ก่อนเข้านอน อวี๋หวั่นแวะไปยังห้องของเด็กน้อยทั้งสาม เอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่าหลับไปแล้ว ต้าเป้ากำลังง่วนอยู่กับขวดนมของเขาอยู่
อวี๋หวั่นทำขวดนมของพวกเขาทั้งสามขึ้นมาจากหนังแพะ ความทนทานไม่อาจเทียบเท่าขวดนมในยุคปัจจุบัน อวี๋หวั่นจึงกำหนดระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยนเป็นใบใหม่ ไม่รู้ว่าอวี๋หวั่นคิดไปเองหรือไม่ แต่ต้าเป่าใช้ขวดนมนานกว่าเสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่า
“ยังไม่นอนอีกหรือ? ทำอะไรอยู่” อวี๋หวั่นเดินเข้าไปลูบศีรษะน้อยๆ ของเขา
ต้าเป่ายังไม่พูด แต่เขาอยู่กับเยี่ยนอ๋องมานาน เยี่ยนอ๋องสอนเถี่ยตั้นน้อยเขียนหนังสือ เขาก็ได้เรียนมาบ้าง ตอนนี้จึงเขียนตัวอักษรได้แล้ว
ต้าเป่าหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนว่า “ขวดนมพัง ข้าซ่อมอยู่”
อวี๋หวั่นรู้สึกเอ็นดูเหลือเกิน ทำไมการใช้คำของลูกเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคย ราวกับเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก
อวี๋หวั่นจึงหยอกว่า “เจ้าซ่อมขวดนมได้ด้วย เก่งจริงๆ”
ต้าเป่าพยักหน้า
ก็เขาเก่งจริงๆ นั่นแหละ
โอ๊ย ลูกของเธอน่ารักเหลือเกิน อวี๋หวั่นเอ็นดูเขาจนไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไร และอดหลุดยิ้มไม่ได้ “เจ้ากินมากกว่าน้องอีกสองคนหรือ? ทำไมขวดนมของพวกเขายังไม่เป็นไร แต่ของเจ้ากลับพังเสียแล้ว?”
ต้าเป่าไม่ตอบอะไร
ที่จริงก็กินมากกว่าน้องอีกสองคน แต่เขาไม่ได้กินเอง
ต้าเป่ากลัวว่าเรื่องที่ตนรับหน้าที่เป็นแม่นมให้น้องสาวจะถูกเปิดเผย นำมาซึ่งชื่อเสียงอันป่นปี้ของเขา จึงกัดฟัน ไม่ยอมตอบอะไร
ความกังวลของเขาถูกถ่ายทอดผ่านสีหน้า เพียงแต่อวี๋หวั่นไม่ได้นึกไปถึงเยี่ยนเสี่ยวซื่อ เธอคิดว่าต้าเป่ากัดขวดนม สุดท้ายก็กลัวจะโดนเธอเอ็ด อวี๋หวั่นไม่ได้จะกล่าวโทษลูก เธอหยอกเขาเล่นก็เท่านั้น ก็แค่ขวดนมไม่ใช่หรือ ใช้จนพังแล้วก็ทำใบใหม่ เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย!
อวี๋หวั่นลูบศีรษะของเขา “เอาเถอะ ไม่ต้องเศร้าไป แม่ไม่ได้ว่าอะไร ประเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่ทำให้ใหม่”
ต้าเป่าส่ายหน้า ‘ข้าซ่อมได้’
อวี๋หวั่นชะงักไป “…เข้าใจแล้ว เจ้าซ่อมไปเถิด”
แม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่เมื่ออวี๋หวั่นกลับห้องไป เธอก็ลงมือทำขวดนมใบใหม่ให้ลูกชาย
……
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจวนคุณชายนั้นเป็นเรื่องใหญ่ แต่โดยรอบจวนคุณชายนั้นไม่มีเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้นนอกจากคนในจวนคุณชายแล้ว คนนอกไม่กระจ่างว่าเกิดอะไรขึ้น
สาส์นในราชสำนักนั้นมีมากประหนึ่งเกล็ดหิมะในเหมันตฤดู เยี่ยนอ๋องไล่อ่านทีละฉบับ เขาไม่ได้ลอกเลียนลายมือของเยี่ยนจิ่วเฉา ขุนนางใหญ่ที่คุ้นเคยกับเขาจำนวนไม่น้อยจดจำลายมือของเขาได้ แต่ไม่มีผู้ใดคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจัดการสาส์นเองไม่ได้ ทุกคนล้วนแต่คิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจงใจทำเช่นนี้
รู้อยู่แล้วว่าเจ้านั่นไม่เอาไหน หลังจากได้เป็นผู้สำเร็จราชการก็คงกินหรูอยู่สบายจนอ้วนท้วน ปล่อยให้บิดาบังเกิดเกล้าเค้นสมองเก็บกวาดหน้าที่ของตน
จะว่าไปเรื่องนี้ก็น่าขันยิ่งนัก หากเป็นคนอื่น คงถูกผู้ตรวจการแผ่นดินร้องเรียนไปไม่รู้กี่ร้อยครั้ง แต่เยี่ยนจิ่วเฉามีวีรกรรมมานับครั้งไม่ถ้วน ขอแค่เขาไม่ออกมาอาละวาด ทุกคนก็รู้สึกซาบซึ้งใจมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเยี่ยนอ๋องมีความสามารถในการบริหารกิจการแผ่นดิน หรือจะเรียกว่ามีพรสวรรค์ก็คงได้
หลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉาใช้วิธีการอันเหี้ยมโหดจัดการกับขุนนางฉ้อฉลกลุ่มหนึ่ง เหล่าขุนนางในราชสำนักต่างก็อกสั่นขวัญแขวนกันถ้วนหน้า บัดนี้เยี่ยนอ๋องเข้ามาจัดการงานแทน ทุกคนย่อมรู้สึกขอบคุณเยี่ยนอ๋อง
แน่นอนว่าทุกเรื่องล้วนมีข้อยกเว้น ที่ปรึกษาของเยี่ยนไหวจิ่งแนะนำให้เยี่ยนไหวจิ่งฉวยโอกาสในตอนนี้ หาหลักฐานการกระทำผิดของเยี่ยนจิ่วเฉามาบีบให้เยี่ยนอ๋องส่งมอบอำนาจบริหารกิจการแผ่นดินมาให้เขา
ตามหลักการและเหตุผลแล้ว เรื่องนี้สามารถทำได้
แต่เยี่ยนไหวจิ่งก็มิได้ทำเช่นนั้น
เขาเกลียดเยี่ยนจิ่วเฉาก็จริง แต่ศัตรูอยู่เบื้องหน้า เขาจำต้องเก็บความแค้นส่วนตัวไว้เป็นเรื่องรอง
…..
“ท่านอ๋อง”
ขณะที่เยี่ยนอ๋องกำลังจัดการราชกิจอยู่ในห้องหนังสือ อิ่งสือซันก็เดินเข้ามา
“มีอะไร” เยี่ยนอ๋องซึ่งกำลังอ่านสาส์นชะงักไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]