หวานเย็น กรุ่นใจ นิยาย บท 264

เมื่อเห็นว่ากันยาหลับตลอด สาริศาก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดทวิตเตอร์ดู

เปิดดูฮอตเสิร์ชในทวิตเตอร์ สาริศากดเข้าไปค้นหาเนื้อหาที่ตนเองสนใจ ก็พบว่ามีการถ่ายทอดสดงานแถลงข่าวของบริษัทธนพัตทางอินเทอร์เน็ตโดยไม่ได้ตั้งใจ

กดเข้าไปดูอย่างอยากรู้ สาริศากลับเห็นธนพัตนั่งอยู่กับพชิรากำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

ปฏิกิริยาแรกก็คือกดปิดโทรศัพท์ ทันใดนั้นสาริศาก็รู้สึกเจ็บหัวใจ เมื่อกี้ตนโทรหาธนพัตแต่ไม่มีคนรับสายเลย ที่แท้ก็เพราะว่าเขากำลังอยู่กับพชิราอย่างนั้นเหรอ?

สุดท้ายก็ยังสู้ความอยากรู้ไม่ได้ สาริศาเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดูต่อ ปรากฏว่ามันคืองานแถลงข่าวเกี่ยวกับเครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่ของTNP Group พอดีที่พชิราเป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับคอลเลคชั่นนี้

ในวิดีโอถ่ายทอดสดพชิรากำลังสวมชุดเดรสยาวเกาะอกสีขาว บนลำคอประดับด้วยสร้อยไข่มุกเป็นประกายอย่างเรียบง่าย พอดีกับระดับของกระดูกไหปลาร้า

อาจเป็นเพราะว่าต้องออกกล้อง การแต่งหน้าของพชิราในวันนี้เลยไม่เหมือนปกติ แต่งหน้าโทนสีนู้ดแมทช์ด้วยลิปสติกสีแดงออกส้ม ตาเป็นประกายดุจน้ำ ริมฝีปากสีแดงกับฟันสีขาว มองดูแล้วทั้งสดชื่นและเซ็กซี่

ธนพัตที่อยู่ด้านข้างกลับสวมชุดสูทสีดำปกติ แต่ร่างกายและอารมณ์ของเขาทำให้ชุดนี้รู้สึกแตกต่าง ชวนให้คนคิดถึงความสง่างาม

เมื่อก่อนข่าวของธนพัตกับพชิราเป็นประเด็นมาก ดังนั้นนอกจากคำถามปกติแล้ว นักข่าวจึงไม่ปล่อยโอกาสดีๆนี้หลุดลอยไป ยังถามคำถามส่วนตัวกับธนพัตกับพชิราเป็นจำนวนมาก

เกี่ยวกับคำถามที่นอกเหนือจากการออกแบบ ธนพัตเลือกที่จะไม่ตอบ มองข้ามไปโดยอัตโนมัติ ตามสไตล์ปกติของเขา

ส่วนพชิรากลับใจกว้าง ต่อหน้าคำถามกวนๆ ต่างๆ ของนักข่าว ก็พูดคำตอบที่มักจะทำให้คนรอบข้างขบขัน ทันใดนั้น ความประทับใจของผู้คนที่มีต่อหญิงที่ทั้งสวยและฉลาดคนนี้ก็ยิ่งมีมากขึ้น

สาริศาเห็นคอมเมนต์ในไลฟ์สดต่างก็ชื่นชมธนพัตกับพชิรา

“ผู้ชายก็ฉลาดผู้หญิงก็สวย น่าดูจริงๆ!!”

“ชุดของทั้งสองนี่จงใจใส่ให้เข้าคู่กันสินะ เหมือนกับเจ้าชายและเจ้าหญิงในนิทานเลย”

“ถ้าหากมีลูกด้วยกัน ลูกออกมาจะงานดีขนาดไหนเหนี่ย”

“คบกัน คบกัน คบกัน เรื่องสำคัญต้องพูดย้ำสามรอบ”

“ท่านประธานมาดเข้มคู่กับสาวผู้อ่อนโยน ฉันจิ้นเลย เจ๋ง”

……

เห็นพชิรายิ้มหวานอยู่ในไลฟ์ สาริศาก็นึกถึงใบหน้าที่มองมาทางตนอย่างเย่อหยิ่งในวันนั้น ผู้หญิงคนนี้แสดงเก่งจริงๆ

สุดท้าย พิธีกรก็พูดกับนักข่าวที่อยู่ล่างเวที “เอาล่ะ ตอนนี้เหลือเพียงคำถามสุดท้ายแล้ว ทุกท่านยังมีอะไรที่สนใจอยากรู้อีก เชิญใช้โอกาสนี้ถามได้เลยค่ะ”

นักข่าวคนนึงรีบลุกขึ้นถาม “คุณพชิรา เรื่องเกี่ยวกับการออกแบบเครื่องประดับนี้พวกเราพอรู้กันแล้ว สุดท้ายฉันขอถามคำถามส่วนตัวได้มั้ยคะ? คุณสามารถเลือกที่จะตอบหรือไม่ตอบก็ได้”

พชิราแกล้งคิดอยู่ครู่ และจึงฉีกยิ้มพูด “แน่นอนว่าได้ค่ะ”

“แน่นอนว่าพวกเราสามารถเดาออกว่า ผู้หญิงที่ทั้งฉลาดทั้งสวยอย่างคุณพชิราจะต้องมีชายหนุ่มตามจีบเยอะมากๆ แต่แค่ไม่รู้ว่าผู้ชายในสเปคของคุณพชิรานั้นเป็นแบบไหน? คุณพชิราพอจะบอกหน่อยได้มั้ยครับ ช่วยให้ผู้ชายอย่างพวกเรามีเป้าหมายในการพยายาม”

“อืม” พชิราหันไปมองธนพัตที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็ยิ้มพลางพูด “ฉันเลือกที่จะไม่ตอบนะคะ”

“คุณพชิรายังชอบคุณธนพัตอยู่เหรอครับ? ” นักข่าวคนนั้นยิงคำถามไม่ยอมปล่อย

พชิรายิ้มแต่ไม่พูดอะไร พิธีกรรีบคลี่คลายสถานการณ์ “เอาล่ะ บอกแล้วว่าเป็นคำถามสุดท้ายนะคะ ขอขอบคุณคุณธนพัตและคุณพชิราที่ยอมมาให้สัมภาษณ์กับพวกเรานะคะ และก็ขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่มานะคะ สวัสดีค่ะ”

ถึงแม้พชิราไม่ได้ตอบ แต่สายตาที่หันไปมองธนพัตนั้นมันชัดเจนมาก คิดว่าพรุ่งนี้สังคมต่างจะต้องพูดถึงเรื่องข่าวความรักของพชิรากับธนพัตแน่ๆเลย

หลังจากงานแถลงจบ ธนพัตก็กลับไปด้านหลังเวทีด้วยสีหน้ารำคาญ นักข่าวพวกนี้น่าเบื่อจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าเป็นงานแถลงเกี่ยวกับเครื่องประดับ แต่ที่ถามมีแต่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน

ธนพัตหยิบโทรศัพท์ออกมา ก็เห็นสายที่ไม่ได้รับหลายสาย เมื่อเปิดดู ทั้งหมดเป็นสาริศาที่โทรมา กลัวว่าสาริศาจะหาเขาเพราะมีเรื่องเร่งด่วน เมื่อธนพัตเห็นจึงโทรกลับไปในทันที

เมื่อดูงานแถลงจบ สาริศาก็วางโทรศัพท์ลง รู้สึกแย่มาก คนพวกนั้นต่างก็รู้ว่าธนพัตแต่งงานแล้ว แต่กลับยังพยายามให้ธนพัตกับพชิราเป็นคู่กัน หรือว่าไม่คิดถึงว่าหากตนมาเห็นจะรู้สึกยังไง? หรือว่าในสายตาผู้คน ตนกับพชิรานั้นแตกต่างกันมาก?

ขณะเดียวกัน ในใจของสาริศาก็บ่นธนพัต ก่อนหน้านี้ตอนที่รอผลตรวจดีเอ็นเอ ตนต้องการให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนขนาดนั้น แต่เขากลับอยู่กับพชิรา

ขณะที่สาริศากำลังนึกถึงเรื่องงานแถลงเมื่อกี้ อยู่ๆโทรศัพท์ที่อยู่ในมือก็สั่นขึ้น ยกขึ้นมาดู ก็เห็นว่าเป็นธนพัตที่โทรมา

ตอนนี้ไม่อยากจะรับสายของธนพัตสักเท่าไหร่ สาริศาจึงปิดเสียงโทรศัพท์จากนั้นก็โยนลงด้านข้าง ไม่สนใจ

“ขออภัย หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณา......” เมื่อได้ยินเสียงเตือนที่ดังผ่านโทรศัพท์ ธนพัตก็ขมวดคิ้วเบาๆ หรือว่าจะไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัวกันนะ?

เป็นห่วงสาริศาเล็กน้อย ธนพัตจึงโทรหาอีกครั้ง เธอยังโกรธตนอยู่ ถ้าหากไม่เป็นไรล่ะก็ ก็คงไม่ให้ตนต้องโทรหาหลายสายขนาดนี้

เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์สว่างขึ้นอีกครั้ง สาริศาก็ลังเลอยู่ครู่ และหยิบโทรศัพท์เดินออกไปที่ระเบียงด้านนอกห้องผู้ป่วย

“ฮัลโหล มีอะไร? ” สาริศารับสาย และถามอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดี

“เมื่อกี้ทำไมไม่รับสาย? ” เพราะว่าเป็นห่วง น้ำเสียงของธนพัตจึงดุเล็กน้อย จากที่หูของสาริศาได้ยิน ทำให้แค่รู้สึกน้อยใจกว่าเดิม

“เมื่อกี้ปิดเสียง ไม่ได้ยิน”

“อืม แบบนั้นเหรอ? ” ในใจของธนพัตก็ปล่อยวางลง เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว “เมื่อกี้เธอโทรหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ? ”

“ไม่มีอะไร” อยู่ๆสาริศาก็ไม่อยากบอกธนพัตเรื่องของเธอกับสุวิทย์แล้ว “ฉันแค่อยากถามว่านายอยู่ไหน เห็นว่านายไม่รับสายเลยโทรไปหลายสาย”

“อืม ฉันเพิ่งแถลงข่าวเสร็จ ตอนนี้กำลังเตรียมตัวกลับบริษัท” ธนพัตอธิบายเหตุผลที่ตัวเองไม่ได้รับสาย

“โอเค นายทำงานเถอะ ฉันไม่กวนแล้ว” พูดจบ ก็ไม่รอให้ธนพัตตอบกลับ สาริศาก็วางสายไปเลย

หลังจากวางสาย สาริศาก็พิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง รู้สึกว่าตอนนี้จะพูดคุยกับธนพัตนั้นจะมีความรู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย

ธนพัตบอกว่าเขาเพิ่งแถลงข่าวเสร็จ งั้นคงจะยังอยู่กับพชิราสินะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ