อวี๋หวั่นพูดว่า “ฮูหยินเหยียนมาหาข้า ย่อมต้องรู้ความจริงแล้ว เช่นนั้นฮูหยินเหยียนก็ต้องเข้าใจว่าคนที่เกลียดบุตรสาวของท่านมากที่สุด นอกจากคุณชายเยี่ยนแล้ว ก็คือข้า ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีทางให้อภัยเหยียนหรูอวี้!”
ฮูหยินเหยียนวิงวอน “ข้า…ข้าไม่ได้ขอร้องให้เจ้าให้อภัยนาง…ข้าเพียงแต่ขอให้เจ้าไว้ชีวิตนาง…ลูกก็คืนให้เจ้าแล้ว…”
อวี๋หวั่นสายตาเย็นเยียบ “คืนลูกให้ข้าแล้วก็จบเรื่องหรือ? ความผิดที่นางทำไว้ก็ไม่ต้องชดใช้หรือ? สองปีที่ผ่านมา นางทำอะไรไว้กับลูกข้า ท่านไม่รู้หรือ? หรือว่าท่านแสร้งทำเป็นไม่รู้กันแน่!”
ฮูหยินเหยียนจะไม่รู้ได้อย่างไร? ตอนที่เหยียนหรูอวี้คลุ้มคลั่งขึ้นมา นางเกือบพลั้งมือเอาชีวิตของมารดาไปเสียแล้ว เด็กทั้งสามอยู่กับเหยียนหรูอวี้ตลอด ไม่รู้ว่าต้องเผชิญกับอะไรบ้าง…แต่เหยียนหรูอวี้ก็เป็นลูกของนาง นางไม่อาจทนมองลูกสาวของนางถูกทรมานจนตายได้หรอก
“แม่นางอวี๋ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าเป็นแม่ ไม่ได้สั่งสอนลูกให้ดี หากเจ้าจะลงโทษ เจ้าก็ลงโทษข้าเถิด ได้โปรดไว้ชีวิตลูกสาวข้า ข้า…ข้าคุกเข่าให้เจ้าก็ได้!” ฮูหยินเหยียนพูด พร้อมกับคุกเข่าให้อวี๋หวั่นจริงๆ
ลูกค้าในร้านซาลาเปาต่างก็หันมามองเป็นตาเดียว
ภาพเหตุการณ์นี้ช่างประหลาดนัก ฮูหยินสวมอาภรณ์แพรไหม คุกเข่าต่อหน้าดรุณีน้อยสวมเสื้อผ้าธรรมดา
สีหน้าของอวี๋หวั่นมิได้เปลี่ยนแม้แต่น้อย
ฮูหยินเหยียนเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าตนเองจะลงไปคุกเข่าให้อวี๋หวั่นจริงๆ แต่นางก็มิได้ขยับ “แม่นางอวี๋ ไฉนเจ้าใจคอแข็งกระด้างเช่นนี้? เจ้าก็เป็นแม่คน…”
อวี๋หวั่นตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คำพูดนี้ทำไมท่านไม่ไปบอกกับลูกสาวท่านเล่า? นางก็เป็นแม่คน ท่านควรไปถามนางว่าจิตใจของนางดีกว่าข้าหรือไม่มากกว่า”
ฮูหยินเหยียนไม่รู้ว่าควรตอบว่าอย่างไร
อวี๋หวั่นพูดต่อ “คนที่ออกความคิดให้ขโมยลูกข้าคือสวี่ส้าว ‘แม่’ คนนั้นไม่ใช่เหยียนหรูอวี้ แต่เป็นคนอื่น เรื่องนี้ข้าจะไม่โทษนาง แต่ที่เหลือก็เป็นความผิดของนางทั้งหมด!”
ถ้าหากนางจริงใจกับเด็กทั้งสามสักหน่อย ก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ และถ้านางดูแลเด็กน้อยทั้งสามเป็นอย่างดีมาตลอดสองปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนจิ่วเฉา หรือตัวเธอเอง ก็คงไม่ปล่อยให้นางเป็นเช่นนี้ พูดง่ายๆ ก็คือนางไม่ได้ไม่มีทางเลือก แต่นางเลือกเส้นทางนี้ด้วยตัวเอง
อวี๋หวั่นลุกขึ้นยืน แล้วมองไปยังฮูหยินเหยียนซึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น “เป็นแม่เหมือนกัน ท่านรักลูกท่าน ข้าก็รักลูกข้า”
ฮูหยินเหยียนเข้าใจได้ทันที อวี๋หวั่นบอกเธออย่างชัดเจนว่า เจ้าไม่อยากให้ลูกสาวเจ้าตายมากเท่าไร ข้าก็อยากให้นางตายมากเท่านั้น
อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจฮูหยินเหยียนอีก ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คนในร้าน เธอเดินไปสั่งซาลาเปาสองเข่ง เข่งหนึ่งให้ลูกๆ อีกเข่งหนึ่งให้สารถีรถม้า
สารถีเป็นคนแซ่สวี ทำงานที่จวนคุณชายเยี่ยนมาห้าปีแล้ว ลุงวั่นให้ความสำคัญกับเขามาก
อวี๋หวั่นครุ่นคิดอยู่สักพัก สุดท้ายก็ถามเขาเกี่ยวกับเหยียนหรูอวี้
สารถีสวีเล่าเรื่องที่ตนเองได้ยินมาจากลุงวั่นทั้งหมดโดยมิได้ปิดบัง ที่จริงแล้วฮูหยินเหยียนมาหาอวี๋หวั่นก็มิใช่ไม่มีต้นสายปลายเหตุ เหยียนหรูอวี้ทำผิดครั้งใหญ่เช่นนี้ ทำให้อยู่ในสกุลเหยียนไม่ได้อีกต่อไป ฮูหยินเหยียนจึงให้เงินนางไปเพื่อหลบหนี ทว่านางออกจากเมืองหลวงไม่ได้ จากนั้นก็ถูกหัวขโมยขโมยของไป เถ้ากระดูกของลูกนางถูกทำลาย นางโศกเศร้าจนเสียสติ ร้องไห้อยู่บนถนนครึ่งค่อนคืน ก่อนจะถูกทางการจับตัวไป
เหยียนหรูอวี้ไม่ได้ถูกจับไปเข้าคุกของจวนจิงจ้าว หากแต่ถูกจับไปไว้ในห้องขังพิเศษแถบชานเมืองทางทิศตะวัน ออกของเมืองหลวง ที่นั่นมีไว้สำหรับขังนักโทษที่สติวิปลาสโดยเฉพาะ
เป็นนักโทษก็ว่าน่ากลัวแล้ว เป็นนักโทษที่เสียสตินี่…
ฮูหยินเหยียนไปเยี่ยมนางมาครั้งหนึ่ง ได้ยินว่าถึงกับลมจับ
“คนทำผิดก็ต้องได้รับผลกรรม” อวี๋หวั่นปัดแขนเสื้อ แล้วเดินขึ้นรถม้าไปอย่างไม่รีบร้อน
เดิมทีคิดว่าจะได้เดินทางกลับหมู่บ้านอย่างไร้อุปสรรคเสียที ไหนเลยจะรู้ว่าออกนอกประตูเมืองไปได้เพียงครู่เดียวก็มีคนมาขวางทางอีกแล้ว
วันนี้มันวันอะไรกัน? นัดกันมาหาเธอหรือยังไง? เธอเนื้อหอมขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?
“แม่นางอวี๋ จะลงจากรถหรือไม่ขอรับ? หรือจะให้ข้าไล่คนไป?” สารถีสวีถาม
อวี๋หวั่นแง้มม่านดู แล้วบอกกับเขาว่า “ท่านไล่ไปไม่ได้หรอก”
เพราะคนที่มาก็คือสวี่ส้าว!
ดูเหมือนว่ารถม้าของสวี่ส้าวจะจอดอยู่นานจนต้นหญ้าบนพื้นรอบๆ รถม้าถูกม้ากินเป็นหลุมเสียแล้ว
เด็กน้อยทั้งสามเพิ่งกินอิ่ม พวกเขาง่วงนอน ทำตาปรืออยู่ในอ้อมกอดของอวี๋หวั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]