มองเห็นร่างของกันยาที่หันหลังให้ตนเองร้องไห้จนตัวสั่น สาริศาก็นึกถึงในวัยเด็กที่เธอดีต่อตนเอง
เนื่องจากเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว สาริศาจำได้ว่าครอบครัวของเธอยากจนมาก ขนาดที่ว่าไม่สามารถแม้แต่จะจ่ายค่าเล่าเรียนได้ แม่ต้องทำงานสองหรือสามงานพร้อมๆ กัน พยายามหาเงินเลี้ยงตัวเองอย่างสุดชีวิต
ในความทรงจำของเธอ แม่ไม่เคยปล่อยให้ตนเองต้องเสียเปรียบในด้านวัตถุนิยม เด็กคนอื่นมีอะไร แม่ก็พยายามเพื่อซื้อให้ตนเอง ไม่เคยปล่อยให้คนอื่นมาดูถูกตนเองเลย
คิดมาถึงตรงนี้ แม้สาริศาจะเสียใจมากที่เธอปิดบังตนเองมานานหลายปีขนาดนี้ แต่กลับไม่สามารถไปโทษว่าเป็นความผิดเธอได้ ต่อให้ตนเองไม่ใช่ลูกสาวของกันยา เธอก็พยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ตนเองได้ในสิ่งที่ดีที่สุด
ดังนั้น แบบนี้จะว่าไปแล้ว เธอยิ่งต้องขอบคุณกันยามากขึ้นด้วยซ้ำ ขอบคุณสำหรับการดูแลเอาใจใส่ตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา และปฏิบัติต่อตัวเองราวกับเป็นลูกแท้ๆของเธอ ถ้าไม่ ใช่แบบนี้ ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนเองจะอยู่ที่ไหน จะได้พบกับธนพัตหรือเปล่า จะมีชีวิตอย่างในปัจจุบันหรือไม่
“แม่คะ” สะกดความเศร้าเสียใจเอาไว้ สาริศาเช็ดน้ำตาตนเอง ค่อยๆพลิกร่างของกันยามา “แม่บอกหนูได้มั้ยคืว่าลูกสาวแท้ๆของแม่คือใคร” ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหาตัวลูกสาวของกันยาให้เจอ ให้เธอได้ผ่าตัดอย่างเร็วที่สุด
แต่กันยากลับร้องไห้ตลอดเวลา “ริศา ขอโทษ แม่……ไม่ได้……แม่ไม่ได้……” กันยาพูดสะเปะสะปะไม่ต่อเนื่องสาริศาฟังไม่รู้เรื่อง
เห็นกันยาเสียใจขนาดนี้ สาริศาคิดว่าลูกสาวเธอคงตายไปแล้ว ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าลูกสาวของเธอเพิ่งเกิดได้ไม่นานก็เสียชีวิตไป ดังนั้นเธอจึงอุ้มตัวเองมาเป็นลูกสาว
“ลูกสาวของแม่ตายไปแล้วเหรอคะ” สาริศาคิดว่าการคาดเดาของตนเองก็พอมีเหตุผลอยู่ จึงลองถามดู
กันยากลับร้องไห้พลางส่ายหน้า ปากก็ยังคงพึมพำตลอดเวลาว่า “เปล่า……เปล่า……ฉันไม่มี……”
ไม่เข้าใจว่าที่กันยาพูด “ไม่มี” หมายความว่ายังไงกันแน่ สาริศาถามเธออย่างร้อนใจว่า “แม่คะ ช่วงนี้คุณหมอได้ตรวจพบว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องหาคนบริจาคไขกระดูกให้แม่ แม่บอกหนูได้มั้ยคะว่าลูกสาวแท้ๆของแม่ตกลงอยู่ที่ไหนกันแน่”
เห็นปฏิกิริยาของกันยา สาริศาก็รู้สึกว่าลูกสาวของเธอน่าจะยังไม่ตาย แต่ทำไมกันยาไม่ยอมบอก
เมื่อได้ยินว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว กันยามองสาริศาอย่างตื่นตกใจ“นี่เป็นไปได้ยังไงกัน ฉัน……ฉันเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ยังไง”
“ก่อนหน้านี้คุณหมอโทรหาหนู บอกว่าตรวจพบว่าแม่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ต้องรีบหาไขกระดูกที่เข้ากับของแม่ได้ดีจึงจะทำการผ่าตัดได้” สาริศาดึงมือของเธอมาอธิบายว่า “หนูก็เลยคิดว่าตัวเองเป็นลูกสาวของแม่ ไม่แน่อาจจะบริจาคไขกระดูกให้แม่ได้ ก็เลยไปตรวจ คิดไม่ถึงว่า……”
พูดมาถึงตรงนี้ เสียงของสาริศาก็สะอื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ ให้ความรู้สึกเหมือนจะพูดต่อไม่ได้
พยายามสะกดกลั้นน้ำตาตัวเอง สาริศาพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้ที่หนูไม่ได้บอกแม่ เพราะกลัวว่าแม่จะเสียใจ ร่างกายก็จะยิ่งรับไม่ไหว ตอนนี้มีแค่ลูกสาวแท้ๆของแม่ที่อาจจะมีไขกระดูกที่เข้ากับแม่ได้ แม่บอกหนูได้มั้ยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน”
คิดไม่ถึงว่าพอฟังเสียงสาริศาจบ กันยากลับยิ่งร้องไห้เสียใจหนักขึ้น ส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “แม่ไม่……ไม่……”
สาริศาเห็นกันยายังไม่ยอมบอก ก็ร้อนใจอย่างมาก “แม่ ตอนนี้มีเพียงแค่ลูกสาวแม่ที่ช่วยชีวิตแม่ได้ แม่บอกหนูได้มั้ยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน หนูจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...