“องค์ราชินีแม่มด! ท่านฟื้นแล้ว!” หลีชั่วดีใจกับข่าวดีที่ไม่คาดฝัน เผยรอยยิ้มโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก
หงหลวนก็มองราชินีแม่มดด้วยความยินดีเช่นกัน เมื่อเห็นว่านางฟื้นแล้ว จึงหันกลับมากล่าวกับพ่อมดใหญ่ที่อยู่ด้านข้างว่า “ใต้เท้า ขอท่านโปรดดูอาการราชินีแม่มดอีกครั้งเถิด”
พ่อมดใหญ่หมดสิ้นเรี่ยวแรงแล้ว เขาไม่เพียงแต่ใช้ศาสตร์การแพทย์เพื่อรักษาราชินี แต่ยังใช้พลังเวทในการรักษาอีกไม่น้อย ยามนี้อย่าว่าแต่ไปดูสักหน่อยเลย กระทั่งหายใจก็ยังยากลำบาก
เขาเดินมาถึงข้างเตียงด้วยการช่วยเหลือจากหญิงรับใช้สองคน เมื่อตรวจอาการของราชินีแม่มดอย่างละเอียดก็กล่าวอย่างอ่อนแรง “ยามนี้…ไม่มีสิ่งใดน่ากังวล”
แต่หากจะกล่าวว่าดีเช่นเดิมคงเป็นไปไม่ได้
คำพูดนี้เขาไม่ได้กล่าว
หลีชั่วกล่าวว่า “พวกเจ้าพาใต้เท้าพ่อมดใหญ่ไปพักผ่อน”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้พยุงพ่อมดใหญ่ไปที่ห้องโถงด้านข้าง ราชินีแม่มดยังนอนซมอยู่บนเตียง เขาต้องรอรับคำสั่งเรียกตัวเข้าเฝ้าจากราชินีแม่มดทุกเมื่อ และไม่สามารถออกจากวังหลวงได้
หงหลวนนำชาร้อนมาถวายราชินีแม่มด นางโบกมือเบาๆ และกล่าวอย่างอ่อนแอ “พยุงข้าขึ้น”
หงหลวนวางถ้วยชา ช่วยหลีชั่วพยุงราชินีแม่มดลุกขึ้นนั่ง และหยิบหมอนมาวางด้านหลังราชินีแม่มดอย่างระมัดระวัง
ราชินีแม่มดไม่เหลือความยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์เช่นในอดีต ไม่เหลือความเย่อหยิ่งและก้าวร้าว ใบหน้าซีดขาวซูบผอมไร้สีเลือด ริ้วรอยที่หางตาดูคล้ายกับเพิ่มขึ้นอีกสองสามเส้น
หงหลวนและหลีชั่วชำเลืองมองแวบหนึ่ง ก็รีบร้อนก้มหน้าลง
ราชินีแม่มดรู้ว่าตนในยามนี้ดูทรุดโทรมยิ่งนัก ทว่านางไม่มีเวลาใส่ใจเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว นางหลับตาลงแล้วกล่าวว่า “ข้าสลบไปนานเพียงใด?”
“เกือบหนึ่งวันหนึ่งคืนได้แล้วเพคะ” หลีชั่วกล่าว
พวกเขาพบราชินีแม่มดในยามบ่าย จากนั้นราชินีแม่มดก็หมดสติไป กระทั่งยามนี้ ก็ใกล้เช้าแล้ว
ราชินีแม่มดไม่เคยอับอายเช่นนี้มาก่อน เมื่อนึกถึงฉากที่ตนถูกทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และต้องเสียหน้าใหญ่ต่อหน้ากลุ่มองครักษ์ ก็โกรธจัด!
“คนพวกนั้นละ?” นางกัดฟันกล่าว
“จัดการหมดแล้วเพคะ” หลีชั่วกล่าว
หงหลวนเหลือบมองหลีชั่ว จัดการผู้ใด? องครักษ์ที่ไม่รู้เรื่องเหล่านั้นน่ะหรือ? นางขมวดคิ้วอย่างไม่ระวัง
ฝ่ามือที่กำแน่นของราชินีแม่มดไม่นานก็คลายออก นางกล่าวอีกครั้งว่า “ตัวประกันละ?”
“ตัวประกัน…” หลีชั่วเหลือบมองหงหลวนที่อยู่ข้างๆ ราวกับกล่าวโทษหงหลวนที่ไม่ได้ร่วมมือกับตนในการตามล่าตัวประกัน ทำให้ตัวประกันหนีไปได้ “ไม่อยู่ในวังแล้วเพคะ”
“ไม่อยู่แล้ว?” ดวงตาของราชินีแม่มดเย็นชา
หลีชั่วก้มลงแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้วเพคะ ข้าค้นทั่ววังหลวงแล้วก็ไม่พบ จึงเดาว่าพวกเขาคงออกจากวังไปแล้ว กล่าวถึงเรื่องนี้ หงหลวน ยามนั้นมิใช่เจ้าสงสัยว่าพวกเขาไปที่จวนสกุลเวินหรอกหรือ? สืบได้ความเช่นไรเล่า?”
หงหลวนเพียงแค่เดินไปมารอบนอกจวนสกุลเวิน ไม่ได้เข้าไปด้านใน
หงหลวนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่ได้บอกว่าเกี่ยวข้องกับจวนสกุลเวิน ข้าบอกว่าใต้เท้าเวินซวี่ เขากับสตรีผู้นั้นติดต่อกันมานาน บางทีเขาอาจนึกเบาะแสบางอย่างออก”
“ฮึ” หลีชั่วเมินหน้า “เห็นได้ชัดว่ายามนั้นเจ้าไม่ได้กล่าวเช่นนี้”
หงหลวนกล่าวว่า “เหตุใดข้าจะไม่ได้กล่าวเช่นนี้? เป็นเจ้าที่ฟังผิดเอง”
“พอได้แล้ว!” ราชินีแม่มดปวดหัว กล่าวเสียงขรึมห้ามทั้งสอง
หลีชั่วลอบถมึงตาใส่หงหลวน หงหลวนไม่สนใจและกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “มีอีกเรื่องที่ต้องรายงานต่อราชินีแม่มด”
“เรื่องอันใด?” ราชินีแม่มดกล่าว
“เหล่าหลัวช่าทหารได้รับบาดเจ็บ” หงหลวนกล่าว
ความรู้สึกเหลือเชื่อวาบผ่านดวงตาของราชินีแม่มด “หลัวช่าทหารบาดเจ็บรึ? ผู้ใดเป็นคนทำ?”
หลีชั่วก็มองหงหลวนอีกครั้ง ราวกับบอกว่านางสนใจแต่การจับคน จึงละเลยที่จะตรวจสอบเหตุการณ์
หงหลวนครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “ตามที่หลัวช่าทหารเล่ามา เป็นตัวประกันหญิงเพคะ”
ราชินีแม่มดกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด “นางดูไม่เหมือนผู้มีวรยุทธ์…”
หงหลวนเองก็ประหลาดใจเช่นกัน “ตามคำกล่าวของหลัวช่าทหาร สตรีผู้นั้นคือราชาศักดิ์สิทธิ์ ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่าง กลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์เผยออกมาเป็นครั้งคราว ข้าเดาว่านางสวมสิ่งล้ำค่าที่ใช้ระงับกลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้”
เห็นได้ชัดว่า หลัวช่าทหารตนที่สี่คิดว่าเจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์คืออวี๋หวั่นที่พบกันบนถนน ส่วนเรื่องคนหนึ่งท้อง คนหนึ่งไม่ท้อง ยามนั้นเขาสนใจเพียงแต่จะจับคน จะไปพิจารณาท้องของสตรีนางหนึ่งได้อย่างไร?
ดังนั้น แม้แต่หงหลวนก็เชื่อว่า ตัวประกันหญิงปรากฏตัวครั้งแรกในเมือง แล้วเล็ดลอดออกไปนอกเมือง จากนั้นจึงถูกหัวหน้าหมู่บ้านชั้นนอกจับตัวมา
หากอีกฝ่ายเป็นราชาศักดิ์สิทธิ์ในยุคที่รุ่งเรืองถึงขีดสุด ก็ไม่แปลกที่จะมีพลังเช่นนี้
“ราชาศักดิ์สิทธิ์…” ประกายเย็นวาบผ่านดวงตาของราชินีแม่มด “คนพวกนั้นเป็นสายสืบของเผ่าศักดิ์สิทธิ์หรือ? เหตุใด? ต้องการล้างแค้นแทนราชาศักดิ์สิทธิ์ในยามนั้น? หรือต้องการนำกระดูกราชาศักดิ์สิทธิ์กลับไปกันละ?!”
หลีชั่วขมวดคิ้วกล่าวว่า “หรือที่…พวกเขาจับตัวองค์ชายเยี่ยยางมิใช่เพื่อแลกกับองค์ราชาพ่อมด แต่เพื่อแลกกับกระดูกของราชาศักดิ์สิทธิ์?”
“โจวจิ่นจะร่วมมือกับคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร?” เผ่าศักดิ์สิทธิ์และเผ่าพ่อมดไม่อาจอยู่ร่วมกัน โจวจิ่นอยู่ฝั่งใดล้วนเป็นข้อห้าม อย่าว่าแต่เผ่าพ่อมดไม่ยอมรับเขาเลย เผ่าศักดิ์สิทธิ์มีหรือจะยอมรับได้? หงหลวนกล่าวว่า “ข้ารู้สึกว่า เรื่องราวจะไม่ง่ายดายเช่นน้ัน”
“องค์ราชินีแม่มด! มีจดหมายส่งมาพ่ะย่ะค่ะ!”
นอกห้องโถง จู่ๆ ก็มีเสียงรายงานจากองครักษ์นายหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]