“ดูโชว์สนุก ๆ ? โชว์อะไร?” ในใจของสาริศาเข้าใจเลย ไม่รู้ว่าคำพูดนี้ของธนพัตมันหมายความว่าอะไร หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไรเอาไว้งั้นเหรอ?
เห็นท่าทางใบหน้าเต็มไปด้วยความงงงวยของสาริศาแล้ว ธนพัตลูบผมเธอเบา ๆ พลางเอ่ยออกไปว่า “วางใจเถอะ คนที่ทำร้ายคุณพวกนั้น ผมจะทำให้พวกเขาได้ชดใช้”
สาริศาเห็นตาของธนพัต ความรู้สึกรักใคร่ที่อยู่ภายในได้เผยออกมาอย่างจริงจังและเข้มข้น ใบหน้าของสาริศาได้แดงออกมาเงียบ ๆ เธอยกมือไปกอดธนพัตเอาไว้แน่น ร่างแอบอิงไปที่ในอ้อมแขนของธนพัต
“ทำไมถึงได้ดีกับฉันขนาดนี้?” สาริศาพูดเสียงเบา ๆ ออกไป ดวงตาอดไม่ได้ที่จะแดงออกมา เธอรู้สึกขอบคุณสวรรค์จริง ๆ ที่ได้ทำให้ตนได้มาเจอกับธนพัต “ขอบคุณคุณมากจริง ๆ ...”
“เป็นผมที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณ” สายตาของธนพัตได้วูบไหวออกมาเล็กน้อย ก้มหน้าลงไปมองสาริศา
สาริศามองธนพัตไปด้วยความสงสัย “คุณขอบคุณอะไรฉัน!?”
ขอบคุณที่ปรากฏเข้ามาในชีวิตของผม
คำตอบในใจของธนพัตเป็นอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
หลังจากเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ชีวิตของเขาครั้งหนึ่งก็เคยตกอยู่ในความมืดมน เขาเคยคิดว่า ตนจะไม่มีวันจะไปเป็นห่วงใครสักคนหนึ่ง รักคนคนนึง ใส่ใจคนคนหนึ่งไปอีกแล้ว นับจากนี้ไปชีวิตมันจะเหมือนกับอยู่ท่ามกลางน้ำแข็งไปตลอด
แต่การปรากฏตัวของสาริศานั้นก็เหมือนกับแสงอาทิตย์ ขับเอาหมอกควันในชีวิตของเขาออกไป ทำให้เขารู้ว่าเขายังสามารถมีความสุขได้อีก คนแบบนี้ จะให้เขาไม่รู้สึกซาบซึ้งใจได้ยังไงกันล่ะ?
แต่ธนพัตก็ไม่ได้พูดความคิดของตนออกไป เพียงแค่ก้มลงไปจูบลงที่ตรงระหว่างคิ้วของสาริศา ก้มลงไปพูดว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
พูดไปเขาก็ได้ให้สาริศาเข็นรถเข็นของตัวเอง เดินออกไปจากห้องทำงาน
เลขาที่หน้าประตูเห็นสาริศาออกมา อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบน แต่ไม่คิดว่าสายตาหนึ่งของธนพัตที่กวาดเข้ามามันได้เย็นยะเยือกสุด ๆ ไปเลย ทำเอาเลขากลัวจนต้องก้มหน้าลงไปทันที
“ถ้าหลังจากนี้เธอยังไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวกับสาริศายังไง งั้นเธอก็ออกไปจากTNP Groupซะ” ตอนที่ธนพัตเดินไปที่หน้าประตูลิฟต์ น้ำเสียงเย็นชาก็ได้ดังเข้ามา
“ค่ะ ๆ !ท่านประธานครั้งหน้าฉันไม่กล้าอีกแล้วค่ะ! คุณผู้หญิงคุณจิตใจดีใจคอกว้างขวาง อย่าได้คิดถือสาฉันเลยนะคะ” เลาขาสาวได้พูดออกมาด้วยตัวสั่นงันงก
“ช่างเถอะ ไม่เป็นไร พวกเราไปกันเถอะ” สาริศาพูด
ธนพัตพาสาริศามาที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง
สาริศาเพิ่งจะเข็นธนพัตลงจากรถ พนักงานต้อนรับด้านนอกเห็นพวกเขา ก็เข้ามาต้อนรับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“คุณธนพัตกับคุณผู้หญิงมาทานข้าวด้วยกันเหรอครับ? ด้านบนมีห้องส่วนตัวสำหรับคู่รักครับ” แล้วก็มองรถเข็นของธนพัตไปอีกที พลางเอ่ยออกมาอย่างรีบร้อนว่า “ต้องการคนมาช่วยหรือเปล่าครับ? ผมจะไปเรียกคนมาเดี๋ยวนี้”
พูดไปแล้วก็คิดจะรับช่วงเข้าไปเข็นรถเข็นของธนพัตต่อเอง
“ไม่ต้องหรอก ฉันจัดการเองก็พอ” สาริศาเอี้ยวตัวหลบการกระทำของพนักงานต้อนรับไป
แขกคนอื่นเห็นพนักงานต้อนรับกระตือรือร้นขนาดนี้ อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญออกมา ตอนที่ตนมา ไม่เห็นเขาจะยิ้มออกมาเสียกระตือรือร้นขนาดนี้เลย แต่พนักงานต้อนรับไม่ได้สนใจเลยว่าพวกเขาจะคิดยังไงกัน
น่าตลก ธนพัตเป็นใครกัน? ถ้าเขาพอใจแล้วล่ะก็ มูลค่าการซื้อขายของร้านอาหารของตนก็จะสามารถเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว อย่างนั้นถึงตอนนั้นแล้ว ค่าจ้างของเขาแน่นอนว่าเมื่อน้ำขึ้นเรือก็ย่อมต้องพลอยยกสูงตามไปด้วยเช่นกัน คุณว่า เขาจะไม่กระตือรือร้นขึ้นมาได้ยังไงกันล่ะ?
“ไม่ต้องแล้ว พวกเราเอาโต๊ะที่ชั้นหนึ่งก็พอแล้ว” ธนพัตพูดออกไปนิ่ง ๆ
“ได้ครับ ๆ เชิญด้านใน” พนักงานต้อนรับพูดออกมาด้วยท่าทางนอบน้อม
สาริศาเข็นธนพัตเข้าร้านอาหารไป อันที่จริงตอนนี้เธอยังไม่ค่อยเข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้มาที่นี่ ปกติพวกเขาเองก็ไม่ได้มากินข้าวที่นี่กันบ่อย ๆ เลยด้วย นอกจากนี้ตอนนี้มันก็ไม่ใช่เวลาอาหารด้วยเหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...