พวกเขาจะมีสีหน้าอย่างไรนะ?
จะตกใจ ดีใจ หรือว่าจะกลัว?
หากเป็นผู้ใหญ่ก็คงจะรู้สึกดีใจอยู่บ้าง ทว่าสำหรับเด็กเล็กเพียงเท่านี้ ไม่ว่าแม่ของพวกเขาจะโหดร้ายเพียงใด แต่ก็เป็นแม่ของพวกเขาอยู่ดี
พวกเขาอาจจะกลัวนาง แต่ก็เกลียดนางไม่ลง
ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ ท่านแม่ก็ไม่ใช่ท่านแม่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น ในทางกลับกัน ต่อให้พวกเขาเข้าใจ ก็คงไม่ได้รู้สึกโล่งอกกับเรื่องในอดีตเพียงเพราะเหตุผลนี้
เป็นเพราะพวกเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆ นางจึงปฏิบัติต่อพวกเขาไม่ดี ความสัมพันธ์ของเหตุและผลเช่นนี้เป็นตรรกะของผู้ใหญ่ เด็กจะเข้าใจได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม อวี๋หวั่นไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้เลย อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังเล็กอยู่ เมื่อโตขึ้นพวกเขาก็จะจดจำเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่ต้องรอให้พวกเขาโต หลังจากนี้อีกไม่กี่ปี พวกเขาก็คงนึกไม่ออกแล้วว่าเหยียนหรูอวี้คือใคร
ทั้งสามคนไม่คุ้นเคยกับการที่อวี๋หวั่นเรียกตัวเองว่าแม่ พวกเขาทำตาโตมองมายังอวี๋หวั่นด้วยความฉงนใจ
อวี๋หวั่นไม่ได้อธิบาย เพียงแต่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “กินยาหรือยัง?”
ทั้งสามคนทำคอตกในทันที
อวี๋หวั่นหลุดหัวเราะ “ไม่อยากกินยาก็เลยหลบมาที่นี่ใช่ไหม?”
ทั้งสามคนคอตกยิ่งกว่าเดิม
ที่จริงอวี๋หวั่นควรรู้สึกเป็นทุกข์ที่พวกเขาเป็นหวัดงอมแงมอย่างนี้ แต่ท่าทางเศร้าสร้อยของพวกทำให้เธอรู้สึกขบขัน ที่จริงอย่าว่าแต่พวกเขาเลย เธอเองก็ไม่อยากกินยา ใครให้ยาชมปี๋ขนาดนี้กันล่ะ เพียงแต่ว่าเธอโตแล้ว จะกินยาหรือไม่กินก็ไม่เป็นไร แต่พวกเขายังเด็ก เรื่องนี้จึงไม่อาจละเลยได้
แม่นมยกยาไปรออยู่หน้าประตูนานแล้ว แต่หากไม่มีคำสั่งของเยี่ยนจิ่วเขา พวกนางก็ไม่กล้าเข้าไป
“ให้ข้า” เยี่ยนจิ่วเฉาเดินไปหน้าประตู แล้วรับถ้วยยาจากพวกนางมา
เยี่ยนจิ่วเฉาวางถ้วยยาไว้บนโต๊ะ
อวี๋หวั่นจูงมือเด็กทั้งสามมาที่โต๊ะ
ทั้งสามคนก้มหน้างุด ราวกับกำลังต่อต้าน
แต่เมื่ออวี๋หวั่นอุ้มพวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ ใช้ช้อนคนเล็กๆ ตักยาป้อน พวกเขาก็อ้าปากแต่โดยดี
ทั้งสามกินยาจนหมด ยานั้นขมจนขนลุก
อวี๋หวั่นรีบป้อนผลไม้แช่อิ่มให้พวกเขาทันที เด็กน้อยน้ำมูกไหลย้อยทั้งสามก็ปีนเข้าหาอ้อมอกของเธอด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
ริมฝีปากของอวี๋หวั่นหอมที่จอนผมของพวกเขาเบาๆ ได้กอดพวกเขาแบบนี้ ดีจังเลย
เยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ด้านข้าง มองแม่ลูกสี่คนกอดกันกลม จากนั้นก็มองออกไปยังบ่าวและคนอื่นๆ ซึ่งกำลังง่วนทำงาน จวนของเขาก็ยังเป็นจวนหลังเดิม ลานบ้านก็ลานเดิม แต่เมื่อมีอวี๋หวั่นเพิ่มมาอีกหนึ่งคน กลับรู้สึกราวกับว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม
ในเมื่ออวี๋หวั่นตื่นแล้ว ไป๋ถังก็ไม่จำเป็นต้อง ‘ดูแล’ อีกต่อไป นางจึงกลับไป
อวี๋หวั่นเองก็ไม่ได้ปล่อยปละละเลยร่างกายของตนเอง เธอรักษาอาการป่วยอยู่ที่จวนคุณชายอยู่ถึงสองวัน จนเท้าอุ่นและคอไม่เจ็บแล้ว จึงเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน
ทว่าเธอไม่ได้เก็บข้าวของเพียงอย่างเดียว แต่จะเก็บเด็กน้อยทั้งสามไปด้วย
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังห่อผ้าห่อใหญ่หนึ่งห่อและห่อเล็กสามห่อบนโต๊ะ สีหน้าก็สลดลงทันที “แล้วข้าเล่า?”
อวี๋หวั่นมองเขาด้วยสายตาประหลาด “ใครบอกว่าจะพาท่านกลับไปด้วย?”
เยี่ยนจิ่วเฉาหน้าชาราวกับถูกน้ำเย็นสาด “…”
เด็กน้อยทั้งสามเดินเตาะแตะเข้ามา มองท่านพ่อด้วยหน้าตาบ้องแบ๊ว สองวันที่ผ่านมาอวี๋หวั่นดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี พวกเขาน้ำมูกไม่ไหลแล้ว
เป็นลูกนี่ดีเหลือเกินนะ เยี่ยนจิ่วเฉาบีบแก้มของเด็กน้อย แล้วหัวเราะ ‘เหอะๆ’ กับอวี๋หวั่น “เจ้าถามพวกเขาหรือยังว่าอยากไปหรือไม่?”
ยังพูดไม่ทันจบ เด็กน้อยทั้งสามก็เขย่งปลายเท้าหยิบถุงผ้าบนโต๊ะแล้วเดินเตาะแตะออกไป!
เยี่ยนจิ่วเฉากัดฟันกรอด เจ้าเด็กใจร้าย!
เอาเถอะ เขาเองก็ไม่ได้อยากกลับไปหมู่บ้านกับนางสักหน่อย เพียงแต่จะกลับหรือไม่กลับเป็นเรื่องของเขา นางชวนหรือไม่ชวนเขากลับด้วยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาเผยสีหน้าซับซ้อน
“คุณชาย แม่นางอวี๋ไปแล้วนะขอรับ” อิ่งลิ่วเตือน
เยี่ยนจิ่วเฉายืนอยู่ที่ทางเดิน มองไปยังทางออก “ข้ารู้”
“พาคุณชายน้อยไปด้วยนะขอรับ” อิ่งลิ่วพูดต่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]