อวี๋หวั่นก้าวไปข้างหน้าและคารวะขันทีอู๋
ขันทีอู๋เพียงมองเธอด้วยรอยยิ้มจางๆ โดยไม่แสดงท่าทางใดๆ จากนั้นก็กล่าวกับนายท่านฉิน “ไปพบพระสนมก่อนเถิด”
นายท่านฉินรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ที่จะได้เห็นสนมของฮ่องเต้!
เดิมคิดว่าเข้าวังมาเพื่อทำอาหาร ก็ควรจะถูกพาไปที่ห้องครัวทันที…
คนกลุ่มหนึ่งเดินตามขันทีอู๋ไปยังตำหนักเสียนฝู
ตำหนักเสียนฝูกว้างใหญ่ยิ่ง หลังจากเดินผ่านไปสองสามประตู และเดินเลี้ยวไปสักสองสามครั้งก็มาถึงห้องโถงของพระสนมเสียนเฟย
ขันทีอู๋หยุดอยู่ด้านนอกห้องโถงและกล่าวด้วยความเคารพ “ทูลพระสนม คนจากหอจุ้ยเซียนมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เข้ามา”
น้ำเสียงที่ผ่อนคลายทว่าเคร่งขรึม
ขันทีอู๋นำอวี๋หวั่นและคนอื่นๆ เข้าไปยังห้องโถง
บนแท่นประธานในห้องโถงใหญ่ อวี๋หวั่นมองเห็นสวี่เสียนเฟยที่เล่าลือกัน
นางสวมชุดชาววังสีม่วง บนศีรษะเสียบปิ่นปักผมรูปหงส์แปดหาง รูปร่างหน้าตางดงามอ่อนช้อย มือเรียวเล็กบอบบางและข้อต่อนิ้วที่ได้สัดส่วน นั่งอยู่ในพระราชวัง แผ่กลิ่นอายแข็งแกร่งไม่อาจบรรยาย
สมกับที่เป็นสตรีผู้ครองวังหลังมาถึงยี่สิบปี กลิ่นอายเช่นนี้มิใช่สิ่งที่สตรีธรรมดาจะมีได้
“ก้มลงคำนับพระสนม” ขันทีอู๋เอ่ยเตือน
นายท่านฉินทรุดตัวคุกเข่าแนบศีรษะลงกับพื้น “ฉินจั่วถวายบังคมพระสนม ขอพระองค์ทรงมีอายุยืนหมื่นปีหมื่น หมื่นปี”
……
อวี๋หวั่นและพ่อครัวอีกสองที่อยู่ด้านหลังก็ถวายบังคมตามนายท่านฉิน
ทั้งสามนับว่าเชื่อถือได้ ไม่ทำให้นายท่านฉินต้องอับอาย
“มีสตรีด้วยหรือ?” น้ำเสียงของสวี่เสียนเฟยดูแปลกใจเล็กน้อย “เงยหน้าขึ้น ให้ข้าดูหน่อย”
อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ
ในเมื่อนางเข้าวังมาในฐานะแม่ครัว อวี๋หวั่นจึงแต่งตัวเหมือนแม่ครัว กระโปรงยาวรัดเอวสีขาวล้วน เครื่องนุ่งห่มผ้าฝ้ายวสันตฤดูสีเหลืองนวล ไร้เครื่องประทินโฉมตกแต่งใบหน้า ทรงผมเกล้ามวยเดี่ยว การแต่งกายเช่นนี้ไม่เป็นที่สะดุดตาในฝูงชน ทว่าสวี่เสียนเฟยไม่เพียงมอง กลับมองสำรวจอยู่เนิ่นนาน
หากกล่าวถึงสตรีที่องคาพยพทั้งห้างดงามละเอียดอ่อนกว่าอวี๋หวั่นนั้นมีมากนัก ทว่ามองแล้วสบายตาเช่นนี้มีเพียงแค่นาง
อุปนิสัยสงบนิ่งเยือกเย็น เพียงแค่มองนางเช่นนี้ หัวใจที่ร้อนรนก็ดูเหมือนจะสงบลงได้อย่างช้าๆ
ความสงบสุข
ประโยคนี้ปรากฏขึ้นในใจของสวี่เสียนเฟยโดยไม่อาจหาเหตุผล
“พระสนม” มามาผู้ดูแลเรียกนางเบาๆ
นายท่านฉินไม่กล้าเงยหน้ามองไปรอบๆ โดยพลการ ทว่าก็รู้สึกว่าสวี่เสียนเฟยเฝ้ามองรองผู้ดูแลนานเกินปกติ
สวี่เสียนเฟยหยิบชาร้อนที่มามาผู้ดูแลส่งมาให้ พลางจิบเบาๆ “ข้ารู้สึกถูกชะตากับแม่นางผู้นี้ ให้นางอยู่พูดคุยกับข้า พวกเจ้าก็ไปเตรียมอาหารเถิด”
นายท่านฉินขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ มิใช่เรียกนางมาเพื่อให้ทำเต้าหู้เหม็นหรอกหรือ? ให้อยู่พูดคุยหมายความว่าอย่างไรกันแน่? หากพวกเขาทำรสชาติอาหารออกมาไม่ดีพอในภายหลัง จะนับเป็นความผิดพลาดของผู้ใดเล่า?
นายท่านฉินรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างที่เขามองข้ามไป ทว่ายังไม่ทันจะเข้าใจ ก็ถูกขันทีอู๋นำไปยังห้องครัวเล็กๆ ของตำหนักเสียนฝู
สวี่เสียนเฟยมิได้เรียกอวี๋หวั่นให้ยืนขึ้น
อวี๋หวั่นจึงต้องคุกเข่าอยู่บนพื้นเย็นราวกับน้ำแข็งนานถึงครึ่งชั่วยาม
นักสืบที่คอยสังเกตอยู่นอกห้องโถงเห็นท่าไม่ดี จึงหันตัวเพื่อกลับไปรายงานต่อเยี่ยนไหวจิ่ง ทว่าชายในชุดดำของสวี่เสียนเฟยมาขัดขวางไว้…
……………
ห้องครัวขนาดเล็ก
นายท่านฉินวางโถใส่หน่อไม้ดองลงบนเตา ทันใดนั้นก็กลับนึกขึ้นได้ “โอ้! ข้าจำได้แล้ว! องค์ชายรองเคยช่วยแม่นางอวี๋ไว้!”
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงการแข่งขันทำอาหารระดับเทพ อวี๋หวั่นถูกคู่แข่งขันทำร้ายและขังไว้ในอุโมงค์น้ำแข็ง องค์ชายรองปกปิดตัวตนของอวี๋หวั่นเพื่อรักษาชื่อของนาง คนอื่นๆ ไม่ทราบเรื่องนี้ ทว่าเขาและคนสกุลอวี๋จะไม่รู้เรื่องเช่นกันหรือ?
ขณะนั้นก็เคยสงสัย ทว่าหลังเกิดเรื่อง องค์ชายรองก็ไม่ได้มาติดตาม พวกเขาจึงค่อยๆ มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นความเมตตาขององค์ชายรอง
ทว่าหาก…ไม่ใช่เพียงความเมตตาเล่า?
เป็นไปได้หรือไม่ ที่สวี่เสียนเฟยอาจเข้าใจผิดบางอย่าง จึงเรียกตัวอวี๋หวั่นมา?
นายท่านฉินใคร่จะแทงตัวเองให้ตาย “ข้า…ข้าลืมเรื่องที่สำคัญเช่นนี้ไปได้อย่างไร! ข้ามันสมองหมู! ข้า ข้า ข้า…ข้าช่างไร้ซึ่งมโนธรรม!”
นายท่านฉินยกโถลงจากเตาและเดินออกไปจากห้อง หลังจากก้าวข้ามธรณีประตูไปเพียงก้าวเดียว ขันทีอู๋ก็เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “เถ้าแก่ฉิน ท่านจะไปที่ใด? อาหารของพระสนมพร้อมแล้วหรือ?”
นายท่านฉินยิ้มและกล่าวว่า “จู่ๆ ข้าก็นึกได้ว่ามีวัตถุดิบบางชิ้นตกอยู่บนรถม้า ข้ากำลังจะไปนำมา”
ขันทีอู๋ยิ้มและเอ่ยว่า “ที่นี่คือวังหลวง ขาดวัตถุดิบอันใด? หากไม่มีจริงๆ จะให้คนไปนำมาให้”
นายท่านฉินรู้สึกสิ้นหวัง ที่ไม่อาจส่งข่าวได้…
………………
ตำหนักองค์ชายรอง
หลังจากเยี่ยนไหวจิ่งอ่านเอกสารราชการในมือและข้อมูลของนักสืบที่ถูกส่งมาจากก้งเฉิงเสร็จสิ้น เยี่ยนไหวจิ่งจึงเตรียมตัวเข้าวังเพื่อไปถวายบังคมสวี่เสียนเฟย ทันทีที่เขาออกจากตำหนัก ก็เห็นขันทีน้อยรออยู่ที่ประตูด้วยท่าทีอ่อนน้อม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]