หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 67

บทที่ 67 รอยปาน
Ink Stone_Romance
กลางดึก เยี่ยนจิ่วเฉานั่งรถม้าออกนอกเมืองหลวง

ลุงวั่นอายุมากแล้ว จึงมิได้มาวอแวกับเรื่องนี้

อิ่งลิ่วและอิ่งสือซันบังคับรถม้าเงียบๆ

ดึกมากแล้ว ประตูเมืองปิดไปตั้งแต่ราวหนึ่งชั่วยามก่อน กระนั้นเมื่อคุณชายเยี่ยนต้องการออกนอกเมือง อย่าว่าแต่ประตูเมือง ต่อให้เป็นประตูวังหลวงก็ต้องยอมเปิดให้เขาแต่โดยดี

ประตูเมืองเปิดออก รถม้าควบทะยานออกไป

ทหารยามรักษาการณ์มองตามรถม้าที่ฝุ่นตลบ พึมพำด้วยความงุนงง

“พวกเจ้าว่า ดึกดื่นป่านนี้คุณชายเยี่ยนออกนอกเมืองไปทำอะไร?”

“ไม่ใช่จะกลับเมืองเยี่ยนหรอกหรือ? รีบร้อนขนาดนี้ คงไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นหรอกกระมัง?”

“ไม่ยักได้ยินว่าเมืองเยี่ยนเกิดเรื่องใหญ่อันใด?”

“คิดว่าตัวเองเป็นใคร! เมืองเยี่ยนเกิดเรื่องจะต้องบอกเจ้าด้วยรึ?”

“ไปๆๆ มีอะไรทำก็ไปทำ อย่ามายืนเกะกะ”

เสียงโหวกเหวกของทหารยามรักษาการณ์พลันเงียบลงหลังจากประตูเมืองปิด

รถม้าเดินทางมาถึงหมู่บ้านเหลียนฮวา ชาวบ้านล้วนหลับใหล หมู่บ้านเงียบสงัด มีเพียงเสียงร้องของกบดังมาจากบ่อปลาของหมู่บ้านเป็นครั้งคราว

“คุณชาย” อิ่งสือซันจอดรถม้าเอาไว้หน้าทางเข้าหมู่บ้าน “ท่านจะพูดกับแม่นางอวี๋ว่าอย่างไร?”

“พูดว่าอย่างไรอันใด?” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

อิ่งสือซันเป็นห่วงคุณชายเหลือเกิน “คุณชายจะบอกความจริงกับแม่นางอยู่หรือไม่ขอรับ? บอกว่าที่จริงแล้วท่านมาพิสูจน์ตัวตนของนาง เช่นนั้นนางก็จะรู้ว่าช่วงนี้คุณชายกำลังออกตามหาแม่ที่แท้จริงของคุณชายน้อยทั้งสาม แต่ก่อนหน้านี้นางพูดกับเหยียนหรูอวี้ว่าต้องการแต่งเข้าจวนสกุลเยี่ยนและเป็นแม่ของคุณชายน้อย หากนางเป็นแม่ของคุณชายน้อยจริงๆ ก็ว่าไปอย่าง ถ้าหากไม่ใช่ นางจะต้องใจกว้างเพียงใดกัน?”

เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกว่าอิ่งสือซันพกสมองมาด้วย อวี๋หวั่นก็ทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจมาก่อน เขาจำต้องโกรธแค้นมากเท่าไรจึงจะต้องไปแก้เผ็ดนาง?

“พอแล้ว ข้าไปเอง พวกเจ้าไม่ต้องตามไปด้วย” เยี่ยนจิ่วเฉาพูดจบ ก็ลงจากรถม้าแล้วเดินเข้าหมู่บ้านไป

“คุณชายจะไม่เป็นไรใช่ไหม?” อิ่งลิ่วเอ่ยถาม

อิ่งสือซันหยิบยาเม็ดขึ้นมา “ยาบำรุงหัวใจเตรียมพร้อมแล้ว”

อิ่งลิ่ว “…”

เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปยังบ้านของอวี๋หวั่น

จากประสบการณ์ที่ ‘อวี๋หวั่นมักจะไม่ได้ลงกลอนประตูเพื่อให้เขาเข้าไป’ เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้เดินเข้าประตูหน้าบ้าน แต่กลับอ้อมไปยังประตูหลังบ้านแทน

จะว่าไปก็บังเอิญเหลือเกิน วันนี้ทำหน่อไม้ดอง ที่โรงงานจึงยุ่งจนดึกดื่น และพวกเขาเพิ่งเสร็จงานก่อนที่เยี่ยนจิ่วเฉาจะมาถึงหมู่บ้านได้ครึ่งชั่วยาม แม้ว่างานที่โรงงานจะเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่อวี๋หวั่นก็ยังต้องเก็บกวาดอีกหลายอย่าง อวี๋หวั่นงานยุ่งจนดึก ท้องไส้เริ่มหิว จึงรีบเข้าไปหาอะไรกินในห้องครัว เพิ่งจะงับน่องไก่เข้าไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาดังมาจากด้านนอก

ดึกดื่นป่านนี้ มาทำตัวลับๆ ล่อๆ หรือว่าจะเป็นโจร?

อวี๋หวั่นหยิบมีดบนเขียงขึ้นมา…

เยี่ยนจิ่วเฉายืนอยู่หน้าประตู กำลังคิดว่าตนหมดสติไปหลายวัน ไม่ได้มาหาหรือเขียนจดหมายให้อวี๋หวั่น ไม่รู้ว่านางจะคิดว่าเขาทอดทิ้งนางหรือไม่ นางคงกำลังเศร้าโศกเสียใจอยู่ในบ้าน ตอนที่จ้าวเหิงตัดสัมพันธ์กับนาง นางถึงกับกระโดดน้ำหมายจะจบชีวิตตนเอง สำหรับนางแล้ว เขาสำคัญกว่าจ้าวเหิง เขากังวลเหลือเกินว่านางจะขาดสติกระทำเรื่องที่ไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้

เฮ้อ!

เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วยื่นมือออกไปผลักประตู

ประตูเปิดออก ทว่ามิใช่เพราะเขาผลัก แต่เป็นเพราะมันเปิดจากด้านใน

จากนั้น ก็พบว่าเป็นอวี๋หวั่นผู้ซึ่งควรจะเศร้าโศกเสียใจ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในบ้าน คาบน่องไก่อยู่ในปาก ในมือถือมีดหั่นผัก ดวงตาโตจ้องเขม็ง มิได้มีสีหน้าท่าทางของคนถูกทิ้งแม้แต่น้อย กลับกัน เธอยังคงมีพลังและกระตือรือร้นประหนึ่งแม่ไก่วัยละอ่อน!

เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งรู้สึกราวกับหัวใจถูกศรธนูกระหน่ำแทง “…”

เขาเทียบจ้าวเหิงไม่ได้เชียวรึ!

“ท่านมาได้อย่างไร?” หลังจากที่เห็นว่าเป็นเยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋หวั่นก็ลดมีดลง “ข้าคิดว่าเป็นโจรเสียอีก”

เยี่ยนจิ่วเฉาพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดรวดร้าวในใจ แล้วกล่าวอย่างไม่รีบร้อนว่า “บ้านเจ้ายากจนถึงเพียงนี้ ไหนเลยจะมีโจรได้?”

อวี๋หวั่นวางน่องไก่ที่กินไปได้เพียงครึ่งเดียวลงในชาม เธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างไร เธอตั้งสติแล้วถามว่า “ดึกป่านนี้ ท่านมาหาข้ามีอะไรหรือ?”

เยี่ยนจิ่วเฉายังมิทันได้ตอบคำถาม อวี๋หวั่นก็เอ่ยขึ้นว่า “ถ้าท่านมาเอาชุดแต่งงานคืน ข้าเก็บไว้แล้ว ท่านรอประเดี๋ยว”

นางเก็บเรียบร้อยแล้วหมายความว่าอย่างไรกัน?

สตรีคนนี้วางแผนจะตัดสัมพันธ์กับเขาแล้วหรือนี่?!

เยี่ยนจิ่วเฉาเริ่มมีโทสะ “ข้าไม่สนใจเจ้าหลายวัน เจ้าก็เลยยังโกรธอยู่หรือ? เจ้าปิดปังเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้กับข้า จะไม่ให้ข้าโกรธได้อย่างไรกัน?”

อวี๋หวั่นสัมผัสได้ถึงความหมายโดยนัยในน้ำเสียงของเขา เธอตื่นตะลึง “ท่านไม่ได้จะมาบอกเลิกข้าหรอกหรือ?”

“เลิกอะไร?” คิ้วโก่งงดงามของเยี่ยนจิ่วเฉาขมวดแน่น

อวี๋หวั่นพลันรู้สึกอบอุ่นจากก้นบึ้งของหัวใจ อวี๋หวั่นอดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มมุมปาก

ทว่ามุมปากขยับไปได้เพียงครึ่งเดียว เยี่ยนจิ่วเฉาก็พูดขึ้นโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว “ถอดเสื้อผ้า”

อวี๋หวั่น “???”

เยี่ยนจิ่วเฉา “ข้าอยากดูร่างกายของเจ้า”

อวี๋หวั่น “!!!”

“ใครหน้าไหนจะมาดูร่างกายลูกสาวข้า?!”

อวี๋เซ่าชิงซึ่งสะดุ้งตื่นขึ้น หยิบไม้กวาดติดมือมาจากห้องโถงกลาง แล้วพุ่งเข้ามาในครัวอย่างดุดัน

เมื่อถูกจับได้โดยไม่ทันตั้งตัว เยี่ยนจิ่วเฉาถึงกับตื่นตะลึง

ชีวิตนี้คุณชายเยี่ยนไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด ทว่าบนโลกนี้ก็ย่อมมีคนคนหนึ่งที่ไม่อาจล่วงเกิน ยกตัวอย่างเช่น…บุรุษตรงหน้าเขาผู้นี้

อวี๋เซ่าชิงเดินเข้าไปในห้องครัวอย่างขึงขัง เขามิได้ยี่หระว่าบุรุษหนุ่มตรงหน้าจะสวมอาภรณ์หรูหรา ท่าทางสง่างามสูงส่ง หรือว่ารูปร่างหน้าตางดงามเพียงใด เขายกไม้กวาดขึ้นมา หมายฟาดลงใส่คุณชายผู้ซึ่งไม่เคยแม้แต่จะไว้หน้าองค์ชาย!

“ท่านพ่อ!” อวี๋หวั่นเข้าไปห้ามอวี๋เซ่าชิง แล้วดึงไม้กวาดออกมาจากมือของเขา

เยี่ยนจิ่วเฉาหันหลัง “ข้าไม่กินยา!”

เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง

“ไม่ทายาด้วย!” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

แกร็ก!

กลอนประตูถูกงัดออก

เยี่ยนจิ่วเฉาลุกขึ้นนั่ง “อิ่งสือซันเจ้ากล้างัด…”

ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูมิใช่อิ่งสือซัน

เขาแค่นเสียง ‘หึ’ แล้วล้มตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง

อวี๋หวั่นยกโจ๊กข้าวกล้องเข้ามา

เยี่ยนจิ่วเฉายกผ้าห่มขึ้นมาคลุมศีรษะ

อวี๋หวั่นหัวเราะ ตั้งแต่ที่เยี่ยนจิ่วเฉาดึง ‘นาง’ วิ่งหนีไป ไฟโทสะของเธอก็มอดดับลงทันที

แม้จะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดจาไร้เหตุผลเช่นนั้น แต่…ถ้าเขามีเหตุผลนี่สิแปลก ที่จริงความแปลกประหลาดของเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ ด้วย

“หิวไหม?”

“หึ!”

“ท่านโทษข้าไม่ได้หรอกนะ มีที่ไหนกัน มาบ้านของสตรีเพื่อมาขอดูร่างกายของนาง? จะไม่ให้ข้าโกรธได้อย่างไรเล่า?”

เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ตอบโต้

อวี๋หวั่นนั่งลงข้างเตียง หยิบโจ๊กไว้บนเก้าอี้

“จะดูหรือไม่?” อวี๋หวั่นกระซิบถาม

“ไม่ดู!” เยี่ยนจิ่วเฉามิได้ตั้งใจปฏิเสธ แต่เมื่อคำพูดหลุดปากออกไป เขาก็พลันได้สติ เลิกผ้าห่มที่คลุมศีรษะออก แล้วมองไปยังอวี๋หวั่นด้วยความประหลาดใจ

อวี่หวั่นไม่เคยทำเรื่องเช่นนี้ อย่างน้อยก็ไม่เคยอยู่ในความทรงจำ เธอจึงรู้สึกขวยเขินอยู่ไม่น้อย

เธอดับตะเกียงที่หัวเตียง ในห้องก็มืดลง ทว่าก็มีแสงจันทร์สาดส่องเข้ามา

อวี๋หวั่นรู้สึกว่าหูของตนร้อนผ่าว เธอหันหลังไปอย่างกระดากอาย แล้วเริ่มปลดกระดุมทีละเม็ด

เสื้อผ้าเคลื่อนหลุดลงจากร่าง เผยให้เห็นแผ่นหลังงามซึ่งซ่อนเร้นอยู่ด้านหลังเส้นผมของเธอ

เยี่ยนจิ่วเฉาค่อยๆ ยื่นมือออกไปจับเส้นผมดำขลับของเธอขึ้น แล้วมองไปยังผิวเรียบดุจเครื่องเคลือบสีขาวนวล

สายตาเร่าร้อนของเขาเคลื่อนต่ำลงบนแผ่นหลังของเธอ และไปหยุดอยู่ที่ไฟปีศาจสีเขียว

………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]