ตั้งแต่สมัยโบราณ ประมุขแห่งฟ้าดินที่เลื่อนขั้นเป็นเซียนเพราะหยิบสบู่ เกรงว่าจะมีเป็นคนแรก ไม่สิ สองคนแรก
กฎแห่งสวรรค์พิโรธจัด เหตุใดมันปกป้องฟ้าดินมาเนิ่นนานปีเช่นนี้ ไม่เคยได้ยินว่ามีบุรุษใหญ่สองคนใดกล้าหยิบสบู่กลางวันแสกๆ เช่นนี้มาก่อน?!
แค่ทำยังพอว่า ยังกล้าเอ่ย?
คิดว่ามันหูหนวกหรืออย่างไร?
ทว่ากฎแห่งสวรรค์ หยิบสบู่ในที่นี้…มีความหมายว่าหยิบสบู่จริงๆ…
ประมุขมารทุกข์ระทมขมขื่นใจ หากรู้ว่าเป็นเพียงสบู่ก้อนหนึ่งแต่แรก ตนคงไม่แย่งมา
หยิบสบู่จนเกิดมหันตภัยอัสนี ช่างน่าหดหู่นัก
หลายวันมานี้ประมุขมารเอาแต่ครุ่นคิดถึงช่วงเวลาแห่งมหันตภัยอัสนีของตน เขายังสงสัยว่าตนต้องกวาดล้างเมืองทั้งเมือง ใช้ซากศพนับล้าน จึงจะสามารถดึงดูดมหันตภัยอัสนีหรือไม่ ไม่คิดว่า หยิบสบู่ก้อนเดียวก็ทำได้แล้ว….
แต่เขาไม่เคยคิดสักนิด ว่าจะได้รับทัณฑ์อัสนีพร้อมกับโจวจิ่น
เขามีพลังควบคุมสายฟ้า มหันตภัยอัสนีของเขา แตกต่างจากมหันตภัยอัสนีของผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนคนอื่น ตราบใดที่เขาควบคุมถูกต้อง พลังอัสนีเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ให้เขาใช้ได้ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าด่านอัสนีของเขาไม่มีสิ่งใดยากเย็น
ทว่า……
หากมหันตภัยอัสนีของเขา ซ้อนทับกับมหันตภัยอัสนีของผู้อื่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่ามหันตภัยอัสนีของโจวจิ่น ไม่ยอมให้ผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนของตนแกล้งยอมแพ้ ที่ฟาดลงบนตัวเจ็บแสบเกินบรรยาย โดยเฉพาะมหันตภัยอัสนีไม่มีตา แต่ทุกที่ซึ่งอยู่ในขอบเขตฟาดลงมาจนโกลาหลอลหม่าน
โดยทั่วไป ก่อนจะเลื่อนขั้นเป็นเซียน ผู้บำเพ็ญจะดูแตกต่างออกไป พวกเขาจะรู้ตัวว่าถึงเวลาเลื่อนขั้นเป็นเซียนแล้ว และเตือนให้ผู้คนรอบๆ อพยพหนีทันที เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบ
มหันตภัยอัสนีวันนี้ดุเดือดรุนแรง อย่าว่าแต่ทั้งสองยังไม่ทันแยกจากกัน แม้แต่นิกายศักดิ์สิทธิ์เองก็ไร้หนทางจะหลบหนีรวดเร็วเช่นนี้
ในใจประมุขหลินกรีดร้องท่าไม่ดี นิกายศักดิ์สิทธิ์กำลังจะถูกสับเป็นเศษซาก
ทว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจคือ อัสนีบนท้องฟ้าราวกับมีตา ฟาดใส่เพียงพวกเขา ละเว้นผู้ไม่เกี่ยวข้อง
หากบอกว่าเมตตาสรรพชีวิต ไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ประมุขหลินไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น แต่ราวกับมหันตภัยอัสนีหวงแหนสายฟ้า สายฟ้าทุกเส้นต้องฟาดสัตว์ร้ายสองตัวนี้ให้ตาย
ประมุขมารถูกสายฟ้าฟาดอนาถ!
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขามากนัก เขาดิ้นรนรับมือกับอัสนีของตน บวกกับอัสนีของเผ่ามาร… มหันตภัยอัสนีของเผ่ามาร รุนแรงกว่ามหันตภัยอัสนีของผู้บำเพ็ญสายตรง สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับระดับของผู้บำเพ็ญมารที่สูงกว่าผู้บำเพ็ญสายตรง พลังสะท้อนกลับและมหันตภัยอัสนีที่พวกเขาเผชิญก็ย่อมรุนแรงกว่า
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ถูกสายฟ้าฟาดจนกรอบนอกนุ่มใน ควันดำลอยออกจากหัว
คนทั้งนิกายศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ยินมหันตภัยอัสนีครั้งนี้หยิบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถใช้ได้มา เตรียมต่อสู้ครั้งรุนแรง แต่…กางเกงก็ถอดแล้ว จะให้พวกเขาดูภาพนี้อย่างนั้นหรือ?
ทุกคนตื่นตะลึงตาค้างมองดูมหันตภัยอัสนีหลีกเลี่ยงพวกเขาอย่างระมัดระวัง และฟาดใส่คนทั้งสองอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต…
ทั้งสองถูกมหันตภัยอัสนีฟาดจนขาดก็แต่เต้นเพลงไห่เฉาอู่เท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? เหตุใดถึงถูกฟ้าผ่าเละเทะเช่นนั้น?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อยังรู้สึกไม่อยากทนดูต่อ
ประมุขหลินก็สับสนมากเช่นกัน ผีเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาทำอะไรมา เหตุใดถูกอัสนีฟาดจนเป็นเช่นนี้? มหันตภัยอัสนีน่ากลัวเพียงนี้ เอ่ยตามตรง แม้แต่ตำราโบราณยังไม่กล้าเขียนไว้!
แม้ยังสงสัย ประมุขหลินก็ยังอดทนสอนเรื่องมหันตภัยอัสนีและการเลื่อนขั้นเป็นเซียนให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อฟัง
เยี่ยนเสี่ยวซื่อเอ่ยอย่างครุ่นคิด “เจ้าหมายความว่าพวกเขากำลังข้ามด่านอัสนี? หลังจากผ่านด่านอัสนี ก็จะเลื่อนเป็นขั้นเซียน?”
“ถูกต้อง” แต่จะผ่านได้หรือไม่ยากจะบอก มหันตภัยอัสนีนี้ต้องการฆ่าพวกเขาชัดๆ
ไม่รู้ว่ามหันตภัยอัสนีนี้กินเวลานานเพียงใดแล้ว ทุกคนชะเง้อจนปวดคอ
ในที่สุดเยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ทนดูต่อไปไม่ไหว นางกำลังจะนอน แต่มหันตภัยอัสนียิ่งใหญ่เช่นนี้ หนวกหูจนนอนไม่หลับ!
ทันใดนั้นโทสะก็ปะทุขึ้นในท้องของนาง
จากนั้นไม่รู้ว่าพลังมาจากที่ใด นางเหาะขึ้นไปคว้าสายฟ้าที่กำลังจะฟาดใส่ประมุขมาร สายฟ้าคดเคี้ยวน่ากลัวราวกับมังกรเส้นนั้น ทันทีที่ถูกเยี่ยนเสี่ยวซื่อจับก็กลายเป็นงูแสงน้อยในพริบตา
งูแสงน้อยดิ้นเล็กน้อย
เอ๊ะ?
ดิ้นไม่หลุด?
เมื่อเห็นว่าตนจับสายฟ้าได้อย่างง่ายดาย เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็ทำตาโตด้วยความประหลาดใจ นางไม่คิดสิ่งใดมาก ในเมื่อจับเส้นหนึ่งได้ เช่นนั้นก็ย่อมจับเส้นที่สองได้
ต่อจากนี้ ทุกคนได้เห็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ ยิ่งกว่าบุรุษสองคนหยิบสบู่จนถูกฟ้าผ่า เยี่ยนเสี่ยวซื่อ ขยะอันดับหนึ่งแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แสดงการจับสายฟ้าด้วยมือเปล่า
ทันทีที่สิ้นเสียง เส้นทางก็ขยายออกกว้างราวสวนดอกไม้!
ประมุขหลินซวนเซ แทบเสียสติ!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่มีเวลาสนใจ นางรู้ว่าเหตุผลที่ประมุขศักดิ์สิทธิ์กับท่านพี่เสี่ยวเจาไม่ขึ้นไป ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากไป ทว่าพวกเขาถูกมหันตภัยอัสนีฟาดจนเละ ไม่อาจเคลื่อนไหว
นางจึงเหาะไปคว้ามือพวกเขาคนละหนึ่ง มุ่งสู่เส้นทางผ่าน
ประมุขหลินสีหน้าเปลี่ยน ตะโกนเสียงดัง “ระวัง—”
เส้นทางผ่านมีพลังบีดอัด มีเพียงผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนที่ผ่านมหันตภัยอัสนีแล้วเท่านั้น จะสามารถทนต่อแรงบีบอัดนั้นได้ ทันทีที่ผู้บำเพ็ญคนอื่นเข้าไปใกล้ จะถูกพลังบีบอัดด้านในทำลาย
ไม่ได้เจตนาพูดให้ตกใจ ทว่ามีคนเคยลองมาก่อน ไม่เช่นนั้น หากผู้ใดก็สามารถผ่านเข้าไปได้ เช่นนั้นมิใช่เพียงผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนเปิดมันได้ ผู้บำเพ็ญทุกสำนักทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนกันหมดแล้วหรือ?
ประมุขหลินรอเก็บศพเยี่ยนเสี่ยวซื่อ เขาเตรียมพร้อมใช้เสื้อผ้ารองรับชิ้นส่วนร่างกายของเยี่ยนเสี่ยวซื่อแล้ว
ผลสุดท้ายเห็นทั้งสามบินเข้าไปในทางผ่านโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ
ประมุขหลิน “…”
หลังจากทั้งสามบินผ่านไป เส้นทางผ่านก็ปิดลง
ทางผ่านปิดลงแล้ว ไอวิญญาณจากด้านบนก็หายไป ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ ในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อครู่ ไอวิญญาณที่เหล่าศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ได้ดูดซับ ก็มากกว่าที่พวกเขาได้รวมกันในช่วงหลายชั่วอายุคน
แต่สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตเห็นคือ ไม่นานหลังจากเส้นทางผ่านนั้นปิดลง ด้านหลังเมฆดำขนาดเล็กที่ห่างออกไปไม่ไกล เส้นทางเล็กๆ จิ๋วๆ ใช้เมฆดำสร้างเป็นสีหน้าตกตะลึง จากนั้นก็ปิดตนเองลงเงียบๆ
เส้นทางเป็นเซียนของผู้บำเพ็ญสายตรง กับเส้นทางเป็นเซียนของเผ่ามาร แน่นอนว่าไม่เหมือนกัน!
ถูกทั้งสามผ่านร่างเข้ามาพร้อมกัน แค่คิดก็เป็นความเจ็บปวดเหลือทนแล้ว
ใหญ่เกินไป รับเข้ามาไม่ไหว
มันยังเป็นเส้นทางผ่านเผ่ามารมือใหม่ที่ไม่เคยถูกผู้เลื่อนขั้นเป็นเซียนคนใดผ่านมาก่อน
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]