หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 52

เยี่ยนเสี่ยวซื่อและประมุขศักดิ์สิทธิ์สลับคืนร่างเดิมแล้ว ประมุขศักดิ์สิทธิ์พาคนที่หายตัวไป ไม่ว่าเป็นหรือตายกลับไป ในสิบเจ็ดคน มีสามคนเป็นศิษย์ของนิกายศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเข้ามาทีหลัง ทั้งหมดยังมีพลังปราณอยู่ ยอดฝีมือขั้นไท่ซวีผู้นั้นก็ไม่เป็นอะไรร้ายแรง ส่วนศพคนที่เหลือถูกส่งไปยังหน่วยราชการท้องถิ่น ให้ครอบครัวพวกเขานำกลับไป

คนที่ยังมีชีวิตถูกมารดาภูติผีลบความทรงจำไปแล้ว พวกเขาจำได้เพียง ตนเคยต่อสู้กับผู้บำเพ็ญมารคนหนึ่งในเมือง นอกจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก ยมโลกเกี่ยวข้องกับความลับของเยี่ยนเสี่ยวซื่อ ประมุขศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ประกาศกระบวนการทั้งหมดสู่ภายนอก แน่นอน ปฏิเสธด้วยว่าอยู่ในอาณาเขตของนิกายเซียน

“ไม่ได้เข้าไปในม่านพลังของนิกายเซียน แต่บังเอิญอยู่นอกม่านพลังของนิกายเซียน เป็นแดนลับที่หายไปแห่งหนึ่ง ยามนี้แดนลับนั้นถูกข้าปิดผนึกแล้ว” ประมุขศักดิ์สิทธิ์กล่าวกับประมุขหลินและผู้พิทักษ์อาวุโสทุกท่าน

ศิษย์นิกายศักดิ์สิทธิ์ที่ต่อสู้กับผู้บำเพ็ญมารในวันนั้น และพวกของศิษย์พี่จิ้งที่รีบไปตรวจสอบที่เกิดเหตุภายหลัง ล้วนคิดว่าเป็นม่านพลังนิกายเซียนที่กั้นพวกเขาไว้ด้านนอก แต่ในเมื่อประมุขศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่าเป็นม่านพลังของแดนลับ เช่นนั้นก็เป็นม่านพลังของแดนลับ

ประมุขศักดิ์สิทธิ์ถูกเสมอ นิกายศักดิ์สิทธิ์ไม่มีทางโกหก อย่างน้อยก็ไม่มีทางโกหกให้นิกายเซียน

ทั่วทั้งนิกายเซียน มีเพียงสุ่ยเยว่ชิงกับชายชราผมขาวที่เห็นประมุขศักดิ์สิทธิ์อยู่กับครอบครัวเยี่ยนจิ่วเฉา แต่หลังจากพวกเขากลับมาที่สำนักก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ จึงไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเคยมีความสัมพันธ์กัน อีกอย่างในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ได้ติดต่อกับนิกายเซียน อย่างน้อยพวกเขาก็คิดเห็นเช่นนั้น ดังนั้นประมุขศักดิ์สิทธิ์จึงไม่มีเหตุผลในการยกเว้นให้นิกายเซียน

เยี่ยนเสี่ยวซื่อกลับมาที่เขาเซิ่งเฟิงอีกครั้ง

เมื่อพวกฟู่หรูเสวี่ยเห็นนางปรากฏตัวในสวนดอกไม้งามสะพรั่ง ดูโดดเด่นจนสวนที่เต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิดูชืดสนิท ก็สงสัยว่าตนตาฝาดไป!

“ข้าตาฝาดไปหรือไม่? นางมารนั่นกลับมาอีกแล้ว?”

“นางไม่กลัวอัสนีบาตหรือ?”

“นาง นาง นาง…นางกลับมาพร้อมกับประมุขศักดิ์สิทธิ์!”

“ยังมีสหายของประมุขศักดิ์สิทธิ์ด้วย! ทั้งสาม…ทั้งสามคนขึ้นไปบนภูเขาด้วยกัน! ไม่สิ! พวกเขาเข้าไปในห้อง!”

หากไม่มีคำสั่งประมุขศักดิ์สิทธิ์ พวกนางไม่กล้าแม้แต่จะย่างกรายเข้าห้อง ต้มชาเทน้ำ สตรีผู้นั้นกลับเข้าไปอย่างหน้าเชิดคอตั้ง?!

น่าโมโหจริง!

เยี่ยนเสี่ยวซื่อมาหาประมุขศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้เขาคลายสะกด

“ข้าได้ยินหมดแล้ว! มารดาภูติผีให้ไข่มุกเจ้าเม็ดหนึ่ง! ไม่สิ ให้ไข่มุกข้าเม็ดหนึ่ง! หากมีไข่มุกนั้น ข้าก็ไม่จำเป็นต้องใช้การสะกดของเจ้า!”

ความจริง เยี่ยนเสี่ยวซื่อง่วนอยู่กับการเกลี้ยกล่อมสือโถวน้อยที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่ได้ฟังการสนทนาระหว่างประมุขมารกับมารดาภูติผีอย่างละเอียด ทว่ายามสลับร่างกับประมุขศักดิ์สิทธิ์ นางได้รับรู้ถึงประโยชน์ของไข่มุกที่มีต่อนาง จากความคิดที่ยังหลงเหลืออยู่ในหัวตน

กล่าวเช่นนี้อาจดูเป็นนามธรรมสักหน่อย แต่ขณะนั้นมีเสียงสะท้อนในใจของประมุขศักดิ์สิทธิ์ดังอยู่ในหัวนาง ‘หากมีไข่มุกนี้ ก็จะสามารถคลายสะกดให้นางได้’

“ไข่มุกนี้สามารถรักษาไอมารในร่างกายของข้าได้ใช่หรือไม่? เช่นนั้นเจ้ายังไม่รีบคลายสะกดให้ข้าละ?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อคุกเข่าลงข้างโต๊ะเล็ก แล้วโน้มตัวกับโต๊ะ มองประมุขศักดิ์สิทธิ์ด้วยสายตาทั้งขุ่นเคืองทั้งอ้อนวอน

“ไม่ได้”

“ไม่ได้”

ประมุขศักดิ์สิทธิ์กับประมุขมารเอ่ยขึ้นพร้อยกันโดยไม่นัดหมาย

เยี่ยนเสี่ยวซื่อมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ

พวกเจ้าหายใจด้วยรูจมูกข้างเดียวกันหรือ? ชัดเจนเช่นนี้

อวดความรักก็มิใช่เช่นนี้!

เหตุผลที่ทั้งสองไม่เห็นด้วย เพราะการสะกดภายในของเยี่ยนเสี่ยวซื่อคลายไปแล้ว เพียงแต่นางไม่รู้เท่านั้น แต่นางไม่รู้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย อย่างน้อยก็ไม่ใช่สำหรับทั้งสอง

“ข้าจะไม่ยอมแพ้! หากเจ้าไม่คลายสะกดให้ข้า ข้าก็จะไม่ออกไปจากวังของเจ้า! ข้าจะบอกเจ้าไว้ ข้า ข้า ข้า…ข้าจริงจังนะ! ข้ากินจุมาก! ข้ากินเยอะมากๆ! เจ้า…สัตว์วิญญาณหลังเขาเจ้าจะถูกข้ากินเกลี้ยง!”

หลังจากเยี่ยนเสี่ยวซื่อพูดคำพูดโหดร้ายดุดันจบ ก็หยิบธนูออกไป

เพื่อพิสูจน์ว่าตนสามารถกินเขาของประมุขศักดิ์สิทธิ์ได้จริง นางจะพยายามอย่างหนัก

ประมุขศักดิ์สิทธิ์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ตัวเขาเองอาจไม่สังเกต ทว่าไม่ได้หลบสายตาของประมุขมาร

ประมุขมารหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด

เยี่ยนเสี่ยวซื่อไปล่าสัตว์ ครั้งหนึ่งก็หายไปทั้งวัน

ประมุขศักดิ์สิทธิ์นั่งคุกเข่าอ่านหนังสืออยู่บนเสื่อ แสงอาทิตย์อัสดงสีส้มแดง ส่องกระทบหนังสือโบราณที่มีกลิ่นหอมของหมึก ประมุขมารนอนบนเปลอย่างสบายๆ มือข้างหนึ่งหนุนศีรษะ อีกข้างเล่นขลุ่ยทอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]