หลังจากทั้งสามเลื่อนขั้นเป็นเซียน ก็มาถึงพื้นที่ราบว่างเปล่า ล้อมรอบด้วยภูเขาสามด้าน ด้านหน้ามีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ อาจเพื่อให้เหมาะสมกับขั้นต่อไปที่ไม่เหมือนใคร รอบด้านจึงเต็มไปด้วยไอเซียนที่ล่องลอยหนึ่งฉื่อถึงสองฉื่อ หรืออาจเรียกได้ว่าหมอกกลางภูเขา
ทั้งสามยืนอยู่บนพื้นที่โล่ง มองไปรอบๆ อย่างตื่นตะลึง
“ที่นี่…ก็คือดินแดนด้านบนหรือ?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อถามด้วยสีหน้างุนงง ไม่เห็นมีสิ่งใดต่างจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย! แน่นอนว่าต่างจากบ้านเกิดของนางหรือไม่ นางไม่รู้ อย่างไรเติบโตมาถึงบัดนี้ นางก็ยังไม่เคยไปจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ
ประมุขมารและประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็มีสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน นอกจากไอวิญญาณที่หนาแน่นกว่าเล็กน้อย ก็ดูเหมือนว่าที่นี่ไม่แตกต่างจากดินแดนด้านล่างมากนัก
แล้วก็ยังรกร้างมากกว่าสักหน่อย
ในระยะร้อยหลี่ ทั้งสองไม่รับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตใดๆ
สิ่งมีชีวิตในที่นี้ไม่จำกัดเพียงมนุษย์หรือสัตว์เดรัจฉาน
“หรือจะมาผิดที่? ดินแดนด้านบน…กระจอกเช่นนี้รึ?” ประมุขมารจะเอ่ยคำว่ากระเจี๊ยว แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก ก็นึกได้ว่าเยี่ยนเสี่ยวซื่ออยู่ข้างๆ ไม่อยากพูดจาหยาบโลน จึงเปลี่ยนเป็นคำว่ากระจอก
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว เขามีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปี ย่อมรู้มากกว่าประมุขมารหนุ่มที่เพิ่งมารับตำแหน่งอย่างเสี่ยวเจา ทว่าจากความรู้ของเขา เขาเองก็ไม่คิดว่าดินแดนด้านบนจะเป็นเช่นนี้
“ขึ้นมาจากเส้นทางผ่านเลื่อนขั้นเซียน ไม่น่าผิด หรือว่าเรายังอยู่ที่ขอบของดินแดนด้านบน?” เขาพึมพำ
“อ๊ะ!” จู่ๆ เยี่ยนเสี่ยวซื่อที่ก้มลงมองมือสองข้างของตนก็ตะโกนออกมา “ข้าพบเรื่องหนึ่ง! จู่ๆ ข้าก็มีพลังเก่งกาจขึ้นมา! สะกดของข้าถูกคลายแล้วใช่รึไม่?”
หัวใจทั้งสองสะดุ้งตึกตัก
แย่แล้ว แย่ยิ่งกว่ารู้ว่าดินแดนด้านบนรกร้างวังเวงเช่นนี้เสียอีก!
หากสตรีผู้นี้รู้ว่าตนทำอะไรก็ได้ตามต้องการ เกรงว่าพวกเขาต้องตกระกำลำบากเป็นแน่!
ประมุขมารกล่าวว่า “ยังไม่ได้คลาย! เจ้าแค่ถูกมหันตภัยอัสนีฟาดจนเปิดรอยร้าวในสะกดพลังเท่านั้น!”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า “ใช่ เจ้าอย่าใช้พลังสุ่มสี่สุ่มห้าเชียว สะกดจำเป็นต้องคลายอย่างช้าๆ หากรีบร้อนอาจส่งผลต่อร่างกายเจ้า”
สองคนที่ไม่ถูกกันเช่นน้ำกับไฟ สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแก้ไขปัญหานี้!
“…โอ้” เยี่ยนเสี่ยวซื่อพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองเคร่งขรึมเช่นนี้
“แต่หากสะกดคลายแล้ว ข้าจะสามารถออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปดูน้าเถี่ยตั้นแต่งงานได้…” เยี่ยนเสี่ยวซื่อกล่าวเสียงแผ่ว
“เจ้ายังไม่ได้คลาย!” ทั้งสองเอ่ยพร้อมกัน!
เยี่ยนเสี่ยวซื่อผงะกับท่าทีทั้งสอง รู้ว่าเจ้าสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดี แต่ต้องพร้อมใจกันเอ่ย แสดงจิตใจที่ตรงกันเช่นนี้เลยรึ
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็เอ่ยขึ้นกะทันหัน “เช่นนั้นเดินต่อไปก่อนเถอะ ดูว่าจะพบสิ่งใดใหม่หรือไม่”
ดินแดนด้านบนกว้างใหญ่เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้บำเพ็ญอยู่สักคน
ผู้เป็นเซียนมากมายเหล่านั้น คงไม่ใช่ว่ามาถึงที่นี่แล้วทยอยหายตัวไป
“อื้ม” ประมุขมารเห็นด้วย
จุดประสงค์หลักที่พวกเขามาที่นี่ เพื่อหาอาหารให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อ ดังนั้นจะพบผู้บำเพ็ญหรือไม่ เขาไม่ได้สนใจ ขอเพียงมีสัตว์วิญญาณที่ทรงพลังเพียงพอก็พอ
“จะไปทางใด?” เยี่ยนเสี่ยวซื่อขยี้ตาง่วงนอน
เวลาที่นี่กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตรงกัน เยี่ยนเสี่ยวซื่อนอนแต่หัวค่ำ ยามบ่ายก็ต้องงีบหลับ ทว่าวันนี้ด่านอัสนีกินเวลาทั้งบ่าย ฟ้ายังไม่ทันมืดนางก็เริ่มง่วงเสียแล้ว
ประมุขมารก้มตัวลงเอ่ย “ขึ้นหลังข้า นอนเถอะ”
เยี่ยนเสี่ยวซื่อหาว นอนลงบนหลังเขา ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
เมื่อเห็นเยี่ยนเสี่ยวซื่อนอนบนหลังบุรุษอย่างง่ายดาย ประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ขมวดคิ้วจางๆ ที่ไม่อาจมองเห็น
เยี่ยนเสี่ยวซื่อไม่ใช่คนที่จะเข้าหาผู้อื่นได้ง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอีกฝ่ายยังเป็นบุรุษ ความจริงแล้ว แม้แต่เยี่ยนเสี่ยวซื่อเองก็ไม่สามารถบอกได้ ว่าเหตุใดตนไม่ปฏิเสธความใกล้ชิดของประมุขมารแม้แต่น้อย
ตอนแรกยังกังวลว่าเขาจะฆ่าตนอยู่แท้ๆ แต่ยิ่งอยู่ด้วยกัน ก้นบึ้งหัวใจนางก็ยิ่งรู้สึกว่าคนผู้นี้ไว้ใจได้
เยี่ยนเสี่ยวซื่อนอนอยู่บนแผ่นหลังกว้างใหญ่ของประมุขมาร หัวเล็กเอียงลงมาบนไหล่ของเขา
“ท่านพี่เสี่ยวเจา” นางเอ่ยอย่างสะลึมสะลือ “ข้าหลับละนะ”
“อืม นอนเถอะ” ประมุขมารตอบนางเบาๆ น้ำเสียงของเขานุ่มนวลทุ้มกังวล
เยี่ยนเสี่ยวซื่อหลับไปในไม่ช้า
ประมุขศักดิ์สิทธิ์เบือนหน้าหนีอย่างไม่ให้เป็นที่สังเกต หันตัวเดินไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
เดินไปทางใด ประมุขมารไม่มีปัญหา เด็กหญิงตัวเล็กๆ อยู่บนหลังของเขา เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว
แม้เขาจะรู้ว่านางไม่มีทางหนาว แต่ก็ยังหยิบเสื้อคลุมจากแหวนเฉียนคุนอออกมาคลุมตัวนาง
ประมุขศักดิ์สิทธิ์เดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ฝ่าเท้าก้าวเร็วขึ้นเล็กน้อย
ประมุขมารเห็นปฏิกิริยาของเขา มุมปากพลันยกขึ้นเบาๆ เดินตามไปแล้วเอ่ยว่า “ทำไม? ไม่สบายใจรึ?”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองปราดหนึ่ง ไม่สนใจเขา
ประมุขมารเอ่ยว่า “อย่าลืมว่าเจ้าอายุเท่าใดแล้ว อย่าคิดจะเป็นวัวแก่กินหญ้าอ่อน”
ประมุขศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้วมองเขา หากไม่มีเยี่ยนเสี่ยวซื่ออยู่บนหลังของเขา เกรงว่าประมุขศักดิ์สิทธิ์คงสู้กับเขาไปแล้ว “หากยังพูดเหลวไหล ระวังข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ฆ่าได้หรือ?” ประมุขมารเอ่ยอย่างเย่อหยิ่ง
ประมุขศักดิ์สิทธิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ที่นี่ไม่ใช่แดนมาร แม้เจ้าจะใช้ไอวิญญาณบำเพ็ญได้ แต่เจ้าก็ยังคุ้นเคยวิชาของเผ่ามารอยู่ดี เจ้าคิดว่าผู้ใดมีโอกาสชนะมากกว่ากันละ?”
ไอ้สวะสารเลว!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]