สวี่เฉิงเซวียนรู้สึกเบื่อหน่ายเหลือเกิน เมื่อเขาได้ออกไปนอกบ้านครั้งหนึ่ง ก็รู้สึกว่าอยากออกไปอีกครั้ง แต่หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรท่านพ่อก็ไม่ยอม เขาเบื่อจะตายอยู่แล้ว จึงทำได้เพียงไปตอแยจนกว่าท่านพ่อจะรำคาญและยอมให้เขาออกมา
ลานบ้านเงียบสงัด แม้แต่บ่าวเพียงคนเดียวก็ไม่มี
“น่าแปลก ไปไหนกันหมดนะ?” สวี่เฉิงเซวียนพึมพำ
แน่นอนว่าสวี่เฉิงเซวียนไม่ได้คาดคิดว่าสวี่ส้าวนำคนออกไปหมดแล้ว บ่าวทุกคนล้วนรู้กฎดี หากยังไม่ถึงเวลาที่สวี่ส้าวกำหนดก็ยังเข้ามาไม่ได้ อีกทั้งคนอื่นก็ไม่อาจเดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามาในเขตเรือนของสวี่ส้าวได้ แต่สวี่เฉิงเซวียนใช้สถานะบุตรชายคนเดียวเดินดุ่มเข้าไป
แน่นอนว่าสวี่เฉิงเซวียนไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน เพียงแต่วันนี้เขานั่งว่างเสียจนรากแทบงอก รู้สึกอยู่ไม่สุขอีกต่อไป
สวี่เฉิงเซวียนไม่ได้ไปหาสวี่ส้าวในห้อง แต่เขาเดินไปยังห้องหนังสือ
ครั้งนี้ ประตูห้องหนังสือปิดอยู่ ทว่ายังได้ยินเสียงสนทนาเบาๆ จากในห้อง
“นายท่าน ข่าวจากก้งเฉิงมาถึงแล้วขอรับ” คนสนิทกล่าว
สวี่ส้าวขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น?”
คนสนิทตอบว่า “เรือนหลังนั้นมีร่องรอยของคน”
เรือนที่ไม่มีคนอยู่มานาน มีร่องรอยของคนก็มิใช่เรื่องแปลก อย่างไรเสียก็อาจจะมีโจรเข้ามาเยี่ยมเยียนบ้างมิใช่หรือ? ทว่าสิ่งที่แปลกก็คือ หนึ่ง ไม่มีของมีค่าหายออกไปจากเรือนแม้แต่ชิ้นเดียว สอง เหยียนหรูอวี้เตือนเขาได้ทันท่วงที ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาสงสัยนางอยู่ เมื่อรวมข้อสันนิษฐานสองข้อเข้าด้วยกัน เขาย่อมต้องเดาว่าเป็นเยี่ยนจิ่วเฉา
“นายท่าน เยี่ยนจิ่วเฉากลับเมืองหลวงมาแล้ว” คนสนิทพูดต่อ
สวี่เฉิงเซวียนขมวดคิ้วด้วยความฉงนใจ ท่านพ่อของเขากำลังตามว่าเยี่ยนจิ่วเฉาทำอะไร? เขาไม่ได้บอกเองหรือว่าเรื่องที่หอเทียนเซียงถูกถล่มจนยับเยินให้ปล่อยผ่านไป ไม่ต้องไปเอาเรื่องกับเยี่ยนจิ่วเฉา
“ได้จังหวะพอดี” เวลาครึ่งเดือน เพียงพอที่จะเดินทางไปก้งเฉิง แน่นอนว่าในสถานการณ์เร่งด่วนเช่นนั้น สวี่ส้าวเชื่อว่าเยี่ยนจิ่วเฉามีความสามารถมากพอที่จะทำได้
“เขาจะสงสัยก้งเฉิงได้อย่างไรกัน?” คนสนิทเอ่ยถาม
“ข้าสับสนยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก ข้าบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น แต่ก็ไม่มีผู้ใดเชื่อ”
“จะทำอย่างไรต่อไปขอรับ?” คนสนิทถาม
สวี่ส้าวใช้ความคิด “จะทำอย่างไรได้? ในเมื่อสืบมาถึงก้งเฉิงแล้ว ก็หมายความว่าในมือเขามีหลักฐานเพียงพอแล้ว ไม่แน่ว่าข้าอาจถูกเปิดโปงไปด้วย”
ท่านพ่อพูดถึงอะไรกัน? สวี่เฉิงเซวียนงงไปหมด
สวี่ส้าวหลับตาลง ราวกับว่ากำลังตัดสินใจเรื่องสำคัญ แล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ก็คงเหลือเพียงหนทางสุดท้าย”
“นายท่านหมายความว่า…” คนสนิทมองไปยังสวี่ส้าว
สวี่ส้าวพยักหน้า “ไม่ผิด หากทำแล้วย่อมต้องทำให้ถึงที่สุด ฆ่าเยี่ยนจิ่วเฉาเสีย!”
ตึง!
มีเสียงคล้ายกับเสียงกระแทกดังมาจากหน้าห้อง ทั้งสองสีหน้าเปลี่ยนในทันที
สวี่ส้าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ใคร?”
เมื่อคนสนิทเดินไปเปิดประตูห้อง ก็พบว่าเป็นสวี่เฉิงเซวียนที่กำลังกุมหน้าผากด้วยความเจ็บปวด เขาทำท่าจะวิ่งหนี แต่ก็ยังมิได้วิ่งไปสักที
ในตอนแรกสวี่เฉิงเซวียนคิดว่าเสียงของคนผู้นี้คุ้นหูอยู่บ้าง ผ่านไปสักพักเขาจึงนึกออกว่าเป็นใคร บัดนี้ได้พบหน้า ก็จดจำได้ทันทีว่าเขาเป็นเสมียนซึ่งทำหน้าที่ปัดกวาดเช็ดถูในหอเทียนเซียง ชื่อเล่นว่าหลินเลิ่งจื่อ ปกติแล้วไม่ได้โดดเด่นเท่าไรนัก นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะเป็นคนสนิทของบิดาตน
สวี่ส้าวเดินเข้ามา ดุบุตรชายของตนว่า “เจ้ามาได้อย่างไร? ใครให้เจ้าเข้ามา?”
สวี่เฉิงเซวียนเบ้ปาก “ข้าเบื่อนี่นา”
สวี่ส้าวส่งสายตาให้หลินเลิ่งจื่อ หลินเลิ่งจื่อจึงออกไปจากห้องอย่างรู้หน้าที่ สวี่ส้าวจึงเรียกสวี่เฉิงเซวียนเข้าไปในห้องหนังสือ
“เรื่องเมื่อครู่ เจ้าได้ยินมากน้อยเท่าไร?” สวี่ส้าวเอ่ยถาม
สวี่เฉิงเซวียนตอบตามความจริง “ข้าได้ยินพวกท่านพูดว่าก้งเฉิงอะไรสักอย่าง แล้วก็ฆ่าเยี่ยนจิ่วเฉา”
สวี่ส้าวมองเขาด้วยสายตาดุดัน “เจ้าจำเอาไว้ว่า ไม่ว่าเมื่อครู่เจ้าได้ยินอะไร ทางที่ดีจงลืมไปให้หมด ไม่เช่นนั้นหากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป พ่อเองก็คงช่วยเจ้าเอาไว้ไม่ได้เป็นแน่!”
สวี่เฉิงเซวียนพึมพำ “ทราบแล้วขอรับ ท่านพ่อ”
……
สวี่ส้าวเริ่มภารกิจอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางกลับเมืองหลวง รถม้าของเยี่ยนจิ่วเฉาก็ถูกไล่ล่า เยี่ยนจิ่วเฉานอนไม่หลับ เขาอยู่บนรถม้า พยายามข่มตานอน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพุ่งแหวกอากาศเข้ามา จากนั้นศรธนูดอกหนึ่งก็ปักลงบนรถม้า
อิ่งสือซันส่งเชือกให้อิ่งลิ่ว แล้วชักกระบี่ออกมา
ในตอนนั้นเอง ด้านหน้าก็มีศรธนูนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา ราวกับหมายจะเอาชีวิตทุกคนบนรถม้า
อิ่งสือซันทะยานขึ้นกลางอากาศ รวบรวมพลังภายใน กวัดแกว่งกระบี่สกัดศรธนูด้านนอกรถม้า
เมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าธนูไม่ได้ผล จึงใช้การโจมตีระยะประชิด ภายในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียว คนสวมชุดดำปิดบังใบหน้านับสิบคนก็ถือกระบี่กรูกันเข้ามา
ในตอนนั้นฟ้ายังไม่สว่าง รอบกายพวกเขามีแต่ความมืด จิตสังหารของพวกเขาจึงถูกอำพรางได้ดีกว่าในตอนกลางวัน ทำให้ในตอนแรกอิ่งสือซันไม่สามารถจับสัมผัสพวกเขาได้
แม้แต่อิ่งลิ่วผู้ซึ่งระแวดระวังอยู่ตลอดเวลาก็ยังไม่สามารถสัมผัสจิตสังหารของพวกเขาได้ล่วงหน้า จึงสามารถบอกได้ว่าวิทยายุทธ์ของพวกเขาเหล่านี้เหนือการคาดเดา
“คุ้มครองคุณชาย!” พูดจบ อิ่งสือซันก็ยกกระบี่พุ่งเข้าใส่มือสังหารกลุ่มนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]