันยิ่งใหญ่นี้กัน?
“ในท้องท่านแม่มีน้องสาวอยู่” เอ้อร์เป่ากระซิบ ไม่อยากปลุกให้ท่านแม่ตื่น
“เป็นน้องชาย” เสี่ยวเป่ากระซิบ
“น้องสาว” เอ้อร์เป่ากล่าว
“น้องชาย” เสี่ยวเป่ากล่าว
เป่าทั้งสองทะเลาะกัน ทว่าต้าเป่าไม่ได้สนใจ ร่างน้อยอวบอ้วนกลิ้งไปรอบๆ จนถึงขาของเยี่ยนจิ่วเฉาและมองที่บิดาด้วยท่าทางน่ารัก
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองเขาและอุ้มเขาขึ้นมาวางไว้บนตัว
ต้าเป่านอนอยู่ในอ้อมแขนของบิดา อ้าปากหาวเล็กๆ หัวเล็กๆ เสาะหาตำแหน่งที่สบาย เปลือกตาค่อยๆ ปิดปรือ
เยี่ยนจิ่วเฉามือหนึ่งถือตำรา อีกมือตบหลังต้าเป่าเบาๆ
พวกเขารักท่านแม่ แต่ก็รักท่านพ่อ บนตัวของท่านพ่อมีกลิ่นที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจ
ความรู้สึกปลอดภัยมหาศาลทำให้ต้าเป่าจับชายเสื้อของเยี่ยนจิ่วเฉาและผล็อยหลับไปด้วยความสบายใจ
เสี่ยวเป่ากับเอ้อร์เป่าทะเลาะกันอยู่พักหนึ่ง จนทำให้ตัวเองหลับไปในที่สุด
เยี่ยนจิ่วเฉาจัดแจงเด็กสามคนเข้าที่ แน่นอนว่าให้ตนเองอยู่อีกฝั่งหนึ่ง อวี๋หวั่นเป็นของเขา เจ้าเด็กตัวเหม็นพวกนี้อย่าหวังจะแย่งไปจากเขาได้
บิดามารดาบุตรห้าคนหลับไปอย่างสงบ มีเพียงสองคนที่ยังตื่นอยู่ คืออวี๋เซ่าชิงและเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์
เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์กลางวันออกแรงใช้กำลังเปิดกล้ามเนื้อและกระดูก ตกกลางคืนก็หาความตื่นเต้น อวี๋เซ่าชิงรู้สึกราวกับมีภาพลวงตาว่าตนกลับไปอยู่ที่เกาะร้าง อาซูทำกับเขาเช่นนั้นเช่นนี้ อาซูช่างดียิ่งนัก อาซูดีจริงๆ…..
……………
ณ ตำหนักราชินีแม่มด หลังจากการรักษาช่วยชีวิตหนึ่งวันหนึ่งคืน พ่อมดใหญ่ก็เหนื่อยล้าแทบเป็นอัมพาต
“ราชินีแม่มด!” หลีชั่วเดินมาที่เตียง มองราชินีแม่มดที่ใบหน้าซีดเซียว และจับมือนางด้วยความวิตกกังวล
หงหลวนคุกเข่าลงมองราชินีแม่มดอย่างประหม่า
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด นิ้วของราชินีแม่มดเริ่มขยับ ดวงตาลืมขึ้นอย่างเย็นชา
…………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]