สาริศาถูกทำเอางงงวยไปหมด ขมวดคิ้วออกมา “สิบปีอะไร? คุณกำลังพูดเรื่องอะไรกัน!? เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“ไม่มีทางจะเข้าใจผิดไปอย่างแน่นอน” ธนพัตพูดเสียงทุ้มต่ำออกมา “เห็นภาพผมก็จำได้แล้ว ผมไม่มีทางจะจำผิดไปแน่ เมื่อตอนนั้นก็คือคุณ”
เห็นสาริศายังคงมีสีหน้าไม่เข้าใจออกมา ธนพัตจึงได้พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำออกไปในทันที “เมื่อสิบปีก่อน ที่ชานเมืองของเมืองS คุณลองนึกดูให้ดี ๆ”
สาริศานั่งอยู่ที่บนตักของธนพัต พยายามนึกย้อนไป ในที่สุดก็นึกขึ้นมาได้ แล้วมองธนพัตไปอย่างตกตะลึง “เป็นคุณ! เด็กหนุ่มคนนั้นเป็นคุณ!”
ที่แท้เมื่อสิบปีก่อน สาริศาเมื่อตอนนั้นถูกทิ้งไว้ที่บ้าน ไรยาไปเข้าค่าย สุวิทย์กับโศภิตาก็ออกไปทำงานกัน
เธออยู่ที่บ้านคนเดียว อดไม่ได้ที่จะแอบสวมชุดสีแดงของไรยาออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก
เพราะถึงยังไงก็ไม่มีใครไปสนใจเธออยู่แล้ว
เธอไม่กล้าไปเที่ยวเล่นที่ใจกลางเมือง จึงได้มาที่ชานเมืองแห่งหนึ่งที่เธอคุ้นเคย แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอกับเด็กหนุ่มที่ทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือดคนหนึ่งเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และก็เป็นธนพัตเมื่อตอนนั้นนั่นเอง
สาริศาที่ไม่เคยเจอกับภาพเหตุการณ์อย่างนั้นมาก่อนก็ตกใจจนเสียขวัญไปเลย แต่ความรู้สึกรักในความถูกต้องที่อยู่ภายในใจมันได้ให้กำลังใจเธอ ให้เธอที่ตัวเล็กนิดเดียวอย่างนั้นจู่ ๆ ก็ระเบิดพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นออกมา
ตลอดทาง สาริศาได้แบกเขาอย่างนั้นไปจนถึงโรงพยาบาล
และก็เป็นเมื่อตอนนั้นเองเช่นกันที่สาริศาไม่ระวังไปทำชุดของไรยาเสียหายไป
สาริศากลัวว่าพวกโศภิตาเขาจะค้นพบว่าตนแอบขโมยชุดของไรยาไปสวม หลังจากที่ส่งธนพัตไปถึงโรงพยาบาลแล้ว สาริศาก็รีบกลับบ้านไปทันที
ชุดของไรยาเปื้อนเลือด เธอก็แอบเอาไปซักเอง หวังว่ามันจะสามารถซักคราบเลือดออกไปได้
นึกไม่ถึงว่าจะไม่ระวังจนซักพังไป สาริศาจึงแอบเอาไปวางกลับไป และก็ไม่กล้าจะพูดเรื่องนี้อีกเช่นกัน
ค่อย ๆ ผ่านไปเรื่อย ๆ สาริศาเองก็ค่อย ๆ ลืมเรื่องนี้ไปเหมือนกัน
จวบจนครั้งนี้ ธนพัตได้พูดถึงขึ้นมาอีกครั้ง เธอถึงจำเรื่องนี้ขึ้นมาได้
ธนพัตได้บดจูบสาริศาไปเบา ๆ แล้วพูดที่ข้าง ๆ ใบหูของเธอออกไปว่า “ผมดีใจมากเลย นึกไม่ถึงว่าเมื่อตอนนั้นจะเป็นคุณที่ช่วยผมเอาไว้ จุดเชื่อมโยงของโชคชะตาระหว่างพวกเรา ที่แท้มันก็มีมาก่อนสองปีก่อนเสียอีก”
สาริศาเขินอายหน้าแดงออกมา ร้องอุทานให้กับความบังเอิญมาเจอกันที่วิเศษและงดงามของโชคชะตา
ธนพัตก้มหน้าลงมองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ได้แดงก่ำออกมาของสาริศา ภายในใจมันก็อ่อนปวกเปียกไปหมดเช่นกัน
ดีเหลือเกิน
อย่างที่คิดเด็กผู้หญิงที่ช่วยเขาคนเมื่อตอนนั้น ในตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างในความทรงจำของเขา จิตใจดี อุตสาหะยืนหยัดมั่นคงอยู่
ไม่ใช่คนที่จะมีท่าทางอย่างไรยาอย่างนั้น
นึกถึงไรยาแล้ว สีหน้าของธนพัตได้เยือกเย็นออกมาอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ธนพัตนึกว่าไรยามีบุญคุณกับตน พะว้าพะวังไปทุกวิถีทาง นึกถึงบุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้อยู่ตลอด ไม่อาจจะฝืนทนลงมือไปได้ ดังนั้นจึงให้สาริศาเป็นคนจัดการไป
ตอนนี้รู้แล้วว่าเป็นสาริศาที่เป็นคนช่วยตนเอาไว้ ไม่ใช่ไรยา ธนพัตเองก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปกังวลจนไม่กล้าทำอะไรอีกแล้ว ไม่ต้องไปกังวลว่าจะตอบแทนน้ำใจของไรยาไปไม่ได้
เขาวางแผนจะไปจัดการไรยาด้วยตัวเอง
สาริศาถาม “คุณวางแผนจะทำยังไงคะ?”
“เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว” ธนพัตพูดตอบออกไป
สาริศาเองก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเหมือนกัน
กลับมาที่บ้าน เธอนอนพักไปคืนนึง ตื่นขึ้นมาในวันต่อมา ก็ได้รับสายสุวิทย์ ในสายสุวิทย์ได้แผดเสียงตะโกนออกมาเสียงดังว่า “สาริศา แกอยากจะฆ่าพวกเราให้ตายไปเลยหรือไง!”
สาริศาขมวดคิ้วออกมา “มีอะไร?”
“แกยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่ามีอะไร! แกดูข่าวเองสิ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...