สาริศาเลยจำต้องให้ชรัณเข็นตนเข้าไป
ไรยาพอเห็นเธอ ก็หยุดร้องไห้ไป ความชิงชังในดวงตาแทบจะพ่นไฟออกมาเลยทีเดียว!
ธีภพได้มองไปทางไรยาอย่างรวดเร็ว “ไรยา คุณออกไปก่อน”
บนใบหน้าไรยานั้นแสดงความไม่ยอมโดยเด็ดขาดออกมา แต่สีหน้าของธีภพมันแน่วแน่เป็นอย่างมาก เธอก็เลยต้องกัดริมฝีปากออกไป ก่อนไปก็ยังถลึงตามองสาริศาไปอย่างเกลียดชังไปแวบนึงด้วย
ชรัณเองก็ได้ออกไปอย่างรู้สถานการณ์เช่นกัน
ภายในห้องผู้ป่วย ได้เหลือแค่สาริศากับธีภพเพียงสองคนไปชั่วคราว
สาริศามองสีหน้าที่ซีดเซียวของธีภพ บนขาได้ใส่เฝือก บนหน้า บนแขนได้มีแผลจากไฟลวกอยู่นับไม่ถ้วน ใต้เสื้อผ้าในจุดที่เธอมองไม่เห็น ยิ่งไม่รู้เลยว่ายังมีแผลอยู่อีกเท่าไหร่กัน
เธออดไม่ได้ที่จะตาแดงจะร้องไห้ออกมาเล็กน้อย
แต่เธอก็พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้สุดความสามารถ พลางพูดเสียงเบาออกไปว่า “ธีภพ ครั้งนี้ ต้องขอบคุณคุณแล้วจริง ๆ”
ธีภพมองสาริศา น้ำเสียงสบาย ๆ ออกมา “คุณควรจะต้องขอบคุณผมจริง ๆ นั่นแหละ คุณยังจะกลับห้องไปเอาสร้อยเส้นนั้นไปอย่างเสียสติอย่างนี้ ถ้าไม่ใช่ผม เกรงว่าคุณคงจะได้ตายอยู่ข้างในไปตั้งนานแล้ว”
อันที่จริงตอนที่ช่วยสาริศา เขาได้เห็นชัดเจนว่า ของที่สาริศาพยายามจะกลับไปเอามาอย่างสุดชีวิต มันก็คือสร้อยคริสทัลเส้นหนึ่งนั่นเอง?
มือของสาริศาได้กำชุดผู้ป่วยของตัวเองแน่นขึ้นมาเล็กน้อย พลางพูดเสียงเบาออกมา “อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย”
“ไม่จำเป็น?” จู่ ๆ ธีภพก็ได้เลิกคิ้วออกมา “สาริศา นี่มันใช่เรื่องที่ว่าจำเป็นไม่จำเป็นเหรอ? คุณคิดว่า ผมจะมองดูคุณตายไปอยู่เฉย ๆ จริง ๆ ?”
จู่ ๆ สาริศาก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับสายตาของธีภพไปยังไงดีขึ้นมา ก็เลยต้องเบือนหน้าออกไป “อันที่จริงเพียงแค่คุณดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ฉันไม่ควรค่าให้คุณต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย”
ได้ยินถ้อยคำที่ไม่ว่าสาริศาจะเปิดปากพูดหรือปิดปากเงียบล้วนแล้วแต่จะเป็นคำพูดจำพวก “ไม่จำเป็น” “ไม่ควรค่า” จำพวกนี้ทั้งนั้น ธีภพถึงแม้ว่าจะเตือนตัวเองอยู่ไม่หยุดว่าอย่าไปโมโหใส่สาริศาอีก แต่ไฟโกรธมันก็ยังอดไม่ได้ที่จะปะทุขึ้นมาอยู่ดี
เขาลุกขึ้น มือที่ติดผ้าก๊อซเอาไว้อยู่ ได้บีบคางของสาริศาเอาไว้ บังคับให้เธอเงยหน้ามองมายังตนที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย พลางพูดเสียงเย็นออกมา “สาริศา ควรค่าหรือเปล่า จำเป็นหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่ผมจะตัดสินเอง ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะมาตัดสินเอาเองได้!”
สาริศามองธีภพที่อยู่ตรงหน้า เห็นเพียงแค่ความรู้สึกบางอย่างในตาของเขา ปกปิดเอาไว้ไม่อยู่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เธออดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกขึ้นมา
ไม่
ไม่ได้
เธอในตอนนี้กับธีภพมันไม่ได้อย่างแน่นอน
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว ภายในใจของเธอมันสั่นสะท้านขึ้นมา แล้วรีบสลัดมือของธีภพให้หลุดออกไปทันที พลางเอ่ยเสียงเข้มออกไปว่า “ธีภพ คุณระวังท่าทีของคุณหน่อย อย่าลืมว่าตอนนี้ฉันคืออาสะใภ้ของคุณนะ!”
อาสะใภ้
คำนี้เหมือนกับน้ำเย็นที่ได้ทำให้ธีภพนิ่งแข็งไปโดยสมบูรณ์
สาริศาฉวยโอกาสสลัดมือเขาออกไป ขมวดคิ้วมองไปทางธีภพ “ธีภพ คุณเองก็กำลังจะแต่งงานกับไรยาอยู่แล้ว ฉันหวังว่าการลืมตัวเสียกิริยาอย่างในวันนี้ จะไม่เกิดขึ้นมาอีก”
พูดจบ เธอก็ไม่ได้มองธีภพไปให้มากมายอีก ไถรถเข็นออกจากห้องผู้ป่วยไป เหลือเพียงแค่ธีภพนั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยไปอย่างสติหลุดลอยอยู่เพียงลำพัง
ออกจากห้องผู้ป่วยมา สาริศาก็ได้หยุดรถเข็นพิงเข้ากับบนผนัง สูดหายใจไปเฮือกใหญ่
การตอบสนองที่รุนแรงของธีภพเมื่อกี้อันนั้น มันเหมือนกับหนามแหลมติดค้างอยู่ภายในใจของเธอแน่น ทำให้เธอพูดไม่ออกเลยว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน
ครั้งหนึ่ง ตอนที่ธีภพพยายามทุกวิถีทางเพื่อทรมาน ลบหลู่ดูหมิ่นตนไปอย่างนั้น เธอนึกว่าเขาเพียงแค่เกลียดการทรยศของตน จึงต้องการแก้แค้นตน
แต่มาวันนี้เห็นความรู้สึกบางอย่างที่ปกปิดเอาไว้ไม่อยู่ในดวงตาของธีภพ แล้วก็การที่เขาพยายามช่วยตนสุดชีวิตด้วยแล้ว เธอถึงได้รู้ว่า เธอผิดไปแล้ว
เขายังไม่ปล่อยวางจากเธอ ไม่ได้ปล่อยวางจากเธอโดยสมบูรณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...