แย่แล้ว ฆ่าเขาเลย! เผาเขาเลย! สับเขาเลย!
“…ไม่รู้” อวี๋หวั่นก้มหน้า “แล้วก็ อาจจะ ไม่ได้มีคนเดียว”
เยี่ยนจิ่วเฉาผู้ซึ่งรู้สึกประหนึ่งถูกศรธนูกระหน่ำเข้าที่หัวใจ “…”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังท่าน”
“ข้าเองก็ยังจำไม่ได้ เพิ่งจะนึกออก”
“ไม่ใช่เพิ่งจะนึกออกด้วย ก็แค่…”
“ข้าก็บอกไม่ถูก เอาเป็นว่า แบบนั้นแหละ”
แบบนั้นแหละ? แบบนั้นคือแบบไหนกัน?!
ในห้องอันมืดสนิท เยี่ยนจิ่วเฉาโมโหจนลุกขึ้น เลิกผ้านวมขึ้น นั่งลงข้างขอบเตียง เท้าเปล่าเหยียบลงบนแท่นวางเท้าซึ่งเย็นยะเยือก หายใจหอบด้วยความโมโห
ไม่ได้โมโหมากถึงเพียงนี้มานานเท่าไรแล้ว เขารู้สึกราวกับร่างกำลังจะระเบิดออก!
นางใจกล้าเกินไปแล้ว เห็นว่าเขารักนาง จึงกล้าพูดพล่อยเช่นนี้!
บุรุษ…แถมยังไม่ได้มีเพียงคนเดียวรึ?!
ลูกก็มีแล้ว!
ไม่รู้ว่าใครเป็นลูกใคร!
เยี่ยนจิ่วเฉาโมโหจนปวดใจ!
“คุณชายคงไม่เป็นไรหรอกกระมัง?” ในลานบ้านนอกประตูใหญ่ อิ่งลิ่วปิดประตูห้องด้วยสีหน้าหนักใจ
สีหน้าของอิ่งสือซันก็ไม่สู้ดีเท่าไรนัก
ลุงวั่นกล่าวพลางทอดถอนใจ “ครั้งสุดท้ายที่คุณชายโกรธถึงเพียงนี้ก็เห็นจะเป็นตอนที่รู้สาเหตุการตายของท่านอ๋อง คุณชายโมโหถึงกับขังตัวเองเอาไว้ในห้อง ไม่ออกมาจนล้มป่วย…”
“ครั้งนี้คุณชายคงจะไม่โกรธจนถึงกับล้มป่วยกระมัง?” อิ่งลิ่วเอ่ยขึ้นด้วยความวิตก เขาเคยประสบพบเจอตอนที่คุณชายล้มป่วยมาแล้ว ช่างน่ากลัวเหลือเกิน!
ลุงวั่นถอนหายใจอีกครั้ง “ใครจะไปรู้ได้เล่า? ตั้งแต่ที่พบกับแม่นางอวี๋ คุณชายก็ไม่เคยล้มป่วยอีกเลย ทว่าครั้งนี้เป็นแม่นางอวี๋ที่ทำให้คุณชายโกรธ จุดจบจะเป็นอย่างไรก็พูดยาก…”
อิ่งลิ่วมองไปยังอิ่งสือซัน “ตอนนั้นเจ้าไม่ได้อยู่ด้วยหรือ? ไม่รู้จักห้ามแม่นางอวี๋เอาไว้”
อิ่งสือซันโมโหจนควันออกหู “ข้าจะไปห้ามได้อย่างไร? เจ้าไม่รู้อะไร นางไม่ได้พูดจาไร้สาระแม้แต่ประโยคเดียว!”
มีคนบิดเบือนความจริง นางก็เพียงแถลงไข มิได้พูดสิ่งใดระคายหูนี่! เขาถึงไม่จำเป็นต้องทัดทาน!
อิ่งลิ่วและลุงวั่นมองเขาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง อิ่งสือซันรู้สึกพ่ายแพ้ราบคาบ “เอาเถอะๆ ข้าเข้าไปโน้มน้ามเขาสักหน่อยก็แล้วกัน”
อิ่งสือซันเสี่ยงชีวิตเข้าไปในห้องของคุณชาย
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ที่ขอบเตียง สวมใส่อาภรณ์เนื้อบาง อากาศในยามดึกของเดือนสามค่อนข้างเย็น ทว่าอิ่งสือซันก็ยังได้ยินเสียงเม็ดเหงื่อของเยี่ยนจิ่วเฉาหยดลงบนแท่นวางเท้า
ร่างของของเยี่ยนจิ่วเฉาถูกปกคลุมด้วยความมืด อิ่งสือซันจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา กระนั้นก็ยังสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตที่กำจายออกมารอบกาย
แต่ถึงจะเป็นยอดฝีมืออย่างอิ่งสือซัน ก็ยังอดรู้สึกขนลุกซู่ไม่ได้
“คุณชาย” อิ่งสือซันทำใจดีสู้เสือเอ่ยขึ้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาจึงตอบกลับมา “มีอะไร?”
เสียงของเขาไม่นับว่าดัง แต่กลับทำให้อิ่งสือซันรู้สึกขนพองสยองเกล้าอย่างบอกไม่ถูก
อิ่งสือซันมิได้ลืมว่าตนมาทำอะไร เขาตั้งสติ แล้วเอ่ยปากขึ้นว่า “คุณชาย ท่านอย่าโมโหไปเลย แม่นางอวี๋ไม่ได้บอกหรือว่านางก็จำตัวเองไม่ได้? ใครจะรู้ว่าสิ่งที่นางพูดนั้นจริงหรือไม่ ถ้านางจำผิดเล่าขอรับ?”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “เจ้าคิดว่าเรื่องแบบนี้นางไม่มีหลักฐานหรืออย่างไร? ยังกล้ามาพูดต่อหน้าข้าอีก”
อิ่งสือซันรู้สึกสับสนประหนึ่งน้ำท่วมสมอง เขาไม่อยากโน้มน้าวอีกต่อไป จึงรีบเปลี่ยนคำพูด “เช่นนั้นก็ไม่ได้นับว่าขาดทุนนะขอรับ คุณชายก็นอนกับสตรีอื่น แล้วก็มีลูกเช่นกัน เท่าเทียมกับแม่นางอวี๋แล้ว”
“เท่าเทียมได้อย่างไรกัน? ข้านอนกับสตรีเพียงคนเดียว! นาง…นางอาจจะผ่านมาไม่รู้กี่คน”
ความคิดของชาวยุทธภพต่างจากคนทั่วไป อิ่งสือซันจับประเด็นสำคัญในคำพูดของคุณชายได้อย่างว่องไว เขาเลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นคุณชายก็นอนกับสตรีเพิ่มอีกสักหน่อยสิขอรับ”
“…” ความอัดอั้นตันใจสุมอยู่ในอกของเยี่ยนจิ่วเฉา เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับนอนหรือไม่นอนมิใช่หรือ? ประเด็นของเรื่องนี้ก็คือสตรีผู้เป็นที่รักของเขาถูกบุรุษเส็งเคร็งที่ไหนก็ไม่รู้เอาเปรียบต่างหากเล่า!
“ฮัดชิ่ว!”
เยี่ยนจิ่วเฉาจามแรงๆ ครั้งหนึ่ง
เรื่องนี้หากเป็นคนอื่นก็คงไม่อาจยอมรับได้เช่นกัน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เมื่อชอบใครแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับอดีตของคนผู้นั้น แต่ปัญหาอยู่ที่เขาไม่กระจ่างเลยแม้แต่น้อยว่าคนผู้นี้มีอดีตเป็นอย่างไร
เรื่องที่นางหลงลืม มันไม่สำคัญสำหรับนาง หรือเพราะมันได้สลักลงไปในใจของนางแล้วกันแน่?
วันใดนางนึกขึ้นมาได้ นางจะตระหนักได้ว่า…คนที่นางชอบที่จริงแล้วเป็นคนอื่นเช่นนั้นหรือ?
หรือว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นไปได้ เขาอาจเป็นหนึ่งในเหล่าบุรุษที่นางนิยมชมชอบ…
เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกราวกับไฟโทสะกำลังจะแผดเผาตนจนสิ้นใจ
“อิ่งลิ่วเล่า?” เยี่ยนจิ่วเฉาตวาด
อิ่งลิ่วพุ่งเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว “คุณชาย!”
รังสีอำมหิตพวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งในจิตใจของเยี่ยนจิ่วเฉา “เจ้าไปสืบดู ข้าต้องการรู้เรื่องราวทั้งหมดของนาง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]