หนุ่มเศรษฐีลึกลับ นิยาย บท 277

บทที่ 277 คนเยอะเรื่องแยะ

เมื่อได้ยินลู่เสี้ยงหยางพูดแบบนี้ ลู่กั๋วต้งโกรธจนหน้าเบี้ยว

ไอ้หมอนี้โง่จริงหรือแกล้งโง่? ฟังไม่ออกหรือว่า พ่อเขาจงใจที่จะปกป้องเขา หาโอกาสให้เขารอด แต่เขานี่ กลับทำเรื่องตาลปัตร

“เฮ้อ ช่างเป็นเรื่องที่น่าอัปยศของตระกูล” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสท่านใดในตระกูลลู่พูดออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา

เวลานั้น ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ได้แต่ส่ายหัว และถอนหายใจตามๆ กัน

ดูเหมือนว่าพวกเขาจะผิดหวังในตัวลู่เสี้ยงหยางอย่างมาก ถ้าไม่เห็นแก่หน้าของลู่กั๋วต้ง พวกเขาคงลงมือทำอะไรสักอย่างแล้ว

ตระกูลลู่สืบทอดในเมืองหลวงเป็นเวลาหลายร้อยปี และเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงร่ำรวยมาก พวกเขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของวงศ์ตระกูลเป็นอย่างยิ่ง การที่ลู่เสี้ยงหยางล่วงเกินวางหยู่แบบนี้ เป็นการลบหลู่ชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล เพราะฉะนั้นในสายตาของพวกเขา ลู่เสี้ยงหยางคือความอัปยศของตระกูล เป็นกากเดนที่สังคมไม่ยอมรับ

“ฮ่าฮ่า ลู่เสี้ยงหยางตายแน่ วันนี้จะดูว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง” ลู่เซี่ยงหลงคิดหัวเราะอยู่ในใจ

แม่ง คิดจะมาต่อกรกับตน นายมันยังอ่อนหัดอยู่มาก

เซี่ยตงเสว่ มีแผนชั่วในใจ วันนี้ขอแค่ได้กำจัดลู่เสี้ยงหยางออกไป วันหน้าค่อยใช้แผนเดียวกันกำจัดลู่กั๋วต้ง

ลู่เซี่ยงหยุนหายใจเข้าลึก ๆ ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด พร้อมทั้งมองไปที่ลู่กั๋วต้งและพูดว่า “ประมุข ผมหวังว่าท่านจะจัดการเรื่องนี้ด้วยความยุติธรรม เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อทุกคนในตระกูล และต้องทำเช่นนี้ เท่านั้น ถึงจะรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของตระกูลของเรา”

หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างละเอียดอยู่ในใจแล้ว เขาตัดสินใจเชื่อวางหยู่อย่างไม่มีเงื่อนไข ดูเหมือนว่าเมื่อก่อนเขาจะดูคนผิด นับถือลู่เสี้ยงหยางเหมือนพี่น้อง

ไม่คิดว่าลู่เสี้ยงหยางเป็นคนไม่จริงใจ และยังจะสวมเขาให้เขา

ลู่เสี้ยงหยางหันหน้า และมองไปที่ลู่เซี่ยงหยุนอย่างไม่เชื่อสายตา ดูเหมือนว่าลู่เซี่ยงหยุนได้ตัดสินเขาไปแล้ว

เวลานั้น เหมือนมีดกรีดลงกลางใจ เขามองไปที่ลู่เซี่ยงหยุน แล้วพูดว่า “พวกเราเป็นพี่น้องกันมาตั้งหลายปี นายก็ไม่เชื่อฉันเหรอ?”

ถ้าแม้แต่ลู่เซี่ยงหยุนก็ไม่เชื่อเขา ในตระกูลนี้นอกจากพ่อของเขาแล้ว คงไม่มีใครเชื่อเขาอีกเลย

ลู่เซี่ยงหยุนหันหน้าไปอย่างแข็งกระด้าง และพูดว่า “ฉันเชื่อในความจริงของเรื่องนี้เท่านั้น จากนี้เป็นต้นไป เราสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก วันหน้าหากพบกัน ก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า”

ลู่เสี้ยงหยางตัวสั่นสะท้าน น้ำตาคลอเป้าอย่างอดไม่ได้

คำพูดของลู่เซี่ยงหยุน ได้ทำร้ายจิตใจของเขาอย่างสาหัส

“วางใจได้ ผมจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่าง เพื่อให้คำตอบแก่ทุกคน” ลู่เสี้ยงหยางพูดด้วยความจริงจัง

ลู่เซี่ยงหลงยิ้มเยือกเย็น แล้วพูดต่อไปว่า “ความจริงหรือ? ความจริงที่นายต้องการคืออะไร?”

เซี่ยตงเสว่พูดด้วยความดูถูกเหยียดหยามว่า “อย่าทำเหมือนว่าตัวเองถูกใส่ร้ายป้ายสี ก่อนที่จะทำเรื่องชั่วช้าทำไมไม่คิดถึงผลที่จะตามมา ฮึ..วันนี้นายจะพูดอะไรก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเรื่องที่นายทำไว้ ต้องได้รับการลงโทษตามกฎของตระกูล”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าผู้อาวุโสตระกูลลู่ก็พยักหน้า และเห็นด้วยกับคำพูดของเซี่ยตงเสว่ เพราะพวกเขาล้วนก็คิดแบบนี้เช่นกัน ลู่เสี้ยงหยางทำเรื่องน่าอัปยศแบบนี้ ทำให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียง ลู่เสี้ยงหยางจึงต้องรับโทษอย่างสาสม

ลู่กั๋วต้งเห็นและรับรู้เรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากส่ายหัว

ถึงแม้ว่าในใจเขาไม่เชื่อว่าลู่เสี้ยงหยางจะทำเรื่องแบบนี้ได้ แต่ว่า ตัวเขาเองก็ไม่สามารถพิสูจน์และช่วย ลู่เสี้ยงหยางได้

เรื่องนี้ สุดท้ายลู่เสี้ยงหยางก็ต้องพึ่งพาตัวเอง

ถอนหายใจยาวๆ ลู่กั๋วต้งมีสีหน้าที่สับสน เพราะเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะลงโทษลู่เสี้ยงหยางยังไงดี

ถ้าลงโทษสถานเบา ก็จะทำให้คนในตระกูลลู่เกิดข้อกังขา ว่าเขาจงใจปกป้องลูกชาย

ถ้าลงโทษหนัก นี่เป็นลูกชายของเขาเอง จะทำใจลงมือได้อย่างไร?

ลู่เสี้ยงหยางเห็นถึงความลำบากใจของพ่อ และพูดด้วยรอยยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ดี ในเมื่อพวกท่านคิดว่า เรื่องนี้ผมเป็นคนทำ ก็ถือว่าผมยอมรับก็แล้วกัน มันไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของลู่เซี่ยงหลงและเซี่ยตงเสว่เบิกกว้างขึ้นมาทันที ปรบมือแล้วพูดว่า “ดีเลย ในที่สุดนายก็ยอมรับ ฉะนั้น ถ้าตระกูลจะลงโทษนายก็เป็นเรื่องที่สมควร”

ลู่เสี้ยงหยางไม่อยากให้พ่อต้องลำบากใจ ก็เลยพูดเองว่า “นับแต่นี้ไป ผมขอออกจากตะกูลลู่ จะไม่ใช่คนของตระกูลลู่อีกต่อไป ฮึ่ม และนับจากนี้ กฎของตระกูลลู่ก็จะไม่สามารถใช้กับผมได้อีกต่อไป”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ คนในตระกูลลู่ไม่น้อยที่รู้สึกตระหนกตกใจ

ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขา จะขอยอมรับการลงโทษจากตระกูล ก็จะไม่ยอมออกไปจากตระกูลโดยง่ายๆ เหมือนกับลู่เสี้ยงหยาง เพราะหลังจากที่ออกจากตระกูลลู่ ก็จะไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากตระกูลอีกต่อไป ต้องเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่ข้างนอก นึกภาพออกเลยว่าชีวิตจะน่าสังเวชแค่ไหน

ลู่กั๋วต้งรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมาก อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ และเขาก็รู้ดีว่า ลู่เสี้ยงหยางทำแบบนี้เพราะไม่ต้องการให้คนเป็นพ่ออย่างเขาต้องลำบากใจ

“วางใจเถอะ เสี้ยงหยาง เรื่องนี้พ่อจะไม่ให้ลูกต้องถูกใส่ร้ายป้ายสี พ่อจะสืบอย่างลับๆ ให้ความจริงถูกเปิดเผย และคืนความบริสุทธิ์ให้เจ้า” ลู่กั๋วต้งกล่าว

ลู่เซี่ยงหลงและเซี่ยตงเสว่ ดีใจจนเกือบจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เพราะว่านี่เป็นผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการ

เพราะถ้าลู่เสี้ยงหยางกระเด็นออกไปจากตระกูล ก็เท่ากับว่าแผนของพวกเขาได้สำเร็จแล้วไปครึ่งหนึ่ง

หลังจากนั้น ก็กำจัดประมุขลู่กั๋วต้ง ด้วยฝีมือลู่เซี่ยงหลง จากนั้นข่มขู่พวกคนแก่ในตระกูล ให้พวกเขายอมรับตัวเขาเองขึ้นเป็นประมุขแทน ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย

ถ้าเวลานั้นมาถึง เมื่อเขาได้ตำแหน่งประมุขประจำตระกูล เขาก็จะถอนรากถอนโคนครอบครัวของลู่เสี้ยงหยางให้สิ้นซาก ก็จะทำให้ตำแหน่งประมุขของเขามั่นคง

เมื่อลู่เซี่ยงหยุน ได้ยินลู่เสี้ยงหยางพูดคำพูดที่แล้งน้ำใจเช่นนั้น ร่างกายก็สั่นสะท้านขึ้นมาจนควบคุมไม่ได้ จู่ ๆน้ำตาก็ไหลนองเต็มหน้า

ลู่เสี้ยงหยางไม่อยากอยู่ในอาณาเขตตระกูลลู่นานไปกว่านี้ เขาจึงหันหลังและเดินออกไปจากตระกูลลู่อย่างรีบร้อน

วันนี้เขาไม่ใช่คนของตระกูลลู่อีกแล้ว ถ้าเขาอยู่ที่ตระกูลลู่อีกแม้สักนาทีเดียว ก็จะทำให้พ่อของเขาต้องอับอาย

หลังจากลู่เสี้ยงหยางได้ออกจากตระกูลลู่ เรื่องแรกที่ทำก็คือซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมืองปินเหอ จากนั้นนั่งรถเช่า รีบไปยังสนามบินเมืองหลวง

เมื่อเทียบกับเมืองหลวงแล้ว เขาชอบที่จะอยู่ที่ปินเหอมากกว่า อยู่ที่นั่น อย่างน้อยเขาไม่ต้องเสียใจเฉกเช่นวันนี้

ในห้องโถงผู้โดยสาร ระหว่างที่รอขึ้นเครื่องบิน ลู่เสี้ยงหยางได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเขา

เมื่อเขากดรับโทรศัพท์ ได้ยินเสียงแม่ของเขาหนันกงชูหรานพูดว่า “เสี้ยงหยาง ต่อให้คนทั้งตระกูลลู่ไม่เชื่อลูก แม่ก็เชื่อลูก แม่รู้ว่าลูกจะไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นได้”

ลู่เสี้ยงหยางรู้สึกอบอุ่นในใจ และพูดว่า “แม่ครับ ขอบคุณที่เชื่อใจผม ขอให้ท่านวางใจเถอะ ผมจะไม่ทำเรื่องที่ทำให้ท่านต้องอับอายขายหน้า”

“อืม” หนันกงชูหรานพยักหน้า แล้วถามว่า “ลูกวางแผนอะไรในอนาคต?”

ลู่เสี้ยงหยางตอบ “แม่ครับ หลังจากนี้ผมจะไปอาศัยอยู่ที่เมืองปินเหอ หากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย ก็ไม่ต้องเรียกผมกลับไป”

เมื่อหนันกงชูหรานได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งไปพักใหญ่ และก็เงียบเป็นเวลานาน

“ได้สิ แม่เคารพการตัดสินใจของลูก” เป็นเวลานานกว่าหนันกงชูหรานจะพูดประโยคนี้ออกมา

ลู่เสี้ยงหยางกล้ำกลืนฝืนทน และพูดต่อไปว่า “แม่ครับ ต่อไปผมไม่ได้อยู่ข้างกาย แม่ต้องดูแลตัวเองให้ดี และอีกอย่างหนึ่งฝากเตือนพ่อระวังคนรอบข้างด้วย แค่นี้น่ะครับ ผมจะขึ้นเครื่องบินแล้วครับ”

ติ๊ก!

เมื่อพูดจบ ลู่เสี้ยงหยางก็วางสายทันที หากยิ่งพูดนานไปยิ่งดันแต่จะทำให้แม่ของเขาเสียใจมากขึ้นไปอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนุ่มเศรษฐีลึกลับ