ในขณะที่หมอสาวกำลังย่างก้าวเข้าไปในห้องผ่าตัด เธอกลับพบผ้าที่คลุมร่างผู้ป่วยเอาไว้ หมอสาวมาช้าเกินไปไม่สิเธอมาเลทเป็นชั่วโมง
"เราพยายามแล้วครับ ปั๊มหัวใจแล้วแต่ผู้ป่วยก็ไม่ฟื้น" นายแพทย์อีกคนเอ่ยขึ้น หลังจากที่หมอพุฒตาลนั้นทำหน้าเศร้าสลดอย่างเห็นได้ชัด
"เป็นเพราะตาลมาช้าไปใช่ไหมคะ" หมอพุฒตาลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ภาพผู้ป่วยตรงหน้ามันช่างเป็นภาพ ที่สุดแสนจะสะเทือนใจเหลือเกิน สำหรับหมออย่างเธอ
"ไม่ใช่ความผิดของหมอตาลหรอกครับ ผู้ป่วยอยู่ในขั้นวิกฤติแล้วจึงมาพบแพทย์ช้าไป เราจึงรักษาไม่ได้" "แต่ถ้าตาลมาเร็วกว่านี้อาจจะยื้อชีวิตคนไข้ไว้ได้" พูดจบหมอพุฒตาลก็เดินออกไปจากห้องผ่าตัด ก่อนจะเปลี่ยนชุดแล้วเข้ามานั่งยังห้องพักแพทย์ด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ถ้าเตชินไม่ทิ้งเธอไวกลางทาง เธออาจจะมาทันยื้อชีวิตผู้ป่วยรายนี้ไว้ก็ได้ การตายของผู้ป่วยครั้งนี้มันจะเป็นตราบาปที่ติดอยู่ในใจของเธอ ตราบนานเท่านาน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! แอ๊ด!! เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียงคนเปิดเข้ามา ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือหมอต้น พอทราบข่าวจากหมอในห้องผ่าตัด ถึงสภาพจิตใจของหมอพุฒตาล ทำให้หมอหนุ่มรีบมาหาเธอทันที ด้วยความห่วงใย
"ใจเย็นๆ นะครับ มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลย ผู้ป่วยรายนี้มาช้าถึงขั้นวิกฤติมากแล้ว ต่อให้คุณหมอมาเร็วกว่านี้ ก็แค่ยื้อไว้ไม่กี่นาทีเท่านั้น ยังไงคนไข้ก็ต้องเสียชีวิตอยู่ดี" หมอพุฒตาลทราบดีว่าหมอต้นพูดให้กำลังใจเธอ เพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น ความเป็นจริงแล้วหน้าที่ของหมอ คือการรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่ามาช้าหรือเร็วหมอก็ต้องรักษา ไม่ใช่ละทิ้งหน้าที่ในแบบที่เธอกำลังเป็นอยู่
"ขอบคุณนะคะหมอต้น สำหรับกำลังใจ ยังไงตาลก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดีได้เวลาแล้ว ตาลขอตัวไปตรวจคนไข้ก่อนนะคะ" หมอพุฒตาลพูดพร้อมกับเอามือปาดน้ำตาออกจากแก้ม แล้วเดินออกไปจากห้องพักแพทย์ ตรงไปยังตึกของผู้ป่วยรวม หมอสาวทำงานจนเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบตีหนึ่งแล้ว เธอจึงเดินออกมาหน้าตึกของโรงพยาบาล กลับพบเพียงความว่างเปล่า เธอไม่มีเบอร์โทรของเตชินไม่รู้ว่าจะติดต่อกับเขาได้ยังไง
ปี้น! ปื้น! เสียงแตรรถดังขึ้น ในระยะไม่กี่เมตร ขณะที่หมอพุฒตาลกำลังยืนอยู่หน้าตึก "ขึ้นมาครับหมอตาลเดี๋ยวผมไปส่ง หมอสาโทรมาบอกว่าคุณมารถแท็กซี่ไม่มีรถกลับ" หมอต้นตะโกนออกมาเบาๆ ขณะที่เขานั่งอยู่ในรถ เพราะหมอสาเข้าเวรต่อจึงไปส่งเธอไม่ได้ ส่วนหมอเจนนั้นได้ลาพักร้อนไปหลายวัน "ขอบคุณมากนะคะหมอต้น" หมอสาวกล่าวขอบคุณหมอหนุ่ม เมื่อเธอขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วระหว่างทาง ทั้งสองก็คุยกันสัพเพเหระเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป ส่วนมากจะเป็นเรื่องของผู้ป่วยมากกว่า และก็ตำราเรียน เพราะหมอต้นกำลังจะไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ต่างประเทศ
ขณะที่รถกำลังแล่นเข้ามาภายในบ้านนั้น เตชินได้แอบมองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อเขาเห็นหมอหนุ่มมาส่งหมอพุฒตาล ทำให้เขานั้นไม่ค่อยพอใจที่เธอมีผู้ชายมาส่งกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ หมอพุฒตาลเปิดประตูเข้ามายังห้อง เธอรู้สึกหายใจไม่ค่อยโล่งกับกลิ่นบุหรี่ที่เขาสูบ เตชินยังคงนั่งสูบบุหรี่อยู่กลางดึกแบบนี้ แน่นอนเขาตั้งใจจะแกล้งเธอ
“หึ! หึ! มีผู้ชายมาส่งกลางดึก เลทไปเป็นชั่วโมงไปแวะที่ม่านรูดไหนมาล่ะ!" คำพูดของเตชินนอกจากเขาจะไม่เคยให้เกียรติเธอแล้ว เขายังพูดดูถูกตีค่าตีราคาของเธอเป็นแค่ผู้หญิงค่างวด ที่มีค่าต่ำต้อยแล้วยังจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายอีก หมับ!! เขาจับกระชากร่างอรชรของหมอสาวล้มลงไปนอนราบกับเตียงนอน
แคว่ก! เขาฉีกชุดที่เธอสวมใส่ราวกับว่าเธอใช้กระดาษซื้อมันมา แม้ว่าราคาชุดจะไม่แพง แต่เธอก็ใช้เงินตราที่หามาได้ซื้อมันมา ไม่เคยแบมือขอจากผู้เป็นมารดาเหมือนอย่างที่เขาเป็น เขาจัดการกับชุดของหมอสาวออก ก่อนจะจัดการกับชุดของเขาเองแล้วโยนมันทิ้งลงไปกองกันรวมไว้กับพื้น
เตชินจัดการกับสาวร่างเล็กอย่างไม่แยแสต่อความรู้สึกของเธอ เขาไม่ถามเธอเลยสักนิดว่าเธอนั้นเพิ่งเจออะไรมาบ้าง ความเจ็บปวดที่เพิ่งได้รับมานั้น เธอกลับโดนเตชินตอกย้ำมันลงไป ร่างกายที่อ่อนล้ากับจิตใจที่อ่อนแอ กำลังถูกผู้เป็นสามีกระทำอย่างป่าเถื่อน เขายัดท่อนเอ็นนั่นเสียบลงไป ในช่องแคบใต้หว่างขาของเธอ โดยไม่สนใจว่าหมอสาวนั้นจะรู้สึกอย่างไร
พรึ่บ!! เมื่อท่อนเอ็นถูกมือหนาดันเข้ามาที่ร่องสวาทของเธอ หมอสาวรู้สึกเจ็บแต่เธอกลับเก็บอาการอดกลั้นเอาไว้ ไม่แสดงออกมาให้เขารับรู้
"ระหว่างผมกับไอ้หมอนั่นใครทำให้คุณถึงใจกว่ากัน"
ตรั่บ! ตรั่บ! ตรั่บ! ปากพูดสะโพกหนาก็โยกเข้าออก อย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าร่างกายของเธอนั้น มีไว้แค่ระบายให้เขาได้ปลดปล่อยความใคร่เท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนี้รักหมอสาว