ช่างในจวนคุณชายล้วนถูกส่งไปสร้างจวนผู้สำเร็จราชการ ส่วนหลังคานั้น อิ่งสือซันรับหน้าที่ขึ้นไปซ่อมแซม
เยี่ยนอ๋องมองไปยังเยี่ยนเสี่ยวซื่อในอ้อมอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองเขาด้วยใบหน้าบ้องแบ๊ว
เยี่ยนอ๋องสูดหายใจเข้าลึก แล้วพูดอย่างจริงใจว่า “บนหลังคาไม่มีอะไรให้เล่น เยียนเอ๋อร์อย่าไปเล่นบนหลังคาอีกรู้ไหม”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อกะพริบตาปริบๆ ราวกับกำลังบอกว่าเข้าใจแล้ว
เยี่ยนอ๋องอุ้มหลานสาวของตนใส่กลับลงไปในตะกร้า เขายังไม่ทันได้ปล่อยมือ ก็ได้ยินเสียงดังกัมปนาทขึ้นอีกครั้ง
เรือนเพาะชำดอกไม้ของลุงวั่นถล่มลงมา
ลุงวั่นกำลังเลือกพันธุ์ไม้อยู่นอกเรือนเพาะชำ พลางครุ่นคิดว่าปีนี้ควรปลูกอะไรในกระโจมอุ่นของเขาดี ทันใดนั้นเรือนเพาะชำก็พังครืนลงมา รอบกายของลุงวั่นอบอวลไปด้วยฝุ่น เขาพ่นฝุ่นออกมาจากปากเบาๆ…
เยี่ยนอ๋องมองไปยังเยี่ยนเสี่ยวซื่อ
เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองมองเขาด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ราวกับกำลังบอกว่า นั่นไม่ใช่หลังคาสักหน่อย
เยี่ยนอ๋อง “…”
……
ในตอนที่คนเผ่าศักดิ์สิทธิ์มายังจวนคุณชาย อิ่งลิ่วก็กำลังหาเบาะแสในเรือนที่ชุยเฒ่าเคยพักอยู่ ยอดฝีมือทั่วไปล้วนมีวิธีปกปิดร่องรอยของตน แต่ก็ยากที่จะตบตาอิ่งลิ่วได้
อิ่งลิ่วสามารถระบุตัวตนของคนเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว…องครักษ์ของเยี่ยนไหวจิ่ง
ดูแล้วเยี่ยนไหวจิ่งคงจะรู้เรื่องยาถอนพิษของเยี่ยนจิ่วเฉา ที่พวกเขาคิดจะจับชุยเฒ่าก็เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เยี่ยนจิ่วเฉาได้ยาถอนพิษ กระนั้นแล้วก็ยังจับชุยเฒ่าไม่ได้ ไม่นานเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไม่เข้าราชสำนักอีก เยี่ยนไหวจิ่งจึงเดาว่าพวกเขาได้ยามาแล้ว เยี่ยนจิ่วเฉาจึงเก็บตัวเพื่อถอนพิษ
เมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมเข้าใจได้ว่าเหตุใดจวินฉางอันจึงลอบเข้ามาในจวนคุณชายตอนกลางดึก
ร่องรอยหลายอย่างแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าจวินฉางอันและเยี่ยนไหวจิ่งไม่เกี่ยวข้องกับการลักพาตัวต้าเป่าและเยี่ยนเสี่ยวซื่อ แต่ว่าจวินฉางอันบุกเข้ามา หลอกล่อให้อิ่งสือซันออกไป ทำให้มีคนจากเผ่าศักดิ์สิทธิ์เล็ดลอดเข้าไปยังเรือนของราชาศักดิ์สิทธิ์
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ความแค้นในครั้งนี้ อิ่งสือซันจะต้องคิดบัญชีกับจวินฉางอัน
“เจ้าคิดว่า…พวกเราจำเป็นต้องบอกเรื่องของคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์กับเยี่ยนไหวจิ่งไหม” อิ่งลิ่วถาม
อิ่งสือซันชะงักไปครู่หนึ่ง “แน่นอนว่าควรบอก เขาเป็นคนสร้างความวุ่นวายนี้ขึ้นมา เขาก็ต้องเก็บกวาดเอง”
“เขาเก็บกวาดไหวหรือ?” อิ่งลิ่วเบ้ปาก ไม่ใช่ว่าเขาดูแคลนเยี่ยนไหวจิ่ง แต่เจ้านั่นทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จ เก่งแต่สร้างหายนะ แม้แต่พระชายารัชทายาทยังเก่งกว่าเขาเสียอีก!
อิ่งสือซันแค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก “ไม่มีทางไหว แต่เพิ่มปัญหาเรื่องคนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ไปให้เขาสักหน่อยคงไม่เป็นไร นอกจากนั้นแล้วเขาเองก็กำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ ไม่มีความจำเป็นต้องให้เขาอยู่อย่างสุขสบาย”
ไม่ทำอะไรสักอย่าง แต่โยนให้จวนคุณชายกำจัดศัตรูเสียเสร็จสรรพ เขาเพียงนั่งๆ นอนๆ อย่างสบายใจในตำแหน่งรัชทายาท? ใต้หล้ามีเรื่องง่ายดายเช่นนี้ที่ไหนกัน?
อันที่จริงไม่ใช่อิ่งสือซันเพียงคนเดียวที่คิดเช่นนี้ เยี่ยนอ๋องก็คิดเหมือนกัน เขาไม่คาดหวังกับเยี่ยนไหวจิ่ง แต่ก็ไม่อาจดูเบาเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูกลุ่มเดียวกัน ในฐานะที่เป็นองค์ชายแห่งต้าโจว เยี่ยนไหวจิ่งย่อมต้องทำทุกวิถีทางเพื่อต้าโจว
ช่วงบ่ายในวันเดียวกัน อิ่งสือซันเดินทางไปยังจวนรัชทายาท เยี่ยนไหวจิ่งไม่อยู่ พระชายารัชทายาทกำลังพักผ่อน เขาไม่ได้เข้าไปทางประตูหลัง ทว่าก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการเดินเข้าประตูหลัก เพราะเขาใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามกำแพงเข้าไปอย่างสง่าผ่าเผย เพียงแต่น่าเสียดายที่องครักษ์จวนคุณชายล้วนแต่ไม่มีผู้ใดรับรู้การมาถึงของเขา
เขาเข้าไปยังเรือนของจวินฉางอัน
จวินฉางอันกำลังฝึกกระบี่ เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว เขาก็หันหลังไปทันที และเห็นอิ่งสือซันเข้ามาอยู่ในระยะที่สามารถสังหารเขาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
จวินฉางอันประหลาดใจกับวรยุทธ์อันแข็งแกร่งของอิ่งสือซัน เขาตั้งสติ เก็บกระบี่ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามาทำอะไร มาเอาชีวิตข้ารึ”
“เอาชีวิตเจ้า? หากเป็นเช่นนั้นข้าจำเป็นต้องรอให้เจ้าหันมาด้วยหรือ?” อิ่งสือซันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
จวินฉางอันรู้สึกเหมือนถูกตอกหน้า เจ้าบอกว่าวรยุทธ์เจ้าเลิศล้ำก็พอแล้ว ไปฝึกทักษะประชดประชันมาจากไหนกัน ทำไม อยู่กับเยี่ยนจิ่วเฉามากเกินไปจนกลายเป็นคนปากคอเราะร้ายไปแล้วหรือ?
“เช่นนั้นเจ้ามาทำไม” จวินฉางอันถาม
อิ่งสือซันโยนภาพเขียนม้วนหนึ่งลงบนโต๊ะหินเบื้องหน้าจวินฉางอัน “รู้จักคนคนนี้หรือไม่?”
จวินฉางอันคลี่ม้วนภาพเขียน หัวคิ้วของเขาขมวดแน่น “เขาเป็นที่ปรึกษาของจวนรัชทายาท เจ้ามีภาพเขาได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]