หวานเย็น กรุ่นใจ นิยาย บท 260

“คุณเป็นคนโพสต์คลิปวิดีโอวันเกิดนั่นออกมาเอง?” สาริศาคิดไม่ถึงว่าพชิราจะติดตามเธอเร็วขนาดนี้

พอได้ยินคำถามของสาริศา พชิราก็ยิ่งพึงพอใจมากขึ้น “ไม่อย่างนั้นล่ะ สาริศาเธอโง่ถึงขนาดนี้ ทำให้ฉันรู้สึกไม่สนุกที่จะเล่นกับเธอแล้วสิ”

หลังจากพูดเยาะเย้ยสาริศาอีกครั้ง พชิราก็หันหลังกลับและจากไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

สาริศาถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังในห้องเครื่องดื่ม และใช้เวลานานกว่าจะปรับอารมณ์ได้

เธอคิดไม่ถึงว่าหล่อนก็คือ “หวนคืนอดีต” พชิราพูดถูก เธอนี่โง่มากจริงๆ เพิ่งจะมารู้ความจริงเอาตอนนี้ มีน่าถึงโดนเธอกลั่นแกล้งจนหัวหมุนแบบนี้!

อุตส่าห์ทนกับเสียงซุบซิบนินทาจนถึงเวลาเลิกงาน สาริศารู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ

พอกลับมาถึงบ้าน ธนพัตยังไม่กลับมา

เธอบังคับตัวเองให้หยุดคิดเรื่องพชิรา สาริศาเข้าไปอาบน้ำร้อน ให้ร่างกายของเธอก็รู้สึกสบายขึ้น ก่อนที่ท้องของเธอจะร้องขึ้นมา เธออดที่จะยิ้มแหยออกมาไม่ได้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน

วันนี้ป้าแม่บ้านขอลางานกลับบ้าน เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วตั้งใจจะลงไปที่ชั้นล่างเพื่อต้มบะหมี่มากินเอง แต่ลงมาถึงครึ่งทางของบันได เธอก็เห็นธนพีตที่กำลังผลักประตูเข้ามาพอดี ทั้งสองสบตากัน จนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

สาริศายืนนิ่ง เธอไม่รู้ว่าควรจะกลับขึ้นไปที่ห้องนอนหรือลงไปด้านล่างต่อดี หลังจากนิ่งคิดอยู่สักพัก สาริศาก็เดินลงไปที่ห้องครัวชั้นล่างโดยไม่ทักทายธนพัตเลย

พอเห็นว่าสาริศาไม่สนใจเขา ธนพัตจึงยืนอยู่ที่ประตูสักพักก่อนจะเดินเข้าไป

แล้วตรงเข้าไปในห้องทำงาน เขาเปิดคอมพิวเตอร์ ตั้งใจทำงานของวันนี้ต่อ แต่ดวงตาที่เย็นชาของสาริศายังคงปรากฏอยู่ในสมองของเขา ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ เขาคิดว่าจะปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเขากับสาริศาเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ธนพัตจึงลุกขึ้นและเดินลงบันไดไป

พอเขาเดินไปที่ประตูห้องครัว ธนพัตก็เห็นว่าสาริศากำลังทำบะหมี่อยู่ หลังจากลังเลอยู่สักพัก ธนพัตก็พูดขึ้นว่า “ริศา ผมหิวแล้วเหมือนกัน ช่วยทำบะหมี่ให้ผมอีกชามได้ไหม?”

ที่จริงแล้วสาริศาเห็นธนพัตที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องครัวได้สักพักแล้ว แต่เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น และไม่พูดกับสาริศา ไม่รู้ว่าเขาอยากจะทำอะไร จึงแกล้งทำเป็นไม่เห็น

พอได้ยินคำขอของธนพัต ที่ขอให้เธอทำบะหมี่ให้เขาด้วย สาริศาก็คิดว่าจะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว

ป้าแม่บ้านไม่อยู่ คุณชายอย่างธนพัต คงทำเองไม่เป็น ดังนั้นเขาคงต้องทนหิว ดังนั้นตอนที่สาริศาทำบะหมี่เธอจึงทำไว้สำหรับสองคน

ถึงแม้พวกเธอจะอยู่ในภาวะเมินเฉยกัน แต่เธอทำใจให้ธนพัตทนหิวไม่ได้ แต่เพราะศักดิ์ศรี ทำให้สาริศาไม่ตอบคำรับคำของธนพัต

พอเห็นว่าสาริศายังคงยุ่งอยู่กับการทำอาหาร และไม่สนใจเขา ธนพัตจึงรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะขอคืนดียังไง หลังจากยืนงุ่มง่ามอยู่สักพัก ธนพัตก็หันหลังเดินกลับไปที่ห้องทำงาน

ธนพัตนั่งลงหน้าโต๊ะทำงานด้วยความโกรธ ทำไมเขาถึงหยุดถามไม่ยอมถามต่อ บางทีสาริศาอาจจะตอบเขา แล้วตอนนี้ยังจะหาเหตุผลอะไรที่จะไปคุยกับสารอศาอีก

พอเห็นธนพัตเดินจากไป หัวใจของสาริศาก็รู้สึกดีขึ้น คุณชายธนพัตผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องปวดหัวเพราะปัญหาเรื่องอาหารใช่ไหม? พอนึกถึงท่าทางเขินอายของธนพัตขึ้นมา ริมฝีปากของสาริศาก็ยกยิ้มกว้าง

ในขณะที่ธนพัตกำลังจิตใจร้อนรนอยู่ในห้องทำงาน เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูเบา ๆ จากนั้นเสียงของสาริศาก็ดังขึ้นมาจากนอกประตู “บะหมี่ทำเสร็จแล้วค่ะ ลงมากินข้าวได้แล้ว”

ธนพัตยกยิ้มกว้าง เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปเปิดประตู แต่พบว่าสาริศาเดินไปถึงบันไดแล้ว

เขาเดินตามสาริศาไปที่โต๊ะอาหารแล้วนั่งลง ธนพัตนั่งกินบะหมี่ตรงหน้าเขา เขามองไปทางสาริศาหลายครั้ง และเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอเขาเห็นสาริศาก้มหน้าทานอาหารอย่างจริงจัง เขาจึงไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

“คุณธนพัตคะ” ในขณะที่ธนพัตกำลังลังเล ไม่รู้ว่าจะทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ได้ยังไง เขาได้ยินเสียงของสาริศาที่นั่งตรงข้ามดังขึ้นมาก่อน

“ว่าไงครับ?” แววตาดีใจผุดขึ้นมาบนใบหน้า เขารีบวางตะเกียบในมือลง แล้วถามสาริศา ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับเขาด้วยสีหน้าจริงจัง

สาริศายังคงก้มหน้าไม่มองเขา และใช้ตะเกียบเขี่ยบะหมี่ในชาม “วันอาทิตย์นี้เป็นพิธีศพของไรยา คุณมีเวลาไปกับฉันไหมคะ”

ที่จริงแล้วสาริศาก็ไม่รู้ว่าจะให้ธนพัตไปกับเธอด้วยหรือเปล่า เพราะตอนนี้พวกเธออยู่ในสถานการณ์สงครามเย็น และเธอไม่อยากยอมให้เขาง่ายๆ

แต่เธอไม่รู้ว่าวันนั้นจะเผชิญหน้ากับสุวิทย์ยังไง เพราะว่า การล้มละลายของบริษัทของตระกูลธราภักดิ์กับการเสียชีวิตของไรยามีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอไม่มากก็น้อย ถ้ามีธนพัตอยู่เคียงข้าง เธอจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น

พอได้ยินคำถามของสาริศา ธนพัตก็รู้สึกผิดเล็กน้อย สาริศาอุตส่าห์ยอมทำลายสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้ และขอให้เขาไปงานศพของไรยากับเธอ นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขาที่จะคืนดีกันเหมือนก่อน แต่เขากลับรับปากเธอไม่ได้

พอไม่ได้ยินคำตอบ สาริศาจึงเงยหน้าขึ้นมองธนพัตที่นั่งฝั่งตรงข้าม แล้วเห็นท่าทางลำบากใจของเขา ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างธนพัตกับบริษัทของตระกูลธราภักดิ์ ถ้าเขาไปด้วยคงต้องมีข่าวที่ไม่จำเป็นออกมามากมาย

“ถ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปเองได้”

“ไม่ใช่นะครับ ริศา” ธนพัตรีบอธิบายเพราะกลัวว่าสาริศาจะเข้าใจผิด “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากไป แต่วันอาทิตย์นี้ ผมต้องคุยรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบกับพชิรา การประชุมในครั้งนี้สำคัญมาก มันเกี่ยวข้องกับความสำเร็จหรือความล้มเหลวของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง ดังนั้นผมจึงหยุดไม่ได้ ในวันนั้นฉันจะให้ชรัณส่งคุณไปงาน ตกลงไหม?”

พอได้ยินคำพูดของธนพัต สาริศาก็จับตะเกียบในมือของเธอไว้แน่น พชิราอีกแล้ว ธนพัตยังทำงานร่วมกับพชิราอยู่อีกเหรอ?

บางทีธนพัตอาจจะคิดว่าพชิราเป็นเพื่อนร่วมงานและเพื่อนธรรมดา แต่พชิราไม่ได้คิดอย่างนั้นแน่นอน พอนึกถึงสิ่งที่พชิราพูดตอนที่เธอไปหาตนเองที่สำนักพิมพ์วันนี้ สาริศาไม่อยากให้ธนพัตกับเธอเจอหน้ากันอีก

แต่ถึงแม้เธอจะบอกธนพัต เขาก็คงไม่เชื่อเธอ แล้วอีกอย่าง ทุกวันนี้เธอกับธนพัตก็ทะเลาะกันเรื่องพชิรามาหลายครั้งแล้ว เธอไม่อยากทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้อีก

“เข้าใจแล้วค่ะ” สาริศาก้มหน้าแล้วตอบกลับ

“ริศา คุณเชื่อผมได้ไหม” พอคิดว่าสาริศายังคงสงสัยในความสัมพันธ์ของเขากับพชิรา ธนพัตจึงเอื้อมมือออกไป และเกยคางของสาริศาขึ้นมา แล้วมองเข้าไปในดวงตาของเธอก่อนจะพูดว่า “พชิรากับผมตอนนี้มีความสัมพันธ์แค่ในด้านการทำงาน พวกเรา……”

“ฉันรู้ค่ะ” สาริศาพูดขัดคำพูดของสาริศา เธอไม่อยากพูดเกี่ยวกับเรื่องของพชิราต่อ

ธนพัตเข้าใจความหมายของสาริศา จึงหยุดพูดถึงพชิรา บรรยากาศบนโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน สาริศาก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “งานศพของไรยาใกล้จะมาถึงแล้ว คุณช่วยปล่อยโศภิตากลับมาได้ไหมคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ