ความเข้มข้นของกลิ่นน้ำหมักเก่าแก่ยังห่างไกลจากของแม่นางตู้ยิ่งนัก แม้ว่ากลิ่นหอมของต้นหอมกับน้ำมันหมูจะทำให้สูญเสียความเลิศหรูไปอย่างสิ้นเชิง ทว่ามันกลับเหมือนกลิ่นที่ได้ยามเดินผ่านบ้านเรือนของผู้คนทั่วไปอย่างไม่ตั้งใจ
แม่นางตู้นึกถึงห้องครัวที่เขรอะไปด้วยคราบน้ำมันในบ้านเกิด นางไม่ได้กลับไปที่นั่นกว่าสิบปีแล้ว
ลุงใหญ่วางชามบะหมี่ลงตรงหน้านาง
กลิ่นหอมของต้นหอมและน้ำมันหมูลอยเตะจมูกนาง ตั้งแต่นางประสบความสำเร็จ นางก็ไม่เคยกินของธรรมดาๆ เช่นนี้อีกเลย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าน้ำหมักเก่าแก่ของอาจารย์ข้ามีราคาสูงเพียงใด? แต่เจ้ากลับเอามาทำเสียของแบบนี้รึ?”
“กินเถิด” ลุงใหญ่ยื่นตะเกียบให้นาง
แม่นางตู้ขมวดคิ้ว แต่ก็เพื่อจะวิจารณ์ในภายหลังจึงต้องฝืนใจกินเข้าไป
หลังจากกินไปเพียงคำเดียว นางก็แข็งทื่อไปทั้งตัว
เมื่อพ่อครัวหลวงเห็นแม่นางตู้ที่มีทีท่าท้าทายเมื่อครู่กำลังถือชามบะหมี่ด้วยดวงตาแดงระเรื่อ
บรรดาพ่อครัวหลวงก็ตกตะลึง
แม่นางตู้กลอกตาที่มีน้ำใสไหลกลิ้งอยู่ข้างใน “มัน…”
ลุงใหญ่สูดหายใจและกล่าวต่อแทนนาง “มันคือความคิดถึง”
พ่อครัวเทพเป้าคิดถึงบุตรชายที่หายไป คิดถึงภรรยาที่เศร้าโศก จึงเป็นเหตุผลที่มีน้ำหมักโถนี้ เขาหาได้ต้องการงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารโอชะ หากแต่เป็นบ้านธรรมดาที่ไม่มีสิ่งใดจะธรรมดามากไปกว่านี้
แม่นางตู้เกิดมาในครอบครัวยากจน สิ่งที่นางสนใจมากที่สุดคือชีวิตของนางเอง เพื่อกำจัดเงาของอดีต นางจึงพยายามตัดขาดจากทุกสิ่งในอดีตออกไป ภายในใจมีเพียงความปรารถนามุ่งมาด ไม่มีความห่วงหาอาทร
คนที่ไม่มีความห่วงหาอาทร จึงไม่อาจสัมผัสถึงความโดดเดี่ยวในใจของพ่อครัวเทพเป้าได้
ลุงใหญ่ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก และไม่ได้ถกเถียงเรื่องผลการแข่ง เขาค้อมตัวไปทางพ่อครัวหลวง และใช้ไม้เท้าค้ำตัวเดินกระโผลกกะเผลกออกจากห้องไป
เงาด้านหลังของชายพิการผู้นี้ในสายตาของพ่อครัวหลวง คือบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำที่ยืนตระหง่านดั่งต้นสน
“ช้าก่อน”
พ่อครัวหลวงจางเรียกเขา
ลุงใหญ่หยุดและหันตัวกลับมาด้วยท่าทางที่ไม่ถนัด
พ่อครัวหลวงจางถาม “อาหารที่เจ้าทำคือสิ่งใดหรือ?”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่ผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วนของลุงใหญ่ “อาหวั่นของเราบอกว่ามันคือหลัวซือเฝิ่น “
ห้องของพ่อครัวหลวงตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เป็นห้องที่อยู่ใกล้กับโถงใหญ่มากที่สุด ฝูงชนที่เฝ้าดูอย่างตื่นเต้นเห็นแม่นางตู้เดินเข้าไปด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ จากนั้นก็เห็นพ่อครัวขาเป๋ของหอจุ้ยเซียนถูกพ่อครัวหลวงเรียกตัวเข้าไปพบ
หลังจากนั้นเขาก็เข้าครัวปรุงอาหารมาจานหนึ่ง
ดูเหมือนพ่อครัวหลวงจะไม่แน่ใจในการตัดสินของตนเอง จึงให้เขาแสดงฝีมือใหม่อีกครั้ง
หากเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ผลที่ออกมาคงพ่ายแพ้เป็นแน่
ทุกคนรอชมผลอีกครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อครัวขาเป๋ก็เดินออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้ความปีติยินดีในชัยชนะ เป็นอย่างที่คิดไว้ เขาแพ้แล้ว!
แต่ทันทีที่เขาเดินออกมา เสียงร้องไห้อันหดหู่ของสตรีผู้หนึ่งก็ดังตามมาจากห้องด้านหลังของเขา
ทุกคนตะลึงอีกครั้ง
เกิดอะไรขึ้น?
เหยียนหรูอวี้รีบเดินลงมาอย่างกระวนกระวายและเอ่ยกับลี่จือที่เดินตามมา “เจ้าไปดูทีว่าผลเป็นอย่างไร เหตุใดแม่นางตู้ถึงยังอยู่ข้างใน?”
“เจ้าค่ะ!” ลี่จือตอบอย่างรีบร้อน ขณะที่กำลังจะเดินไปดู แม่นางตู้ก็เปิดประตูออกมา
ดวงตาและจมูกของนางเป็นสีแดง มีน้ำใสไหลคลออยู่ในดวงตา
ทุกคนมองนางอย่างตกตะลึง
“ข้าแพ้แล้ว”
คำพูดนั้นออกจากปากนาง
โถงใหญ่พลันเงียบสงัด สีหน้าของเหยียนหรูอวี้ก็เปลี่ยนไป “แม่นางตู้!”
แม่นางตู้ค้อมตัวไปทางทิศที่ลุงใหญ่เดินจากไปอย่างเคารพเลื่อมใส นี่คือการยอมรับและเคารพในตัวผู้เป็นอาจารย์จากหัวใจ
เหยียนหรูอวี้ยิ่งไม่อยากเชื่อ “แม่นางตู้ ท่านรู้หรือไม่ว่ากำลังทำอันใด!”
พ่อครัวหลวงประกาศว่านางแพ้ยังไม่น่ากลัวเท่านางยอมรับความพ่ายแพ้ด้วยตนเอง หากเป็นเช่นนี้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เหยียนหรูอวี้จะช่วยพลิกสถานการณ์กลับมา!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]