นั่นเป็นเหตุผลที่อาเว่ยต้องสวมถุงมือไหมโลหะเพื่อให้สามารถหยิบหนอนพิษได้
บนร่างกายของอวี๋หวั่นไม่มีสิ่งใดที่จะต่อต้านไป่กู่หวังได้
นางเสร็จแน่ อาเว่ยคิดอย่างภูมิใจ
แต่สิ่งที่ทำให้อาเว่ยต้องรู้สึกประหลาดใจก็คือ แม้หนอนพิษจะถูกโยนลงบนร่างกายของอีกฝ่าย ทว่าก็ยังไม่มีทีท่าจะเคลื่อนไหว
ไป่กู่หวังยังไม่ตื่นรึ?
ไป่กู่หวังไม่หิวรึ?
เจ้าคือไป่กู่หวังที่สามารถปลิดชีพคนได้แม้กระทั่งหลับตานะ!
หากการไม่ขยับใดๆ ทำให้อาเว่ยประหลาดใจแล้ว สิ่งที่เห็นหลังจากนั้นทำให้อาเว่ยถึงกับตกใจ
ราชันร้อยสัตว์พิษกำลังทำสิ่งใด มันยืนสั่นระริกอยู่บนร่างของสตรี!
เป็นไปได้อย่างไร?!
ข้าเอาหนอนพิษมาผิดตัวรึ? เป็นไปไม่ได้ หนอนพิษที่เขาฝึกมากับมือ ไม่มีวันผิดพลาด
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้น แต่อาเว่ยก็มีวิธีของตนเอง เขาหยิบแท่งไฟออกมา ไป่กู่หวังกลัวไฟ หากเพียงใช้ไฟบังคับ ก็จะสามารถกระตุ้นความดุร้ายอันแข็งแกร่งและน่ากลัวภายในของมันออกมาได้
แต่สิ่งที่อาเว่ยคาดไม่ถึงก็คือ เมื่อเขาใช้แท่งไฟบังคับให้ไป่กู่หวังไปกัดอวี๋หวั่น ไป่กู่หวังกลับตัวแข็งทื่อแน่นิ่ง!
นี่ นี่มันตายแล้วหรือ?
อาเว่ยรีบถอดถุงมือออกและบีบไป่กู่หวัง
ทันใดนั้นไป่กู่หวังก็อ้าปากและกัดมือเขา!
อาเว่ย “…”
…
อวี๋หวั่นมีความฝันที่ยาวนาน ในความฝันมีฝนตกหนัก ทั้งหนาวเหน็บและมืดมิด เธอเหมือนยอมแพ้บางสิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ จู่ๆ เธอก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจและก็ตื่นขึ้นจากฝันร้าย
ยามตื่นขึ้นมากลับลืมทุกอย่างสิ้น มีเพียงหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรง เดาได้รางๆ ว่าความฝันเมื่อครู่ ไม่ใช่ความฝันที่สวยงามแต่อย่างใด
เสียงฟ้าร้องหยุดลงแล้ว ฝนก็ตกกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง อวี๋หวั่นปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผากของเธอ และมองไปที่เถี่ยตั้นน้อยที่อยู่ข้างๆ
เถี่ยตั้นน้อยนอนหลับสนิทมาก ไม่รู้ว่าด้านนอกฝนกำลังตก
เม็ดฝนซึมเข้ามาจากรอยแตกใต้ชายคาและหยดลงบนพื้นห้อง อวี๋หวั่นจึงเดินไปที่สวนหลังบ้านเพื่อหากะละมังมารองน้ำฝน กลับได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากบ้านที่อยู่ติดกันโดยไม่ได้ตั้งใจ
หลังจากอวี๋หวั่นนำกะละมังไปรองน้ำฝนในบ้านแล้ว ก็สวมเสื้อคลุมและเดินออกไปทางประตูหลัง มาถึงประตูหลังของบ้านที่อยู่ติดกัน ฝนตกหนักจนกลบเสียงเคาะประตู เธอจึงแง้มกลอนประตูออก และรีบเดินเข้าไปในสวน
เด็กน้อยทั้งสามอาละวาดอยู่ในห้อง ร้องไห้งอแงเสียงดัง ซั่งกวนเยี่ยนปลอบอย่างไรก็ไม่หยุดร้อง สาวรับใช้ก็ทำอะไรไม่ถูก ทั้งสองร้อนรนกระวนกระวาย หมดหนทางที่จะรับมือกับเด็กทั้งสาม
“เกิดอันใดขึ้น?” อวี๋หวั่นเข้าไปในห้องนอน
คนทั้งสองคนกระวนกระวายมาก กระทั่งแม้จู่ๆ เธอปรากฏตัวขึ้นก็ลืมถามเธอว่าเข้ามาได้อย่างไร
“เจ้ารีบมาดูทีสิ ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น นอนมาค่อนคืนก็ยังปกติดี แล้วจู่ๆ ก็เริ่มร้องไห้เสียงดัง” ซั่งกวนเยี่ยนไม่ค่อยได้อยู่กับเด็กๆ ส่วนมากมักเป็นตอนกลางวัน จะรู้ได้อย่างไรว่าจู่ๆ จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ นางจึงทำตัวไม่ถูก
เด็กทั้งสามราวกับตกใจกลัวบางสิ่งบางอย่าง ร้องไห้กระหืดกระหอบตัวโยน สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
อวี๋หวั่นเดินไปนั่งข้างเตียง แล้วเอาตัวพวกเขามากอดไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับลูบหลังเล็กๆ ของพวกเขาเบาๆ “พวกเจ้าฝันร้ายหรือ? หรือว่าคิดถึงท่านพ่อ?”
เธอสัมผัสอย่างนุ่มนวลและใช้น้ำเสียงแสนอ่อนโยน
เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขน ได้รับสัมผัสอันอบอุ่นและเสียงเต้นของหัวใจ ก็ค่อยๆ เบาเสียงร้องไห้ลง จนเหลือเพียงเสียงสะอื้นต่ำ
หากซั่งกวนเยี่ยนไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ก็คงไม่เชื่อว่าเด็กทั้งสามคนที่แม้แต่ย่าแท้ๆ ก็ไม่อาจรับมือ จะทำตัวเชื่อฟังเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของหญิงแปลกหน้าผู้นี้
ฝนตกหนักมาก อวี๋หวั่นเอ่ยด้วยเสียงนุ่มนวล เด็กทั้งสามไม่มีแม้เสียงสะอื้นเพียงเล็กน้อย พวกเขาขยับกาย กระชับเข้าในอ้อมแขนอวี๋หวั่น มือน้อยๆ จับชายอาภรณ์ของเธอ ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง
“ก็แค่ฝนตกเท่านั้น มิต้องกลัว” อวี๋หวั่นเอ่ยเบาๆ
หัวใจของอวี๋หวั่นรู้สึกเจ็บปวด เมื่อเห็นสภาพของพวกเขาเช่นนี้ การร้องไห้เมื่อครู่หนักหนา จนอาภรณ์ชุ่มโชก อวี๋หวั่นหันมองซั่งกวนเยี่ยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]