บทที่ 299 จางกุ้ยจู๋ถูกทำร้าย
จางกุ้ยจู๋ถูกตบเข้าที่ใบหน้าซึ่งเป็นการกระตุ้นนิสัยปากร้ายของเธออย่างสมบูรณ์ เธอแผดเสียงตะโกนด่าลั่น “แม่ง ไอ้ระยำ มึงลองตบกูดูอีกทีสิ! กูจะฉีกเนื้อมึงทั้งเป็น!”
ชายผมทองหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวอย่างโหดเหี้ยม “ยัยแก่เหม็นเน่า ปากแกนี่กินขี้มาเหรอไง เหม็นจริงๆ ถ้าวันนี้ฉันไม่ตบปากแกให้แตก ฉันจะไม่อยู่ในแก๊งค์อีกต่อไป”
พูดจบเขาก็ตบใบหน้าอีกข้างหนึ่งของจางกุ้ยจู๋
ดังนั้นใบหน้าอีกข้างหนึ่งของจางกุ้ยจู๋จึงบวมขึ้นมาเช่นกัน บวกกับส่วนใต้ปากที่เคยบวมมาก่อน ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป็นหัวหมู
ความเจ็บปวดที่ไม่อาจพรรณนาได้แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าของจางกุ้ยจู๋
จางกุ้ยจู๋กรีดร้องแล้วยื่นมือทั้งสองออกไป พยายามคว้าจับใบหน้าของชายผมทอง
แต่มือของชายคนนี้ค่อนข้างยาว เมื่อยื่นออกมาก็สามารถตบหน้าจางกุ้ยจู๋ได้อย่างง่ายดาย แต่จางกุ้ยจู๋นั้นกลับไม่สามารถคว้าจับอีกฝ่ายได้
ไม่กี่อึดใจใบหน้าของจางกุ้ยจู๋ก็ถูกตบมากกว่าสิบครั้ง
ไม่เพียงแต่ใบหน้าของเธอบวมจนกลายเป็นหัวหมู แต่ยังเต็มไปด้วยแผลเหวอหวะ ฟันส่วนใหญ่ของเธอถูกตบจนหัก
แม่ง
เมื่อเห็นจางกุ้ยจู๋ถูกทุบตีอย่างน่าเวทนา หลิวต้าจู้กับหลิวห้าวก็ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน
ส่วนจางกุ้ยจู๋ก็ถูกตบจนหวาดกลัวเช่นกัน เธอนั่งลงกับพื้นด้วยน้ำตา อ้อนวอนขอความเมตตาจากชายผมทอง
“เย็ดแม่ง หญิงชั่ว เมื่อกี้ปากแข็งนักไม่ใช่เหรอ? แม่งเอ๊ย แกไม่อยากจัดการฉันแล้วเหรอ? มาสิ” ชายผมทองถีบจางกุ้ยจู๋จนล้มคว่ำอีกครั้ง
จางกุ้ยจู๋เอามือทั้งสองกุมใบหน้าที่มีแผลเหวอะหวะ ขดตัวจนกลายเป็นก้อนกลม ในตอนนี้เธอรู้สึกกลัวจนถึงขีดสุด คุณพระ คนในเมืองโหดเหี้ยมจริงๆ เธอไม่อยากอยู่ในเมืองอีกแล้ว แค่อยากฉวยโอกาสกลับไปที่หมู่บ้านในชนบท
ในหมู่บ้านเธอมีชื่อเสียงในเรื่องการโต้เถียงทะเลาะวิวาท ไม่มีใครกล้าทะเลาะกับเธอ เธอเป็นจอมอันธพาลในหมู่บ้านชนบท
แต่ในเมือง ความเย่อหยิ่งหยาบคายใช้ไม่ได้ผลเลย
ไม่กี่วันที่ผ่านมาเธอเพิ่งได้รับการรักษาในโรงพยาบาล วันนี้เธอก็เข้ารับการรักษาอีกครั้ง มันเกินพอแล้ว
หลังจากสั่งสอนบทเรียนให้จางกุ้ยจู๋เสร็จ ชายผมทองก็จับจ้องไปที่หลิวห้าวแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พี่น้อง ตัดมือโง่ๆ ทิ้งซะ เจ้าหนู เมื่อกี้มือข้างไหนที่แกเอามาแตะก้นเมียฉัน ยื่นมันออกมา”
ทันทีที่เขาพูดจบพวกนักเลงคนอื่นๆ ก็เดินตรงเข้ามาหาหลิวห้าวพร้อมกับรอยยิ้มที่เหี้ยมโหดบนใบหน้า
ใบหน้าของหลิวห้าวซีดเผือดลง ร่างกายของเขายังคงสั่นสะท้านไม่หยุด ทันใดนั้นขาก็อ่อนแรงคุกเข่าลงบนพื้น เอาแต่ก้มหน้าคำนับ “ทุกท่านผมผิดไปแล้ว ผมจะไม่กล้าทำอีกแล้ว ได้โปรดยกโทษให้ผมด้วย”
“ให้อภัยแก ไอ้บ้า ก็เสียเปรียบแกน่ะสิ!”
พวกนักเลงทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เดินเข้าไปหาหลิวห้าว ต่อยเขาไปที่ศีรษะหลายหมัดจนเขาล้มลง แล้วเตะต่อยต่ออีกพักหนึ่ง
“อา ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย ผมไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ” หลิวห้าวถูกทำร้ายจนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด
นักเลงคนหนึ่งแผดเสียงคำราม “เมื่อกี้เอามือข้างไหนจับก้นพี่สะใภ้ของฉัน ยื่นออกมา ฉันไม่อยากพูดเป็นครั้งที่สอง”
หลิวห้าวรีบยื่นมือซ้ายออกมาโดยไม่กล้าลังเล
ทันทีที่เขายื่นมือซ้ายออกไป อันธพาลคนหนึ่งก็ยกเท้าขึ้นเหยียบอย่างแรง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกหักดังขึ้นมา
“โอ๊ย มือของผม มือของผมหักแล้ว” หลิวห้าวส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาและบีบหัวใจออกมา เจ็บปวดจนสลบไสลไป
โครม!
เมื่อเห็นคนเหล่านี้โหดร้ายเช่นนี้ หลิวต้าจู้ก็กลัวแทบตาย ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น
ชายผมทองเดินเข้าไปหาหลิวต้าจู้ด้วยสีหน้าบึ้งตึง พลางมองลงมาที่เขาแล้วกล่าวว่า “แกมันไอ้พวกขี้แพ้ แม้แต่เมียกับลูกชายของตัวเองยังไม่สามารถสั่งสอนให้ได้ดีด้วยซ้ำ วันนี้ฉันต้องสั่งสอนบทเรียนให้แกจำเอาไว้ให้ดี”
ผัวะ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หนุ่มเศรษฐีลึกลับ