ปลายนิ้วของเยี่ยนจิ่วเฉาแตะไปยังสัญลักษณ์ไฟปีศาจ แล้วเอ่ยถามขึ้นว่า “นี่คือปานของเจ้าหรือ?”
“ปานอะไร?” อวี๋หวั่นหันหลังมาอย่างงุนงง
สิ่งใดไม่เหมาะก็ไม่ควรดู เยี่ยนจิ่วเฉาจับศีรษะน้อยๆ ของเธอกลับไป “ปานบนหลังของเจ้า เจ้าไม่รู้เลยหรือ?”
อวี๋หวั่นส่ายหน้า “บนหลังข้า ข้าจะไปเห็นได้อย่างไร?”
เยี่ยนจิ่วเฉาถามต่อ “คนที่บ้านเจ้าไม่เคยบอกเจ้าหรือ?”
บางทีอาจจะเคยบอกกับเจ้าของเดิม แต่เธอไม่ได้สืบทอดความทรงจำนี้มาหรือ?
แต่นี่ไม่ใช่รอยปานทั่วไป สตรีผู้นี้…เยี่ยนจิ่วเฉาสูดหายใจเข้าลึกๆ ยอดฝีมือชาวจงหยวนคนใดกันจึงจะกล้าโกนขนหน้าแข้งของฮ่องเต้เช่นนี้? จะมีก็แต่เจ้าสาวในตำนานที่กล้าหนีงานแต่งครั้งใหญ่ของเผ่าปีศาจเพียงคนเดียว
แต่ดูแล้ว สตรีผู้นี้คงไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เยี่ยนจิ่วเฉาหยิบเสื้อผ้าซึ่งกองอยู่ที่หัวเตียงคืนให้อวี๋หวั่น “เดี๋ยวจะไม่สบาย”
อวี๋หวั่นยังตั้งสติไม่ได้
เขาบอกว่าอยากดู หมายถึงแค่ดูจริงๆ หรือ…
“เยี่ยนจิ่วเฉา…ท่านไม่ได้…”
“อย่าคิดไปไกล” เยี่ยนจิ่วเฉาไม่จำเป็นต้องดูสีหน้าของอวี๋หวั่น ฟังเพียงน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไร
ใต้หล้าล้วนรู้ว่าคุณชายแห่งเมืองเยี่ยนนั้นบ้าระห่ำและชอบอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเป็นที่สุด แต่หารู้ไม่ว่าเขาเป็นบุรุษที่อยู่ในขนบ ไม่ยอมมีสัมพันธ์สวาทก่อนแต่งงานเป็นอันขาด เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อนเป็นอุบัติเหตุ เขาสติวิปลาสไปบ้าง ทว่าบัดนี้หายดีแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องแบบเดิมเป็นครั้งที่สอง
เยี่ยนจิ่วเฉาติดกระดุมให้อวี๋หวั่น ติดขึ้นไปจนถึงเม็ดสุดท้าย แม้แต่กระดุมบนคอเสื้อก็ยังไม่ปล่อยไว้
อวี๋หวั่น “…”
กระดุมเม็ดนั้นเอาไว้ประดับต่างหากเล่า!
เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกประหนึ่งสายตาของอวี๋หวั่นกำลังจะยิงเขาจนพรุนเหมือนกระชอนก็มิปาน
เขาสงบสติอารมณ์แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ เรามาพูดเรื่องสำคัญดีกว่า”
อวี๋หวั่นคิดในใจว่า ‘แล้วเมื่อกี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญหรือ?’
ระหว่างทาง เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้คิดเตรียมเอาไว้ ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าควรเริ่มพูดจากตรงไหน จึงตัดสินใจลองถามหยั่งเชิงเธอดูก่อน “เจ้ายังจำเรื่องที่เมื่อก่อนเคยพูดกับข้าได้หรือไม่?”
“เรื่องอะไรหรือ?” อวี๋หวั่นถาม “ข้าพูดกับท่านตั้งหลายเรื่อง”
เยี่ยนจิ่วเฉากระแอม “ก็…เรื่องที่พูดกับข้าเมื่อเร็วๆ นี้”
อวี๋หวั่นไม่เข้าใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาเรียบเรียงคำพูดอีกครั้ง “เรื่องที่เจ้าอาจเคยมีสัมพันธ์กับบุรุษอื่น”
“เมื่อครู่เป็นเพราะท่านรังเกียจเรื่องนี้?” อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่” บุรุษผู้นั้นก็คือเขา เขาจะไปรังเกียจตัวเองทำไม? จิตใจของเยี่ยนจิ่วเขารู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมา เขาทำสีหน้าจริงจัง “ข้าอยากถามว่าเจ้าจะรังเกียจหรือไม่? ถ้าหากบุรุษคนนั้นปรากฏตัวต่อหน้าเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?”
“ข้าจะจับเขาตอนเสียเลย!” อวี๋หวั่นตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด
หัวใจของเยี่ยนจิ่วเฉาเต้นระรัวอยู่ในอก
อวี๋หวั่นหยิบกรรไกรบนเก้าอี้ขึ้นมา แล้วขยับกรรไกรเสียงดัง ‘ฉับๆ’ “บุรุษที่เข้าไปในหอคณิกาจะเป็นบุรุษที่ดีไปได้อย่างไร!”
……
หลังจากที่อวี๋หวั่นกลับไป อิ่งสือซันก็เข้าไปในห้อง เขานำยาบำรุงหัวใจมาให้คุณชายเยี่ยน เขากลัวว่าคุณชายเยี่ยนจะกำลังเผชิญกับความจริงที่ว่าแม่นางอวี๋ไม่ใช่สตรีในคืนนั้น และจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น
จากนั้นเขาก็พบว่าคุณชายบ้านตนคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นลม หรือว่าแม่นางอวี๋จะไม่ใช่สตรีในคืนนั้นจริงๆ?
“เป็นนาง” เยี่ยนจิ่วเฉาบอก
“เช่นนั้นไฉนคุณชายไม่ดีใจเล่า?” อิ่งสือซันถามด้วยความงุนงง
“…นางจะตอนข้า” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบด้วยท่าทางน่าสงสาร
อิ่งสือซันเข่าแทบทรุด!
อิ่งสือซันเอ่ยถามด้วยความอกสั่นขวัญแขวน “ท่านบอกความจริงนางไปแล้วหรือ?”
“ถ้าบอกนาง แล้วข้าจะได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรือ?” เมื่อนึกถึงตอนที่อวี๋หวั่นจับกรรไกร คุณชายก็รู้สึกหนาววาบที่หว่างขาขึ้นมา
อิ่งสือซันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ จึงถามอย่างมีเลศนัยว่า “คุณชายยังรู้สึกว่าความรักของแม่นางอวี๋ที่มีต่อท่านนั้นลึกซึ้ง ความตายก็มิอาจพรากจาก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวันทำร้ายท่านอยู่หรือไม่?”
เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจยาวๆ “เฮ้อ เจ้าไม่รู้อะไร รักแรงก็แค้นแรง”
อิ่งสือซันมุมปากกระตุก ท่านนี่หน้าไม่อายเอาเสียเลย!
“เช่นนั้นคุณชายคิดจะทำอย่างไร?” อิ่งสือซันถาม
เยี่ยนจิ่วเฉาสะบัดแขนเสื้อ “ข้าจะใช้ท่าไม้ตาย เตรียมรถม้า ข้าจะไปจวนสกุลเซียว”
…………………………………..
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]