ร่างกายของสาริศาตอนนี้ราวกับถูกไฟแผดเผา จะไปได้ยินในสิ่งที่ธนพัตพูดได้อย่างไร ทำเพียงพึมพำอย่างทรมาน “ช่วย……ฉันด้วย……”
ดวงตาเขาธนพัตก็ยิ่งมืดมน ลูกกระเดือกเกร็งแน่น โน้มตัวลงกดทับสาวน้อยที่ร้อนรุ่มอยู่บนเตียง
แล้วประคบเข้าริมฝีปากที่ร้อนผ่าวของเธอ กลืนเสียงพึมพำอันเจ็บปวดของเธอและบดขยี้อย่างไม่หยุดหย่อน
สักพัก ธนพัตก็รู้สึกว่าไฟในร่างกายของสาริศา ดูเหมือนจะมาแผดเผาอยู่ในร่างกายของเขาเอง!
แต่ว่าเขายังคงไม่รีบร้อน
นี่เป็นครั้งแรกของเขากับสาริศา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้ครั้งแรกของตัวเองกับสาริศา เกิดขึ้นขณะที่สาริศาถูกวางยา
แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ เขาเองก็ไม่อยากจะอดทนอีกต่อไป
เขาต้องการเธอ ต้องการมาตั้งนานแล้ว
เขารู้ ต่อให้สาริศาจะถูกวางยา เธอก็ยังความรู้สึกและความจำ ดังนั้นเขาจึงอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้เธอ
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ยิ่งอ่อนโยน ริมฝีปากบางของเขากระซิบกระซาบไปยังข้างติ่งหูอันไวต่อความรู้สึกของสาริศา:“สาริศา คุณจะกลัวไหม”
รู้สึกถึงแรงกดทับบนร่างกายกับความร้อนผ่าวที่ต่างกัน ทำให้สมองของสาริศานึกถึงเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนอย่างควบคุมไม่ได้
ความเจ็บปวดจากการถูกพราก……
เธอเริ่มขดตัวด้วยความกลัว
ดูเหมือนธนพัตจะสัมผัสได้ถึงความกลัวและการต่อต้านของเธอ ครั้งนี้ ธนพัตก็ไม่ได้ยอมหรือถอยอีกไป แต่กลับจับข้อมือของเธอ แล้วกดลงบนหมอนเหนือศีรษะของเธอ จากนั้นโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหูของเธอ ลมหายใจจากการเปล่งเสียงออกมานั้น ทั้งหมดได้คลอเคลียอยู่ในแก้วหูของเธอ
“ไม่ต้องกลัวนะ” น้ำเสียงของเขาต่ำและแหบแห้ง “ผมรู้ว่าคุณมีเงามืดในใจ แต่ครั้งนี้ให้ผมได้ช่วยคุณนะ”
คำพูดของธนพัตประหนึ่งมนต์สะกดจิตคนก็ไม่ปาน สาริศารู้สึกเพียงราวกับตัวเธอตกอยู่ในมนต์สะกดนั้นในบัดดล เดิมทีความรู้สึกที่กลัวจนร่างเกร็ง ก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงอย่างช้า ๆ
ถึงแม้ฤทธิ์ยาจะทำให้เธอทุกข์ทรมาน แต่สติสุดท้ายของเธอก็ยังคงรับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปนับจากนี้
เพราะอีกฝ่ายคือธนพัต ดังนั้น บางที อาจจะ……
สัมผัสถึงความผ่อนคลายของสาริศา แววตาของธนพัตก็ผุดประกายรอยยิ้มขึ้นจาง ๆ ในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยความยับยั้งช่างใจของตัวเองให้อิสระ ค่อย ๆ ครอบครองเรือนร่างของสาวน้อย……
ค่ำคืนราตรีที่ยาวนาน ความตื่นเต้นทำให้มิอาจหลับไหลลง
สาริศาเองก็ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว รู้เพียงว่าตัวเองเกร็งและกลัวมากในตอนแรก แต่ตอนหลังก็ค่อย ๆ เริ่มให้ความร่วมมือ
พูดตรง ๆ สำหรับเรื่องแบบนี้ เธอนั้นติดอยู่กับฝันร้ายเมื่อสองปีก่อน
คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เธอสามารถเดินออกมาได้แล้ว ออกมาสัมผัสกับความสุขของผู้หญิงธรรมดาทั่วไป
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ร่างที่ร้อนผ่าวของเธอค่อย ๆ ได้บรรเทา เธอเองก็เหนื่อยเพลียมาก ในที่สุดก็ทรุดตัวลงในใต้ผ้าห่มแล้วก็หลับสนิทไป…..
วันรุ่งขึ้น สาริศาตื่นขึ้นจากความหนาว
ช่วยไม่ได้ เมื่อคืนธนพัตได้ปรับเครื่องปรับอากาศไปเย็นสุด ไม่น่าแปลกที่จะรู้สึกหนาว
สาริศาตื่นขึ้นมาด้วยตัวสั่นเทา แล้วมองเห็นธนพัตนอนอยู่ข้างกายตัวเอง ใบหน้าหลับไหลอันหล่อเหลาภายใต้แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องกระทบผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ดูงดงามสมบูรณ์แบบราวกับงานหัตถกรรมแกะสลักก็ไม่ปาน
สาริศาจ้องตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
จนกระทั่งธนพัตพูดด้วยดวงตาทั้งที่ยังไม่ลืม :“จ้องพอหรือยัง”
สาริศาถึงเพิ่งจะรู้สึกตัวว่า ความจริงแล้วธนพัตนั้นตื่นตั้งนานแล้ว จึงได้อยากหันหลังทันที
แต่ว่าเธอยังไม่ทันได้หันหลัง ธนพัตก็ได้คว้าไหล่ของเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...