ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณหลับตาลง สัมผัสความเคลื่อนไหวในจวนคุณชาย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของไข่มุกวิญญาณ แต่กลับไร้ซึ่งกลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์ จึงคาดเดาว่าไข่มุกวิญญาณกลบกลิ่นอายข้องราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยเอาไว้
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เขาเคยเห็นภาพวาดมาก่อน เขารู้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยหน้าตาเป็นอย่างไร เพียงแค่ลักพาตัวราชาศักดิ์สิทธิ์มาก็พอแล้ว และแผนการนี้มิใช่เพียงเพื่อให้พวกเขาควบคุมจวนคุณชายได้ง่ายขึ้น แต่เพื่อใช้ประโยชน์จากราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยในภายภาคหน้าอีกด้วย
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณยกมือขึ้นชี้ “ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่ทางนั้น เป้าหมายของพวกเรานั้นมีมาก แยกกันลงมือ ข้าจะไปหาไข่มุกวิญญาณ พวกเจ้าไปจับเด็กคนนั้น จำไว้ว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นหากไม่จำเป็น แม้จะเป็นเพียงจวนคุณชาย ไม่มีอะไรให้น่ากลัว แต่ถ้าหากทหารทั้งเมืองหลวงมาที่นี่ละก็คงยุ่งยากน่าดู ข้าไม่อยากเปิดฉากสงครามในคืนนี้”
ลำพังพลังของทั้งสาม ต่อให้เหล่าทหารกรูกันมา พวกเขาก็สามารถหลบหนีได้ แต่นั่นก็จะนำมาซึ่งความเสียหายมหาศาล ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าจะต้องสังหารคนเท่าไร แต่หลังจากที่สังหารแล้วเล่า?
การรบโดยไม่เสียเลือดเสียเนื้อ จึงจะนับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุด
ขอเพียงได้ราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยมา ทุกอย่างก็จะราบรื่น
“อีกประเดี๋ยวมาพบกันที่นี่” ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณบอก
“ตกลง” ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมและราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรตอบพร้อมกัน
ทั้งสามคนเข้าไปในจวนคุณชายด้วยทางเข้าคนละทาง และมุ่งหน้าตรงไปยังเรือนหลักของจวนคุณชาย
ในตอนนี้ เยี่ยนเสี่ยวซื่อกำลังถือไข่มุกวิญญาณ หลับไปอย่างสบาย
ตอนกลางวันเล่นสนุกเสียเต็มอิ่ม หลังจากที่เซียวเจิ้นถิงกลับไปแล้ว อวี๋หวั่นก็ป้อนเลือดให้ไข่มุกวิญญาณ และปล่อยให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อซึ่งนอนอยู่ในเปลถือไข่มุกวิญญาณไว้ในมือ
ในที่สุด เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็หลับไป
ครั้งนี้นางนอนหลับสนิท
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมิได้ใส่ใจเด็กทารกในห่อผ้า เขาไม่ได้เข้าไปในห้องด้วยซ้ำ เขาเพียงแต่ยืนอยู่บนหลังคา แล้วใช้พลังภายในดึงไข่มุกวิญญาณขึ้นมา ไข่มุกวิญญาณชนกับเพดานห้อง จากนั้นก็หล่นลงไปบนพื้น จากนั้นก็ถูกแรงมหาศาลดึงขึ้นไปจนหลังคาเรือนทะลุเป็นโพรง สุดท้ายแล้วก็อยู่ในมือของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณ
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณมองไปยังไข่มุกวิญญาณซึ่งสูญหายไปนาน ในใจของเขาก็พลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา
ในที่สุดสมบัติล้ำค่าของเผ่าก็ถูกเขาตามหาพบแล้ว การบรรลุขีดจำกัดของระดับพลังของเขาก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว!
ขณะที่ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณหันหลัง หมายจะเดินออกมา เงาสีดำเล็กๆ เงาหนึ่งก็เดินลับๆ ล่อๆ ออกมา
ต้าเป่ากำลังมาป้อนนมให้น้อง
น้องเล็กของเขามากเรื่องเหลือเกิน ขวดนมใหม่ก็ไม่ยอมดื่ม ต้องดื่มนมจากขวดเดิม เขาจึงรีบกลับไปเปลี่ยนขวดนม ไม่คิดเลยว่าน้องเล็กจะหลับไปเสียแล้ว
เอาเถอะ
ต้าเป่าลูบหน้าผากของนางด้วยความเอ็นดู แล้วหันหลังเดินออกไป
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณจดจำเขาได้ทันใด
เดี๋ยวก่อน นี่ไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยในภาพหรอกหรือ?
เป็นเพราะกลิ่นอายของไข่มุกวิญญาณยังคงอยู่ มันจึงกลบกลิ่นอายของราชาศักดิ์สิทธิ์ตัวน้อยไปจนหมด ด้วยเหตุนี้เองราชาศักดิ์สิทธิ์จึงทำได้เพียงอ้างอิงจากภาพวาด
ราชาศักดิ์สิทธิ์มองต้าเป่าอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจแล้วว่าเด็กคนนี้คือเด็กคนเดียวกับในภาพ เขาจึงรีบเหาะลงไป คว้าต้าเป่าก่อนที่ต้าเป่าจะเดินออกมาจากห้อง
ทว่าในตอนนั้นเอง ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมและราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรซึ่งแยกเข้าทางด้านหน้าและด้านหลัง ก็เข้าไปยังเรือนของเยี่ยนอ๋อง ต่างก็พบกับเหยื่อของตนเอง เสี่ยวเป่าเพิ่งกลับมาจากการปลดทุกข์ ก็ถูกเงาสีดำจับไป เอ้อร์เป่าซึ่งกำลังแอบกินลูกกวาดในห้องครัวก็ถูกรวบตัวไปเช่นกัน
วรยุทธ์ของทั้งสองคนเหนือกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพา ย่อมไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นพวกเขา
ยามที่ทั้งสามคนอุ้ม ‘รางวัล’ จากสงครามกลับมายังจุดนัดพบ พวกเขาก็พบว่าแต่ละคนต่างมีเด็กอยู่ในมือ
ทั้งสามมีสีหน้างุนงง
เกิดอะไรขึ้น มีราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยสามคนได้อย่างไรกัน?
“พวกเขาเป็น…แฝดสามหรือ?” ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรถามด้วยความตื่นตะลึง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมตอบอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ใช่ฝาแฝดแล้วจะหน้าเหมือนกันขนาดนี้ไหมเล่า?”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรตกใจสุดขีด จนราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิมกลอกตาใส่เขา แต่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจ “ไม่ยักเคยได้ยินราชาศักดิ์สิทธิ์พูดเรื่องนี้? สรุปแล้วคนไหนคือราชาศักดิ์สิทธิ์ คงไม่ได้เป็น…ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนหรอกกระมัง”
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามพยายามสัมผัสกลิ่นอายจากเด็กทั้งสาม แต่ไข่มุกวิญญาณยังคงสว่างอยู่ พลังของมันกลบกลิ่นอายราชาศักดิ์สิทธิ์บนร่างของพวกเขาทุกคน อย่าว่าแต่ราชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นเด็กเลย แม้แต่พวกเขายังสัมผัสกลิ่นอายของตนเองไม่ได้เลย
“ข้าว่า คนที่เจ้าอุ้มอยู่ไม่ใช่ราชาศักดิ์สิทธิ์” ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรมองไปยังเอ้อร์เป่าซึ่งอยู่ในมือราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม “ไม่พูดไม่จา ท่าทางทึ่มๆ”
เอ้อร์เป่าเกิดโทสะขึ้นทันใด “เจ้าสิทึ่ม! พวกเจ้าทึ่มทุกคนเลย!”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรชะงักไป “พูดได้ด้วยรึ…อ่า ข้านึกได้ว่าราชาศักดิ์สิทธิ์บูรพาเหมือนจะเคยบอกว่าราชาศักดิ์สิทธิ์น้อยพูดไม่ได้ เหอะๆๆ ต้องเป็นคนที่ข้าจับมาแน่นอน!”
ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเป่าก็พูดขึ้นว่า “ต้าเป่า! ทำไมเจ้าถือขวดนมละ เจ้าแอบไปป้อนนมน้องเล็กอีกแล้วใช่ไหม?”
ราชาศักดิ์สิทธิ์อุดรชะงักไปอีกครั้ง ทำไม…เจ้านี่ก็พูดได้ละ
ต้าเป่าซึ่งอยู่ในมือของราชาศักดิ์สิทธิ์ทักษิณก็เดือดดาลขึ้นมา ป้อนนมน้องเล็กอะไรกัน เสี่ยวเป่าพูดอะไร ไม่เห็นจะรู้เรื่อง!
“เจ้ายอมรับซะเถอะ! เจ้าไปป้อนนมน้องเล็กมา!” เสี่ยวเป่าเท้าเอว!
เอ้อร์เป๋าพูดเสียงแหลมว่า “พวกเจ้าพูดอะไรกัน ป้อนนมน้องเล็กอะไร พวกเจ้ามีเรื่องปิดบังข้าอยู่ใช่ไหม มันจะมากไปแล้วนะ!”
ต้าเป่าก้มหน้าด้วยความอับอาย แล้วยกขวดนมขึ้นมาดื่มเสียเอง
ราชาศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามคนมีสีหน้ามึนงง
คล้ายกับมีอะไรไม่ชอบมาพากล
เด็กสามคนนี้เป็นตัวประกันที่พวกเขาจับมาไม่ใช่หรือ? เด็กทั้งสามไม่ได้สนใจว่าพวกตนเป็นคนดีหรือคนร้าย? แต่กลับเปิดฉากทะเลาะกันขึ้นมา? หนึ่งในนั้นอยู่ๆ ก็ยกนมขึ้นมาดื่ม?
พวกเขาจับตัวประกันปลอมมาหรือเปล่าเนี่ย?
พวกเจ้าทำตัวให้เหมือนตัวประกันหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร!
“ปล่อยข้า ข้าจะไปต่อยเขา!” เสี่ยวเป่าหันไปหาราชาศักดิ์สิทธิ์อุดร พร้อมทั้งชี้ไปยังต้าเป่า
“ข้าก็จะต่อยเขา!” เอ้อร์เป่าบอกกับราชาศักดิ์สิทธิ์ประจิม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]