ซั่งกวนเยี่ยนจับมืออวี๋หวั่น “แล้วหากข้าจะพานางไปเล่า?”
มุมปากของสวี่เสียนเฟยกระตุก “เช่นนั้นข้าก็ต้องจับเจ้าไปด้วย”
ทันทีที่นางเอ่ยจบ ก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้งจากด้านนอกห้องโถง “ฮ่องเต้เสด็จ——”
คิ้วของสวี่เสียนเฟยกระตุก โมงยามเช่นนี้ เหตุใดฮ่องเต้จึงเสด็จมา?
นางหันมองซั่งกวนเยี่ยนที่อยู่ด้านข้าง ซั่งกวนเยี่ยนยิ้มให้นางอย่างมีชัย นางแอบขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ซั่งกวนเยี่ยนเป็นคนเชิญฮ่องเต้มา! น่าเสียดายนักที่สตรีผู้นี้มิได้แต่งเข้าวังหลัง!
สวี่เสียนเฟยและซั่งกวนเยี่ยนไปต้อนรับฮ่องเต้ด้วยตนเองที่ห้องโถงใหญ่ อวี๋หวั่นถูกทิ้งไว้ในห้องด้านข้างกับองครักษ์ของซั่งกวนเยี่ยนที่อยู่ล้อมรอบเธอ และจ้องมองยอดฝีมือแห่งตำหนักเสียนฝูดังเช่นพญาเสือเฝ้าตะครุบเหยื่อ
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญ” สวี่เสียนเฟยยิ้มอ่อนโยน ถวายบังคมอย่างนุ่มนวล
ซั่งกวนเยี่ยนก็ก้าวไปข้างหน้าและถวายบังคม “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฮ่องเต้ “ฮูหยินเซียวก็มาที่นี่ด้วยหรือ?”
สวี่เสียนเฟยกำลังจะอ้าปากฟ้องเรื่องนาง ซั่งกวนเยี่ยนก็ชิงเอ่ยก่อน “ใช่แล้ว ใช่แล้วเพคะ พระสนมเชิญหม่อมฉันมาเพคะ!”
สวี่เสียนเฟยตกตะลึง ข้าไปชวนเจ้าเมื่อใดกัน?
ในขณะที่นางพยายามจะอธิบาย ฮ่องเต้ก็เอ่ยอีกครั้ง “เจ้าเรียกข้ามา แล้วก็ยังเรียกฮูหยินเซียวมาอีก มีเรื่องน่ายินดีอันใดหรือ?”
“แน่นอนเพคะ! พระสนมได้เชิญนักปรุงอาหารผู้มากฝีมือในหมู่ประชาชนมา หวังจะทำอาหารเลิศรสให้พระองค์เสวยเพคะ!” ปากของซั่งกวนเยี่ยนเร็วจนสวี่เสียนเฟยไม่อาจหาช่องแทรกได้
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” ฮ่องเต้มองสวี่เสียนเฟยด้วยดวงตาอ่อนโยน “ตั้งแต่ข้าหายจากอาการป่วย ความอยากอาหารของข้าก็ยังไม่ดีนัก สนมรักของข้าก็ยังใส่ใจ”
ยามนี้จะกล่าวว่าไม่ได้เชิญพ่อครัวมาเพราะฮ่องเต้ก็เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว สวี่เสียนเฟยต้องกล้ำกลืนความเสียหายอย่างไม่อาจเอ่ยสิ่งใด
“พระสนม ฮ่องเต้เสด็จมาแล้ว บอกให้พ่อครัวเตรียมอาหารเย็นได้แล้วกระมัง” ซั่งกวนเยี่ยนยิ้มพร้อมเอ่ยกับสวี่เสียนเฟยจนจบโดยไม่เปิดโอกาสให้นางได้พูด ก่อนจะเอ่ยกับฮ่องเต้ต่อ “ฝ่าบาทอาจยังมิทราบ พ่อครัวที่พระสนมเชิญมาเป็นคนของหอจุ้ยเซียนที่เอาชนะหอเทียนเซียงในงานแข่งขันปรุงอาหารระดับเทพ พวกเขามีแม่ครัวหญิงผู้หนึ่ง ทักษะการทำอาหารของนางยอดเยี่ยม ผู้คนต่างก็เรียกนางว่าแม่นางตู้คนที่สอง!”
“จริงรึ?” ฮ่องเต้ก็เคยได้ยินเรื่องแม่นางตู้ ทว่าไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติฝีมือของนาง “รีบนำอาหารมาเถิด ข้าหิวแล้ว”
…
กล่าวกันว่านายท่านฉินถูกขันทีอู๋กักตัวให้อยู่ในห้องครัวเล็กๆ แม้แต่แมลงวันก็ยังออกไปไม้ได้ นายท่านฉินกระวนกระวาย จนเกือบคิดว่าจะทำให้ขันทีอู๋เป็นลมด้วยไม้นวดแป้ง ทว่าโชคดีที่อวี๋หวั่นปรากฏตัวได้ทันเวลา
“แม่นางอวี๋?” ขันทีอู๋ผงะ
อวี๋หวั่นกล่าวด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ฮ่องเต้บอกให้ข้ามาทำอาหาร ข้าขอเข้าไปได้ไหม?”
ขันทีอู๋ตกตะลึง “แน่…แน่นอน”
อวี๋หวั่นจึงเดินเข้าไปในห้องครัวเล็กๆ
นายท่านฉินดึงเธอไปที่มุม และกวาดสายตาสำรวจมองเธอขึ้นลง
“ข้าไม่ได้บาดเจ็บ” แค่ว่าคุกเข่านานแล้วก็เจ็บนิดหน่อย
นายท่านฉินลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกและถามว่า “เกิดอันใดขึ้น? สนมเซียนเซียนบอกอะไรเจ้า? เหตุใดนางจึงกักขังเจ้าไว้นานเพียงนี้?”
อวี๋หวั่นตอบไปว่า “เรื่องมันยาว”
นายท่านฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นางเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับองค์ชายรองแล้วก็มาโทษเจ้ารึ?”
“อื้ม” อวี๋หวั่นพยักหน้า
“เรื่องนี้เป็นความผิดข้า!” นายท่านฉินตบตัวเอง
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างใจเย็น “สวี่เสียนเฟยเรียกพบข้า ท่านขัดไม่ได้หรอก อย่าได้ตำหนิตัวเองเลย”
ถึงจะกล่าวเช่นนั้น นายท่านฉินก็ยังคงโทษตัวเองอยู่มาก ถึงแม้อวี๋หวั่นจะไม่เป็นไร ทว่าหากมันเกิดขึ้นเล่า เขากลัวว่าจะต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
เมื่อนึกขึ้นได้ นายท่านฉินจึงกล่าวว่า “จริงสิ เมื่อครู่เจ้าบอกว่าฮ่องเต้เสด็จมา มันเรื่องอันใดกัน?”
อวี๋หวั่นเดินไปที่เตาและเปิดโถที่มีเต้าหู้เหม็น “ขากลับข้าจะค่อยๆ เล่าให้ท่านฟัง ตอนนี้ทำอาหารกันก่อนเถิด อย่าให้ฝ่าบาทต้องรอ”
…
ณ ห้องโถงใหญ่ ฮ่องเต้นั่งลงพร้อมกับสวี่เสียนเฟยและซั่งกวนเยี่ยน
สวี่เสียนเฟยต้องกล้ำกลืนความผิดพลาดอย่างไม่เต็มใจ นางย่อมไม่ปล่อยให้ซั่งกวนเยี่ยนปล่อยคนของตนไปโดยไร้ประโยชน์ นางมองไปยังฮ่องเต้ซึ่งกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ พลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “ในเมื่อฮ่องเต้ทรงอยากลิ้มรสชาติฝีมือของแม่นางตู้น้อย เช่นนั้นวันนี้ก็ให้นางทำอาหารทั้งหมดเถิด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]