หมอหญิงยอดดวงใจของท่านอ๋องเจ้าเล่ห์ นิยาย บท 4

สรุปบท บทที่ 4: หมอหญิงยอดดวงใจของท่านอ๋องเจ้าเล่ห์

อ่านสรุป บทที่ 4 จาก หมอหญิงยอดดวงใจของท่านอ๋องเจ้าเล่ห์ โดย Internet

บทที่ บทที่ 4 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายนิทานโบราณ หมอหญิงยอดดวงใจของท่านอ๋องเจ้าเล่ห์ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หยุนเอ๋อร์มองเจ้านายของตนเองด้วยท่าทางร้อนรน กล่าวเตือนอย่างระมัดระวังว่า "นายหญิง ท่านอ๋องไม่ให้ท่านไปเจ้าค่ะ อย่าไปเลยนะเจ้าคะ"

นางติดตามหนิงอวิ้นหยูวมาตั้งแต่เด็ก จึงรู้เป็นอย่างดีว่าความรักที่หนิงอวิ้นหยูวมีต่อซือจ้านเหยียนมันลึกซึ้งแค่ไหน

คนงามหวังดีด้วยมีใจ แต่สายน้ำกลับไหลผ่านไร้ความปราณี ซือจ้านเหยียนแทบไม่สนใจความเป็นความตายของหนิงอวิ้นหยูวเลยด้วยซ้ำ

หยุนเอ๋อร์เป็นเพียงสาวใช้จึงไม่อาจช่วยอะไรได้มาก ทุกครั้งจึงทำได้แค่กระวนกระวายใจอยู่ข้างกายหนิงอวิ้นหยูวเท่านั้น

หนิงอวิ้นหยูวรู้ว่าคำพูดของนางมาจากความหวังดี แต่การตายไม่เป็นธรรมของเจ้าของร่างเดิม หลงเหลือไว้ซึ่งความไม่ยินยอมเต็มอก ถ้าวันนี้นางไม่ออกหน้าแทนเจ้าของร่างเดิม เจ้าของร่างเดิมคงไปอย่างมีอะไรติดค้างในใจแน่ ๆ

นางตบไหล่หยุนเอ๋อร์เบา ๆ แล้วเอ่ยว่า "ถ้าวันนี้ข้าไม่ไป หลังจากนี้ก็จะไม่มีใครจำได้น่ะสิว่าในจวนแห่งนี้ยังมีหวางเฟยเช่นข้าอยู่ อีกอย่าง สามีแต่งสนมเข้าเรือนทั้งที ข้าเป็นถึงนายหญิงของจวน จะไม่ออกหน้าได้อย่างไร"

ขณะที่พูด นางก็ชี้ไปที่ชุดใหม่สีแดงสด แล้วพูดกับหยุนเอ๋อร์ว่า "วันดี ๆ เช่นนี้ ก็ต้องแต่งจัดเต็มหน่อยสิ"

หยุนเอ๋อร์มองมาที่นางด้วยใบหน้ากังวล จากนั้นก็หยิบชุดมาเปลี่ยนให้หนิงอวิ้นหยูวเงียบ ๆ

หนิงอวิ้นหยูวเปลี่ยนมาใส่อาภรณ์สีแดง แต่งหน้าอย่างบรรจง

ก่อนจะออกไปข้างนอก นางก็หยิบผ้ามาคลุมหน้า ปกปิดความงามของนางไว้ครึ่งหนึ่ง

ด้านนอกจวน ประตูสิริมงคลประดับประดาไปด้วยสีแดง ขนาดอยู่ข้างนอกก็ยังได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีดังในลานพิธี แตกต่างกับบรรยากาศเย็นชืดในวันแต่งงานของจ้านอ๋องกับพระชายาเมื่อไม่กี่วันก่อนอย่างสิ้นเชิง

ในตอนที่หนิงอวิ้นหยูมาถึงประตู ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับมู่หนิงเอ๋อร์ลงมาจากเกี้ยวเจ้าสาวพอดี

ดวงตาฉ่ำน้ำของมู่หนิงเอ๋อร์ทอดมองใบหน้าของซือจ้านเหยียนผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวโปร่งบางอย่างหลงใหล ราวกับมีถ้อยคำมากมายสื่อผ่านแววตา พูดออกมาไม่จบไม่สิ้น

ด้านซือจ้านเหยียนที่อยู่ตรงหน้าวันนี้สวมใส่ชุดแต่งงานสีแดง ช่วงเอวผูกด้วยสายรัดเอวทำจากใยไหมสีเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีเย็นชาในวันที่แต่งงานกับหนิงอวิ้นหยูวแล้ว วันนี้ใบหน้าของเขาดูมีความสุขราวกับชนะคนทั้งโลก

เขาจูงมือบอบบางของมู่หนิงเอ๋อร์ด้วยความรักใคร่ จากนั้นทั้งสองคนก็เดินเข้าไปในจวนพร้อมกัน

ไม่ว่าใครได้เห็นภาพนี้ ต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขาเป็นคู่ที่เหมือนกิ่งทองใบหยก ราวกับสวรรค์สรรค์สร้าง

“ฤกษ์งามยามดีมาถึงแล้ว เชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวกราบไหว้ฟ้าดิน!”

“ช้าก่อน!” เสียงเยือกเย็นเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

จากนั้นก็ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งในชุดสีแดงสุด

หนิงอวิ้นหยูวเดินช้า​ ๆ เข้าไปหาทั้งสองคน วินาทีที่นางปรากฏตัว เสียงปะทัด เสียงตีกลองต่างก็หยุดชะงักลง เมื่อทุกคนเห็นนาง ล้วนมีสีหน้าราวกับเห็นผี

มีข่าวลือแพร่สะพัด ว่าหนิงอวิ้นหยูวจบชีวิตตนเองในวันที่สองหลังจากแต่งเข้าจวนจ้านอ๋อง

การปรากฏตัวของนางในพิธีแต่งงานที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต่างก็ใจตรงกัน ก็ยิ่งทำนางเหมือนตัวตลก

“เจ้ามาทำไม?” ใบหน้าของซือจ้านเหยียนเปลี่ยนเป็นเย็นชาในทันที

“ท่านอ๋องแต่งงานทั้งที ข้าในฐานะหวางเฟยที่แต่งเข้ามาอย่างถูกหลักประเพณีจะไม่มาเข้าร่วมพิธีได้อย่างไร?" หนิงอวิ้นหยูวจ้องเขม็งมาที่เขา เอ่ยออกมาชัด ๆ ทีละคำว่า "ท่านอ๋อง ตามที่บรรพบุรุษสร้างกฎเอาไว้ สนมจะเข้าประตูหลักไม่ได้ หากจะเข้าจวนก็คงต้องเข้าทางประตูรองแล้วล่ะ"

คนงามน้ำตาตก จนซือจ้านเหยียนสงสารจับใจ เขาจึงเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า "การที่ข้าให้หนิงเอ๋อร์เข้าทางประตูรอง ก็ถือว่าข้ายอมให้สุด ๆ แล้วนะ เจ้าอย่ามาทำตัวได้คืบจะเอาศอก"

“ได้คืบจะเอาศอก?” หนิงอวิ้นหยูวแสยะยิ้ม นางเอ่ยพูดอย่า เรียบนิ่งว่า "เขาทำกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ มีท่านอ๋องที่ไหนเคยแต่งสนมแล้วไม่ให้เข้าทางประตูรองกับใส่ชุดแต่งงานสีชมพูบ้าง ทำไมมู่หนิงเอ๋อร์ถึงได้พิเศษนักล่ะ หรือว่าในสายตาของท่านอ๋อง กฎของบรรพบุรุษจะมองข้ามอย่างไรก็ได้?"

ไม่ให้ความสำคัญต่อกฎบรรพบุรุษ ข้อกล่าวหานี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงอย่างไม่ต้องสงสัย

มู่หนิงเอ๋อร์ทนไม่ไหว นางจึงลงมือดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกเอง แล้วมองไปยังหนิงอวิ้นหยูวที่กำลังยืนอยู่ตรงประตูอย่างหยิ่งยโส

เมื่อก่อนนังคนอัปลักษณ์นี้มีแต่ถูกรังแก เคยกล้ามีปากมีเสียงแบบนี้เสียที่ไหน แต่วันนี้อีกฝ่ายกลับพูดจาฉะฉานประโยคที่พูดออกมาไม่มีจุดไหนผิดสักคำ นางแทบอยากเข้าไปฉีกหน้าหยิ่ง ๆ ของหนิงอวิ้นหยูวให้เละ

นางฝืนข่มกลั้นความโกรธ กัดริมฝีปากแล้ววิ่งไปหาหนิงอวิ้นหยูวด้วยสีหน้ากังวล

“ท่านพี่ ความผิดทุกอย่าง ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของหนิงเอ๋อร์ เพราะหนิงเอ๋อร์ไม่รู้ความเอง ท่านพี่อย่าโทษพี่เหยียนเลยนะ!”

หนิงอวิ้นหยูวก้มหน้ามอง เมื่อเห็นอีกฝ่ายมองมาที่ตนด้วยท่าทางน่าสงสารเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่กำลังตื่นกลัว ก็อดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าท่าทางนี้มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก

แต่ความโกรธที่ฉายวาบผ่านแววตาของมู่หนิงเอ๋อร์เมื่อสักครู่ ถูกนางจับสังเกตได้อย่างแม่นยำ

หนิงอวิ้นหยูวแสยะยิ้ม รู้สึกทึ่งกับทักษะการแสดงของมู่หนิงเอ๋อร์ แบบนี้คงได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมแน่ ๆ

น่าเสียดาย ต่อให้โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกสายตานางไม่ได้หรอก

นางเอ่ยพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า "ในเมื่อเจ้าสำนึกผิด ไยจึงไม่รีบปฏิบัติตามกฏล่ะ อย่าทำให้ทุกคนอับอายสิ!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงยอดดวงใจของท่านอ๋องเจ้าเล่ห์